บทที่ 36 เอาเงินเรียนหนังสือของเขาไป
บทที่ 36
เอาเงินเรียนหนังสือของเขาไป
เว่ยจวนละอายใจเล็กน้อย เพราะแมลงสาบนี้นั้นเป็นพวกนางที่โยนเข้าไปจริงๆ เลยไม่กล้ามองหลิวเซียง
ฉินจิ่นเหลือบเห็นสีหน้าของเว่ยจวนก็รู้ว่าที่หลิวเซียงพูดนั้นเป็นความจริง เว่ยเหยียนถิงก็รู้จักน้องสาวคนนี้พอสมควร ก็เดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองรู้อยู่แก่ใจ ในเมื่อเจ้าเปียน้อยโดนคนอื่นจับแบบนี้แล้ว เว่ยเหยียนถิงก็เอ่ยปากพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เถ้าแก่หลิวจะเอายังไง”
“ชดใช้ตามราคา”
“เท่าไหร่”
“ไม่มาก” หลิวเซียงจ้องมองพวกเขาทั้งสองแล้วพูดว่า “สามตำลึง”
พอเว่ยจวนได้ยินว่าหลิวเซียงจะเก็บเงินเยอะขนาดนี้แล้ว ก็รู้ว่าสิงโตที่โลภมาก ลูกค้าพวกนั้นรวมๆ แล้วไม่ได้กินเยอะขนาดนั้น แล้วมาเก็บเงินเยอะขนาดนี้
“พี่รอง พี่สะใภ้รอง อย่าไปฟังคำพูดมั่วๆ ของมัน ไม่ได้เป็นเงินเยอะขนาดนั้น มันกำลังโกงเราอยู่” เว่ยจวนพูดอยู่อีกฝั่ง
“อาหารนั้นไม่ได้เป็นเงินมากขนาดนั้นอยู่แล้ว” หลิวเซียงยอมรับอย่างเอื่อยเฉื่อย “ในนั้นมีค่าชดเชยที่เจ้าด่าข้า แล้วก็มีค่าชดเชยที่ร้านอาหารของข้าขาดทุนรวมอยู่”
เว่ยเหยียนถิงมองฉินจิ่น เงินในบ้านส่วนใหญ่นั้นเป็นเงินที่นางหามาได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าควรจะถามความเห็นนางก่อน “อาจิ่น”
คำพูดมากมายรวบรวมอยู่ในความเงียบ ฉินจิ่นเข้าใจความหมายของเว่ยเหยียนถิง แล้วพยักหน้า
หลิวเซียงเห็นเว่ยเหยียนถิงเคารพฉินจิ่นแบบนั้นแล้ว ในใจก็โกรธแค้นขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
“ได้ เงินก้อนนี้เราจะจ่ายให้” ฉินจิ่นพูด “แต่บนตัวของพวกข้าไม่ได้มีเงินติดตัวมาด้วย เดี๋ยวจะกลับไปเอามาให้เจ้า”
หลิวเซียงหัวเราะแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าจะมีปัญญามากซะอีก แค่เงินสามตำลึงยังต้องกลับไปเอาที่บ้าน แบบนี้ยังคิดจะสู้กับข้าอีก ช่างไม่เจียมตัวเลยจริงๆ”
ฉินจิ่นอดทนไว้แล้วพูดว่า “เจ้ารอก่อนก็พอ”
“ได้ เจ้าไปเอามา แล้วให้เว่ยเหยียนถิงอยู่ที่นี่”
เว่ยเหยียนถิงและฉินจิ่นสบตากัน ตอนนี้นั้นถึงเขาเป็นคนมีอำนาจชี้ต้นตายชี้ปลายเป็นแต่เขาเองก็เนื้อบนเขียง ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
“อาจิ่น รีบไปเถอะ พี่จะรอเจ้ากลับมาเอง”
“จ้ะ”
พอกลับถึงบ้าน เสี่ยวซีก็โบกมือให้กับฉินจิ่นอย่างดีใจ “พี่สาว พี่กลับมาแล้ว”
“เสี่ยวซี”
มัวพูดอะไรมากไม่ได้ ฉินจิ่นก็ค้นกล่องค้นตู้แล้วก็เจอเงินแล้ว เห็นหน้าตาที่ไร้เดียงสาของเสี่ยวซีแล้ว ในใจของฉินจิ่นก็รู้สึกขอโทษ
“เสี่ยวซี พี่ขอโทษ เงินก้อนนี้นั้นตอนแรกพี่จะเอาไว้ให้เจ้าเรียนหนังสือ แต่ตอนนี้ถ้าไม่ใช้เงินนี้ พี่เว่ยจวนก็คงจะกลับมาไม่ได้แล้ว”
เสี่ยวซีนั้นรู้เรื่องมาก “ไม่เป็นไรขอรับ พี่สาว ให้พี่เว่ยจวนก่อนเถอะจ้ะ”
“ขอบใจมากนะเสี่ยวซี” ในใจของฉินจิ่นก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี
นางรีบเร่งเดินทางไม่กล้าที่จะพักตลอดทั้งทาง ฉินจิ่น รีบกลับไปยังร้านอาหาร
“นี่คือเงินที่เจ้าต้องการ” ฉินจิ่นวิ่งมาด้วยเหงื่อท่วมหัว ยื่นเงินออกไป หลิวเซียงเหลือบไปทีนึง แล้วผู้ช่วยก็รีบมารับเงินไปไว้ตรงหน้าของหลิวเซียง
“ใช้ได้หนิ”
“ตอนนี้คงปล่อยคนได้แล้วสินะ” ฉินจิ่นรู้สึกว่าเว่ยจวนถูกมัดไว้นานมากแล้ว ดูแล้วก็แทบจะเป็นลมอยู่แล้ว
หลิวเซียงทำท่าบอกว่าปล่อยเว่ยจวนได้แล้ว ในตอนที่เชือกถูกคลายออก เว่ยจวนก็รู้สึกว่าตัวเองผ่อนคลายไม่น้อย แต่บนตัวนั้นกลับปวดไปหมด บนข้อมือนั้นทั้งแดงทั้งม่วง หน้านั้นก็บวมสุดๆ
“ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทายาเดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว” ฉินจิ่นพูด และพยุงเว่ยจวนพร้อมกับเว่ยเหยียนถิงกลับไปกันสองคน
พอถึงหน้าประตู พนักงานในร้านอาหารก็มาขวางพวกเขาเอาไว้
“หมายความว่ายังไง” เว่ยเหยียนถิงหันกลับไปมอง หลิวเซียง “ก็ให้เงินไปแล้วไม่ใช่รึไง ทำไมถึงยังไม่ให้พวกเราไปอีก”
“บนโลกนี้มีเรื่องง่ายขนาดนี้ที่ไหนกัน”
นี่ยั่วให้ฉินจิ่นโมโหสุดๆ ผู้หญิงคนนี้จะจบได้รึยัง
“หลิวเซียง เจ้าจะหลีกหรือไม่หลีก ถ้าไม่หลีก เราก็ขึ้นศาลาว่าการด้วยกัน”
“ฉินจิ่น ใครผิดล่ะ น้องสาวเจ้ามาด่าข้า มากล่าวหาข้า เจ้ายังจะขึ้นศาลาว่าการอีก เจ้าฝันไปรึเปล่า” พูดจบ หลิวเซียงก็ปิดปากแล้วหัวเราะขึ้น
“แล้วเจ้าจะเอายังไง” เว่ยเหยียนถิงถามอย่างอดทน
“เห็นหรือไม่ บนโต๊ะนั่นยังมีเหล้าเยอะขนาดนั้น วันนี้พวกเจ้าสามคนดื่มให้หมด แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้ากลับไป”
ถึงแม้ว่าเหล้าสมัยก่อนจะดีกรีไม่มาก แต่เหล้าเยอะขนาดนั้น ก็ไม่ได้เล่นๆ จะบอกว่าดื่มแล้วก็ดื่มได้ยังไง ถึงตอนนี้ ฉินจิ่นจะดื่มได้ แต่นางก็ไม่รู้ว่าร่างกายของเจ้าของร่างเดิมนั้นจะดื่มได้มากแค่ไหน
เว่ยจวนก็ยังเด็ก แน่นอนว่าดื่มไม่ได้อยู่แล้ว
“ได้” เว่ยเหยียนถิงรับปาก “พวกข้าจะดื่ม”
บอกว่าพวกเรา แต่จริงๆ แล้วก็มีแค่เว่ยเหยียนถิงคนเดียว
ฉินจิ่นเห็นเขาดื่มทีละแก้วทีละแก้ว แล้วหน้าก็แดงขึ้นเรื่อยๆ
“พี่ถิง”
“พี่รอง”
เว่ยเหยียนถิงหัวเราะ “ไม่เป็นไร ปกติอยากดื่มยังไม่ได้ดื่มเลย วันนี้ยังไม่ต้องเสียเงินด้วย”
ตอนที่ดื่มอึกสุดท้ายนั้น เว่ยเหยียนถิงก็ฝืนตัวเองให้ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “เถ้าแก่หลิว พวกข้าไปได้รึยัง”
“ข้าพูดคำไหนคำนั้น” หลิวเซียงพยักหน้า “ปล่อยพวกเขาไป”
ฉินจิ่นเห็นเว่ยเหยียนถิงยืนขึ้น ก็รีบวิ่งเข้าไปพยุงกับ เว่ยเหยียนถิงทันที ทั้งสามคนเดินโซเซออกจากร้านอาหารไป
พอถึงบ้าน เว่ยเหยียนถิงก็เริ่มอ้วกไม่หยุด เสี่ยวซีและ เว่ยเหยียนถิงอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ก็ยังไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เลยถามอย่างเป็นห่วงว่า
“พี่สาวขอรับ พี่เขยเป็นอะไรไปขอรับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เสี่ยวซี” ฉินจิ่นพูดปลอบใจว่า “พี่เขยดื่มเยอะไปน่ะ เดี๋ยวอ้วกออกมาก็ดีขึ้นแล้ว”
“ขอรับ”
เสี่ยวซีวิ่งไปพยุงเว่ยเหยียนถิงพร้อมกับเว่ยจวน ตบที่หลังของเขาเบาๆ ให้เขาอ้วกได้ง่ายขึ้น
ฉินจิ่นตักน้ำอุ่นมาถ้วยนึง “พี่ถิง ดื่มน้ำสักนิดก่อนจ้ะ”
เว่ยเหยียนถิงพยายามฝืนดื่มน้ำเล็กน้อย แล้วก็ดีขึ้นบ้างแล้ว หลับตานอนไปบนเตียง ผ่านไปไม่นาน ก็อ้วกออกมาทั้งหมดแม้กระทั่งน้ำ
“พี่สะใภ้รอง จะทำยังไงดีล่ะ พี่รองอ้วกแบบนี้คงไม่ดีแล้ว”
ฉินจิ่นนั้นเรียนหมอ ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะเป็นห่วงแต่ก็ยังควบคุมสติไว้ “ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ อ้วกออกมาแล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
“ข้าขอโทษ ถ้าไม่ใช่เพราะข้า ก็คงไม่เป็นแบบนี้” เว่ยจวนพูดโทษตัวเอง
ฉินจิ่นรู้ว่าเว่ยจวนนั้นโกรธแทนตัวเองเลยไปหาเรื่องหลิวเซียง เห็นรอยแผลบนตัวนางแล้ว ก็ถอนหายใจ “พี่รู้ ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ แต่ต่อไปจะบ้าบิ่นแบบนี้อีกไม่ได้แล้วนะ พี่รองของเจ้าอ้วกไปก็ดีขึ้นแล้ว แต่แผลบนหน้าเจ้า บนตัวเจ้ายังต้องรักษาดีๆ อีก”
ฉินจิ่นจำได้ว่าในบ้านมียาทาที่ทำไว้อยู่สองสามขวด ยังไม่ได้เอาออกมาขาย แล้วตอนนี้ก็หาออกมาให้เว่ยจวน
“เจ้าเอาไปใช้ก่อนเถอะ”
“ไม่ได้ไม่ได้ นี่มันของซื้อของขาย” เว่ยจวนรีบปฏิเสธ ตอนนี้ไม่มีถุงหอม ธุรกิจก็ย่ำแย่แล้ว ถ้ายังจะเอายาไปอีก งั้นตัวเองก็คงไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว
“ไม่เป็นไร เงินไม่ได้สำคัญไปกว่าเจ้า” ฉินจิ่นรู้สึกแบบนี้จริงๆ เงินนั้นเป็นสิ่งของภายนอก ถ้าเหลือความเจ็บปวดเอาไว้นี่สิถึงจะไม่ดี
ด้วยการที่เป็นคนสมัยก่อนแล้ว เว่ยจวนกลับซาบซึ้งจนจะร้องไห้ออกมา เอามือมาเช็ดน้ำตา สะอื้นแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้รอง”
“อย่าร้องไห้เลย” ฉินจิ่นปลอบใจเว่ยจวนไปสองสามคำ เห็นว่าท้องฟ้ามืดแล้ว ไม่กล้าให้เว่ยจวนอยู่นาน พูดไปสองสามประโยค ก็บอกลาเว่ยจวน
“พี่สาวขอรับ พี่เขยยังอ้วกอยู่เลยขอรับ” เสี่ยวซีเห็นเว่ยเหยียนถิงอ้วกจนเป็นแบบนี้แล้วก็ถามอย่างทุกข์ใจ
ฉินจิ่นเห็นแล้วก็เป็นห่วง กำชับเสี่ยวซีให้เฝ้าบ้านแล้วก็รีบไปเก็บสมุนไพรมาทำซุปแก้เมาค้าง ป้อนให้เว่ยเหยียนถิงดื่ม ถึงได้เห็นเขาสบายขึ้นหน่อย
นางนั่งอยู่อีกฝั่งแล้วถอนหายใจช้าๆ “เห้อ คนหนุ่มสาวน่ะชอบใจร้อน”
ไม่ว่าจะเป็นเว่ยจวน หรือว่าเว่ยเหยียนถิง ตอนที่ใจร้อนขึ้นมานั้นก็สามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ ……