บทที่ 42 ผู้ชายหล่อบ้านนี้โดนหลอกแล้ว
บทที่ 42
ผู้ชายหล่อบ้านนี้โดนหลอกแล้ว
ลุงเจ้าหน้าที่ลังเลไปสักพักแล้วก็ให้เจ้าหน้าที่ไปเดินดูกับฉินจิ่นรอบนึง ไปดูว่าในร้านอาหารนั้นเป็นเหมือนที่ฉินจิ่นพูดรึเปล่า
“เปิดประตู เปิดประตู” เจ้าหน้าที่เคาะประตูได้เสียงดังมาก แม้แต่แผงประตูก็ยังสั่นสะเทือน
“ใครน่ะ” ลูกจ้างที่อยู่ข้างในได้ยินเสียงเคลื่อนไหวแล้วก็รู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆ ขึ้นในใจ “มาเคาะอะไรดึกๆ ดื่นๆ”
“ข้าคือเจ้าหน้าที่จู”
ลูกจ้างที่อยู่ข้างในรู้ว่าแบบนี้ต้องมีเหตุการณ์อะไรแน่ๆ จึงพูดพร้อมเปิดประตูไปด้วย แล้วก็สั่งให้คนไปบอกหลิวเซียงด้วย
“มีเรื่องอะไร” หลิวเซียงค่อยๆ ลงบันไดมาจากชั้นบน จงใจพูดว่า
“ทำอะไรกันดึกๆ ดื่นๆ”
“เถ้าแก่หลิว ข้าเอง” เจ้าหน้าที่จูยืนอยู่ที่ชั้นล่าง มองตรวจไปรอบๆ แล้วพูดว่า “แม่นางฉินท่านนี้บอกว่าเจ้าจับสามีและน้องชายไว้ ใต้เท้าเลยให้ข้ามาดูหน่อย”
“อะไรกันนะ” หลิวเซียงแกล้งทำเป็นฟังที่เจ้าหน้าที่จูพูดไม่รู้เรื่อง แต่ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า
“งั้นก็เชิญท่านหาดูเถอะ ตอนกลางคืนในร้านอาหารก็มีคนมาพักอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าคนที่ท่านหาน่ะคือใครกัน”
เจ้าหน้าที่จูไปหาดูในห้อง ฉินจิ่นก็ยืนอยู่ชั้นล่าง นางไม่มีสิทธิ์ไปตรวจหา ผ่านไปสักพัก เจ้าหน้าที่จูก็เรียกฉินจิ่นไปหาที่หน้าประตูห้องหนึ่ง แล้วพูดว่า “เจ้าลองดูสิ ว่าใช่คนนี้หรือไม่”
ฉินจิ่นดูแล้ว ก็เป็นเว่ยเหยียนซิ่น ก็รีบร่วมแรงกับเจ้าหน้าที่จูยกเว่ยเหยียนซิ่นออกมาทันที
“เหยียนซิ่น เหยียนซิ่น” ฉินจิ่นตบไปที่หน้าของ เว่ยเหยียนซิ่นเบาๆ แต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
“เจ้าทำอะไรเขา” ฉินจิ่นถามขึ้น
“เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ แค่วันนี้เขามากินข้าวที่ร้านข้า แล้วดื่มเหล้าไปนิดหน่อย ข้าจะรู้ได้ยังไง ว่าเขาจะคออ่อนขนาดนี้”
“เจ้าพูดไปเรื่อย” ฉินจิ่นจะเชื่อคำพูดบ้าๆ นี้ได้ยังไง เว่ยเหยียนซิ่นคออ่อน เลยไม่ดื่มเหล้ามาแต่ไหนแต่ไร “ต้องเป็นเพราะเจ้าใส่อะไรลงไปในอาหารแน่ๆ ถึงได้เป็นแบบนี้ เจ้าเป็นทายาทตระกูลหมอไม่ใช่รึ การทำยาแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้าหรอก”
เหมือนว่าหลิวเซียงจะเหนื่อย เลยนั่งลงแล้วค่อยๆ พูดว่า “จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้าหรอก แต่ไม่มีก็คือไม่มี”
เจ้าหน้าที่จูเดินเจ้าไปตรวจปากและจมูกของ เว่ยเหยียนซิ่นแล้ว ก็พูดว่า “แม่นางฉิน น้องชายของเจ้านั้นดื่มหนักไปจริงๆ เจ้าลองดมกลิ่นเหล้านี้ดูสิ”
ฉินจิ่นเข้าไปใกล้ ก็ได้กลิ่นเหล้าจริงๆ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ควรเป็นแบบนี้นี่ เว่ยเหยียนซิ่นดื่มเหล้าไม่เป็นสักหน่อย”
เจ้าหน้าที่จูเห็นฉินจิ่นกำลังคิดหาวิธีอยู่ก็พูดปลุก เว่ยเหยียนซิ่นให้ตื่นว่า “ข้าจะไปดูที่อื่นอีกว่ามีใครอีกหรือไม่”
“อื้ม” ฉินจิ่นพยักหน้า แล้วก็เริ่มตบไปที่หน้าของ เว่ยเหยียนซิ่นเบาๆ อีก “ตื่นเร็ว น้องสี่ ตื่นเร็ว”
“แม่นางฉิน หาสามีของเจ้าไม่เจอน่ะ” เจ้าหน้าที่จูพูดขึ้นหลังจากที่ออกมาจากห้องอยู่ท้าย
“เป็นไปไม่ได้” ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวเซียงเล่นเล่ห์เหลี่ยม เว่ยเหยียนถิงก็คงกลับมาตั้งนานแล้ว ถ้าคำนวณจากเวลาแล้ว เว่ยเหยียนถิงก็คงจะกลับมาตั้งนานแล้ว
“ไม่มีจริงๆ” เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่จูก็เริ่มรำคาญแล้ว
“หลิวเซียง เจ้าเอาเว่ยเหยียนถิงไปซ่อนไว้ที่ไหน” ฉินจิ่นหันกลับไปมองหลิวเซียง ในใจนั้นโกรธจนลุกเป็นไฟ
หลิวเซียงยืนขึ้นแล้วบอกว่า “เจ้าก็เห็นแล้วนี่ ว่าร้านอาหารของข้าก็ใหญ่แค่นี้ ถ้าข้าซ่อนเว่ยเหยียนถิงไว้จริงๆ จะไปซ่อนที่ไหนได้ล่ะ”
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าซ่อนไว้ที่ไหน แต่เจ้าต้องเป็นคนซ่อนแน่นอน”
หลิวเซียงปิดปากหาวแล้วพูดว่า “แม่นางฉิน ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้านะ สามีใครหายก็ต้องร้อนรนใจอยู่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่จูก็ค้นหาไปแล้ว ข้าก็ให้ความร่วมมือจนถึงที่สุดแล้ว ถ้าเจ้ายังคิดว่าข้าเป็นคนซ่อนอยู่อีก งั้นก็ต้องเอาหลักฐานออกมาแล้วล่ะ”
“เจ้า......” หลักฐานหรอ ถ้ามีหลักฐาน ยังจะมาพูดมากอยู่อย่างงี้ทำไมล่ะ ก็คงส่งหลิวเซียงเข้าคุกไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้หลิวเซียงกำลังทำให้ฉินจิ่นที่หาเว่ยเหยียนถิงไม่เจออยู่ แล้วก็ไม่มีแก่นสารอะไรว่านางกักขังเว่ยเหยียนถิงอีกด้วย
“แล้วตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว พวกเจ้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของข้า แล้วก็รบกวนเวลางานของข้า ก็เกรงว่าคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ แล้วท่านเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้แล้วใช่หรือไม่”
เจ้าหน้าที่จูได้ยินก็กังวลเหมือนกัน จะมาเสียชื่อเสียงเพื่อฉินจิ่นคนเดียวไม่ได้
“แม่นางฉิน งั้นเรากลับกันก่อนเถอะ หนึ่งนั้น ตอนนี้ไม่มีหลักฐานว่าเถ้าแก่หลิวนั้นกักขังคนเอาไว้ สองคือ น้องชายของเจ้าดื่มจนเมามากไปก็ไม่ใช่เรื่องอะไร กลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน ดีหรือไม่”
จนเรื่องเป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่มีวิธีอื่น
“เจ้าค่ะ”
ฉินจิ่นและเจ้าหน้าที่จูพยุงเว่ยเหยียนซิ่นที่ฟุบไปกับโต๊ะขึ้นมาแล้วเดินออกไป
ตอนที่เดินไปถึงหน้าประตูนั้น จู่ๆ ฉินจิ่นก็หยุดเดินแล้วหันไปมองหลิวเซียง “เถ้าแก่หลิว วันนี้น่ะหาไม่เจอว่า เว่ยเหยียนถิงอยู่กับเจ้าที่นี่ แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้ฉวยโอกาสไปแน่”
หลิวเซียงหัวเราะแล้วพูดว่า “รอให้เจ้าหาเว่ยเหยียนถิงให้เจอก่อนเถอะ แล้วค่อยมาพูดแบบนี้กับข้า”
มองดูฉินจิ่นที่ไกลออกไปเรื่อยๆ หลิวเซียงก็สั่งให้คนปิดประตูใหญ่
“ไปเถอะ พวกเจ้าไปพักเถอะ” หลิวเซียงพูดจบ ก็ไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน แต่กลับเดินไปทางห้องที่อยู่ในสุด จากนั้นก็ปิดประตู และเปิดเส้นทางลับ
เส้นทางลับนั้นมีแค่เชิงเทียนไม่กี่อัน เว่ยเหยียนถิงเงยหน้าขึ้นมา เห็นหลิวเซียง ถามว่า “น้องชายของข้าล่ะ เจ้าเอาน้องชายของข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“ท่านสบายใจได้ น้องชายของท่านปลอดภัยแน่นอนจ้ะ” หลิวเซียงพูด “เขาไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับข้าสักหน่อย”
“งั้นเจ้าจะเอายังไง” เว่ยเหยียนถิงรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นน่ากลัวอำมหิต “ปล่อยข้าออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
“ขอแค่เจ้ายอมไล่ฉินจิ่นไป แล้วแต่งงานกับข้า ข้ารับรองว่าครอบครัวของเจ้านั้นจะสงบสุข ต่อไปข้าก็จะไม่เป็นศัตรูกับ ฉินจิ่นอีก ถึงขั้นต้องออกไปจากที่นี่ ต่อไปร้านอาหาร ร้าน หลิวเซียงก็จะเป็นของท่านทั้งหมดเลยจ้ะ ยังจะอยากจะออกไป อีกหรือไม่”
“เจ้าฝันไปเถอะ” เว่ยเหยียนถิงปฏิเสธทันที “เจ้าเลิกเพ้อฝันได้แล้ว ข้ากับอาจิ่นไม่มีวันแยกจากกันแน่นอน”
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี” หลิวเซียงเอาเทียนมาไว้ในมือ เหมือนจะใช้แสงนี้ส่องเพื่อดูว่าทำไม เว่ยเหยียนถิงนั้นถึงเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ “ท่านรักมันจนไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงก็จะไม่แยกจากมันใช่หรือไม่”
“ใช่ ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงก็จะอยู่ด้วยกัน” เว่ยเหยียนถิงพยักหน้า ย้ำในคำสัญญา
เพียงแค่นึกถึงอาจิ่น ในใจของเขาก็รู้สึกอบอุ่นไปหมด
“ท่านรอไว้ได้เลย” หลิวเซียงยักคิ้ว แล้วบนปากก็แสยะยิ้มขึ้นด้วย “ข้าจะทำให้พวกเจ้าแยกจากกันให้ได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ช่วยเจ้าไม่ได้หรอก”
“เจ้าจะทำอะไร” สีหน้าของเว่ยเหยียนถิงดูไม่ดีนัก
“ข้าจะทำอะไรงั้นรึ” หลิวเซียงเอามือชี้ไปที่เว่ยเหยียนถิง พูดเสียงดังว่า “ข้าจะแยกเจ้าทั้งสอง ข้าจะทำให้พวกเจ้าไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน ข้าจะทำให้ท่านแต่งงานกับข้า ท่านสบายใจได้เลย ที่ข้าจะทำนั้น มันจะต้องเป็นจริงทั้งหมด ท่านจะต้องอยู่กับข้าไปจนแก่เฒ่า”
อีกฝั่งนั้น พอเจ้าหน้าที่จูส่งฉินจิ่นและเว่ยเหยียนซิ่นถึงหน้าประตูแล้วก็บอกว่า “ข้าส่งถึงที่นี่ก็แล้วกัน ยังต้องกลับไปประจำที่ทำการอีก”
“เจ้าค่ะ” ฉินจิ่นบอกขอบคุณ “วันนี้ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่จูมากเลยนะเจ้าคะที่มาช่วย”
“ไม่เป็นไร”
เจ้าหน้าที่จูเพิ่งจะกลับไป เว่ยจวนได้ยินเสียง ก็รีบออกมา เห็นสภาพของเว่ยเหยียนซิ่นแล้ว ทั้งตกใจและปวดใจ “ทำไมอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ ตอนออกบ้านไปก็ยังดีๆ อยู่ไม่ใช่รึไง”
“พยุงเข้าไปก่อนเถอะ เดี๋ยวเรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
นางเว่ยและชายชราเว่ยเห็นเว่ยเหยียนซิ่นเป็นแบบนี้แล้ว ก็อดปวดใจไม่ได้ และร้องไห้อย่างหนักหน่วง “ลูกสี่เอ้ย นี่เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงเห็นแบบนี้ คนที่ร่างกายยังอยู่ดีอยู่ ตอนออกไปนั้นก็เดินออกไป แต่ตอนกลับมานั้นกลับกลายเป็นแบบนี้......”