ตอนที่แล้วบทที่ 45 ช่วยไม่ได้ มันเป็นสัญชาตญาณน่ะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 47 ได้ร้านอาหารมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

บทที่ 46 ความสามารถพิเศษที่มาแบบกะทันหัน


บทที่ 46

ความสามารถพิเศษที่มาแบบกะทันหัน

“พี่สะใภ้รองเจ้าอยู่ข้างใน ข้าจะปล่อยเขาแล้วไม่สนใจไม่ได้”

เว่ยเหยียนถิงเห็นน้องชายของตัวเองก็อยู่ที่นี่ ข้างในก็มีคนอีกสองคน ตัวเขาเองนั้นจะช่วยชีวิตแค่คนเดียวไม่ได้ แต่คนสองคนในตอนนี้ก็เป็นภาระหน้าที่ของเขาอย่างนึง เลยพูดว่า “น้องสี่ เจ้าเข้าไปกับข้าเถอะ”

เว่ยเหยียนซิ่นได้ยินคำนี้แล้ว ก็ลังเลอยู่สักพัก ก็ปล่อยมือเว่ยเหยียนถิงแล้วบอกว่า “พี่ ไฟไหม้แรงเกินไป เราเข้าไปไม่ได้หรอก......ถ้าเกิดเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้ล่ะ จะทำยังไง......”

“เจ้า” เว่ยเหยียนถิงรู้สึกโมโหเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโมโห เขาหันไปมองห้องนั้นทีนึง และไม่กล้าที่จะชักช้าอีกต่อไป เลียนแบบเอาผ้าห่มชุบน้ำเหมือนฉินจิ่นแล้ววิ่งเข้าไป

คนที่ดับไฟอยู่ข้างๆ นั้นก็ยิ่งสงสัยว่า “นี่มันอะไรกันแน่ อยากจะพุ่งกันเข้าไปกันทีละคน ตอนนี้ก็มาอีกคนนึง ไม่คิดจะเอาชีวิตกันแล้วรึไง”

“อาจิ่น———”

“อาจิ่น———”

ฉินจิ่นละหลิวเซียงกอดผ้าห่มเอาไว้แล้วนั่งยองอยู่ตรงนั้นทั้งสองคน ตอนนี้สำลักควันกันไม่มีเสียงกันแล้ว แค่ได้ยินเสียงคนเรียนตัวเองเท่านั้น

“อาจิ่น———”

ฉินจิ่นรู้สึกว่าเสียงนี้นั้นคุ้นมาก เสียงใครกัน

“อาจิ่น———”

ทันทีที่ฉินจิ่นนึกออกขึ้นได้ ก็พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อเปล่งเสียงออกมา “พี่ถิง ข้าอยู่นี่”

พอเว่ยเหยียนถิงได้ยินเสียงแล้วก็หาฉินจิ่นและ             หลิวเซียงเจอทันที มองฉินจิ่นแล้วก็ถามว่า “อาจิ่น เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ไม่เป็นไร แค่กๆ แต่ควันเยอะเกินไป ไฟก็แรงเกินไป พวกเราเลยออกไปไม่ได้จริงๆ”

หลิวเซียงที่อยู่อีกฝั่งนึงเห็นฉินจิ่นและเว่ยเหยียนถิงแสดงความรักกันแล้ว ก็อดคิดถึงสามีที่ตายไปของตัวเองไม่ได้ เมื่อก่อนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ก็แสดงความรักกับตัวเองมากเหมือนกัน

“อื้ม งั้นตอนนี้ก็รีบไปกับพี่เร็ว”

เหมือนที่ฉินจิ่นพูด ว่าเข้ามาจากข้างนอกนั้นง่าย แต่การที่จะออกไปนั้นยากมากจริงๆ ไฟมันลุกลามหนักมาก

“อ๊า———”

หลิวเซียงตะโกนร้อนเสียงดังไปทีนึง ฉินจิ่นหันหน้าไปก็เห็นว่าที่เก็บกระดูกนั้นถูกไฟไหม้ไปแล้ว หลิวเซียงพยายามอยากดับไฟอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดับไม่ได้ ร้อนรนจนน้ำตานั้นไหลพรากออกมา

ฉินจิ่นอดไม่ได้ที่จะบอกว่า “เถ้าแก่หลิว อะไรที่ควรจะปล่อยก็ปล่อยเถอะ คนตายก็ตายไปแล้ว”

“ไม่......” ให้ตายหลิวเซียงก็ไม่ยอม แต่ไฟนั้นดับไม่ได้แล้วจริงๆ สุดท้ายก็ถูกไหม้ไป แล้วหลิวเซียงก็ร้องไห้หนักหน่วง

“อย่าร้องเลย ที่สำคัญในตอนนี้คือเราควรจะคิดว่าเราจะออกไปได้ยังไงมากกว่า”

เว่ยเหยียนถิงเห็นว่าไฟลุกลามหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ข้างนอกก็ยังดับไฟไม่ได้ หรือจะต้องตายอยู่ข้างในนี้แล้วจริงๆ

“ตอนนี้ควรทำยังไงดีล่ะ”

ฉินจิ่นส่ายหน้า นางก็ไม่ได้มีทางออกที่ดี ภัยธรรมชาติที่มนุษย์สร้างขึ้นก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“พี่ถิง แค่ได้ตายไปกับพี่ ก็ถือว่าตายอย่างคุ้มค่าแล้ว”

แต่เว่ยเหยียนถิงกลับไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่ายขนาดนั้น เขาจับมือของฉินจิ่นไว้ ให้ฉินจิ่นจับมือหลิวเซียง “ไม่ว่าวันนี้จะเป็นยังไง ยังไงพี่ก็จะเอาพวกเจ้าออกไปให้ได้”

ตอนที่พูดนั้นง่ายมาก แต่เขาคนเดียวที่ต้องดูแลผู้หญิงถึงสองคน แล้วรอบข้างก็ยังเป็นไฟลุกโชน ควันโขมง การที่จะออกไปได้นั้นมีแต่คำว่ายากแล้วก็ยากอย่างเดียว ในใจของเว่ยเหยียนถิงนั้นร้อนรนสุดๆ ตามองดูฉินจิ่นที่หายใจไม่ค่อยออกแล้ว ก็ยิ่งร้อนรนใจจนหัวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

จู่ๆ ในหัวก็มีภาพรางๆ โผล่เข้ามาในหัว ก็คือภาพของเด็กผู้ชายที่กำลังฝึกวิชาต่อสู้อยู่

“จำไว้ พลังลมปราณ จากนั้น......”

เว่ยเหยียนถิงเลยทำตามคำสอนการใช้สมาธิอย่างตั้งมั่นที่อยู่ในหัวตามสัญชาตญาณ แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเบามาก เหมือนว่าอยากกระโดด ก็กระโดดขึ้นมาได้เลย พอตาของเขาสว่างขึ้น ก็โอบฉินจิ่นและดึงหลิวเซียงไว้โดยไม่ทันได้คิด แล้วก็กระโดดออกทางหน้าต่าง

ท่ามกลางเสียงตกใจของทุกคน ในใจของเว่ยเหยียนถิงนั้นดีใจมาก แล้วก็รู้สึกว่าหายใจไม่ออก ข้างหน้านั้นมืดไปหมด ก่อนที่จะสลบก็ได้โอบฉินจิ่นเอาไว้ แล้วก็ล้มลงไปกับพื้นเสียงดังพรึบ

หลิวเซียงล้มลงคนเดียวอยู่อีกทางนึง

ทั้งสามคนสลบกันไปหมด

“โห นี่รอดออกมาจากข้างในได้ยังไงเนี่ย”

“นี่คงไม่ได้ตายแล้วหรอกนะ”

“พูดบ้าอะไร ยังมีลมหายใจอยู่หน่า”

“เร็วๆๆ รีบแบกไปที่โรงหมอเร็ว”

ทุกคนพากันยกทั้งสามคนไปที่โรงหมอ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก พักผ่อนแค่สองสามวันก็หายแล้ว

ตอนที่ฉินจิ่นฟื้นนั้น เว่ยเหยียนถิงก็ฟื้นก่อนแล้ว และทั้งตัวนั้นก็ไม่ได้มีแผลใหญ่อะไร

“พี่ถิง พี่เป็นยังไงบ้าง พี่ไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เรื่องแรกที่  ฉินจิ่นทำตอนฟื้นขึ้นมาก็คือการถามเขา

“ไม่เป็นไรจ้ะ” เว่ยเหยียนถิงรู้สึกว่าได้ใช้แรงไปหมดทั้งตัวแล้ว ตอนนี้เลยเมื่อยไปหมด

เขาจับหัวแล้วหมุนคอไปมา แล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “อาจิ่น เหมือนพี่จะเคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาก่อนเลย” ตอนนี้มีแค่พวกเขาสองคน เว่ยเหยียนถิงรู้สึกว่าเอาเรื่องพวกนี้บอกกับฉินจิ่นก็คงไม่เสียหายอะไร

ฉินจิ่นฝืนแล้วยืนขึ้นมาพูดว่า “จริงรึ ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยได้ยินพี่พูดถึงเรื่องนี้เลยล่ะ”

“ก่อนหน้านี้พี่ก็ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ตอนที่อยู่ในที่ที่ไฟไหม้นั้น ในหัวเหมือนมีภาพของท่าวิชาต่อสู้โผล่เข้ามา เพราะฉะนั้นต่อมาพี่ถึงได้พาพวกเจ้าสองคนออกมา แต่ตอนนี้กลับคิดไม่ออกแล้ว......แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าใครสอนพี่” เห็นได้ชัดว่าเว่ยเหยียนถิงนั้นหงุดหงิด

ฉินจิ่นอึ้งไป ก็อดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อว่า “พี่ถิง ไม่แน่พี่อาจจะมีชาติกำเนิดที่พิเศษก็ได้นะ”

“โอย จะมีอะไรได้ล่ะ” เว่ยเหยียนถิงโบกมือ แล้วก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ถ้ามีจริงๆ เขาก็คงไม่ได้อัปลักษณ์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกอย่างเด็กผู้ชายที่อยู่ในหัวนั้น ยังหล่อเหลาอีกด้วย

เห็นแบบนั้น ฉินจิ่นเลยหัวเราะแล้วพูดว่า “ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ยังไงก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงได้”

เว่ยเหยียนถิงรู้สึกว่านางพูดถูก ก็พูดว่า “งั้นรอให้ร่างกายของพี่หายดีหน่อย ข้าจะฝึกซ้อมวิชาต่อสู้ใหม่”

“จ้ะ” สำหรับเรื่องพวกนี้แล้ว ฉินจิ่นก็สนับสนุนมากเหมือนกัน

เว่ยเหยียนถิงคิดแล้วก็พูดว่า “ตอนเด็กก็ไม่มีใครบอกเรื่องพวกนี้กับพี่ ตอนนี้จู่ๆ พี่ก็มีวิชาขึ้น แต่พี่รู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ไม่ต้องบอกใครจะดีกว่า พี่กลัวคนอื่นจะรู้สึกว่าแปลกน่ะ”

“ดีจ้ะ” ฉินจิ่นก็รู้สึกว่าเขาคิดดีแล้ว ก็เลยตอบตกลงไป

“พักผ่อนดีๆ อีกสักหน่อยเถอะ ยังไงก็เป็นอัคคีภัย”

หลังจากที่ร่างกายหายดีแล้ว ฉินจิ่นและเว่ยเหยียนถิงก็ไปซื้อของที่ตลาด

“แม่นางฉิน ทำไมช่วงนี้ไม่มาขายถุงหอมเลยล่ะ” มีคนถาม

ฉินจิ่นหัวเราะ “สองสามวันนี้ไม่สบายน่ะจ้ะ ก็เพราะเจอไฟไหม้ครั้งใหญ่นั้น ก็เลยรักษาตัวมาถึงตอนนี้เลยน่ะ”

“สองสามวันที่เจ้าพักไป หาซื้อถุงหอมไม่ได้เลย” คนคนนั้นถอนหายใจไปทีนึง

ฉินจิ่นรู้สึกแปลกใจ “เป็นไปไม่ได้หรอก ร้านหลิวเซียงไม่เปิดขายแล้วเหรอ” พูดออกมาแล้วก็คิดแล้วคิดอีกแล้วพูดว่า “อื้ม ก็ใช่ นางคงกำลังรักษาตัวอยู่ ไม่มีเวลามาขาย”

“เจ้ายังไม่รู้สินะ ว่าเถ้าแก่หลิว จะไม่ขายแล้ว”

“ห้ะ”

ไม่มีทางหรอก หลิวเซียงบอกไม่ขายก็จะไม่ขายจริงๆ รึ แล้วก่อนหน้านี้ตัวเองเสียไปฟรีๆ ตั้งเยอะขนาดนั้น

พอหันไปก็เป็นร้านของหลิวเซียง ฉินจิ่นและ                   เว่ยเหยียนถิงกะจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยังไงก็เคยร่วมทุกข์มาด้วยกันแล้ว ถามเรื่องนี้หน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

“เถ้าแก่หลิว” ฉินจิ่นเคาะประตู

“พวกเจ้ารึ มา รีบเข้ามาเร็ว” หลิวเซียงต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นพิเศษ

พวกเขาก็ไม่ไม่ได้ปฏิเสธ แล้วก็นั่งลง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด