บทที่ 33 จงใจหาเรื่อง
บทที่ 33
จงใจหาเรื่อง
ตอนแรกคนร้ายเตรียมที่จะไปแล้ว แต่เห็นในบ้านนั้นมืดอยู่นานไม่ได้สว่างอีก เลยสงสัย แล้วใจกล้าเดินไป เกาะดูอยู่ที่หน้าต่าง ปรากฏว่าวันนี้ไม่มีใครเฝ้ายามเลย
หลังจากเทียนเล่มนี้ถูกพัดดับไป ฉินจิ่นก็พลิกตัวไปมา บ่นในใจพึมพำว่า รู้แบบนี้ไม่น่าดื่มน้ำเยอะขนาดนี้เลย นอนหลับยากมาก แล้วยังต้องลุกไปเข้าห้องน้ำอีก
พลิกตัวไปมาอยู่หลายรอบ ฉินจิ่นนั้นทำอะไรไม่ได้ เลยตื่น
เพิ่งเดินไปถึงนอกบ้าน เห็นคนมาทำลับๆ ล่อๆ อยู่ที่ถังน้ำไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ตรงนั้น ฉินจิ่นขยี้ตา เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ดูผิด ก็รีบตะโกนขึ้นทันที “เร็วเข้า มาจับคนหน่อย”
เว่ยเหยียนถิงไม่ได้หลับสนิทตั้งแต่แรกแล้ว พอได้ยินเสียงฉินจิ่น ก็รีบลุกขึ้นจากเตียงทันที เว่ยเหยียนซิ่นก็ตามมาทีหลัง ไปจับคนชุดดำไว้
หลายคนพากันมัดชายชุดดำไว้ เว่ยเหยียนถิงดึงผ้าดำที่คลุมหน้าของคนนั้นลง คนบ้านตระกูลเว่ยพากันตั้งใจดู ก็ไม่ได้รู้จัก
“เจ้าเป็นใคร ทำไมมาทำลับๆ ล่อๆ อยู่ที่หน้าบ้านข้า” เว่ยเหยียนถิงถาม
“ข้าไม่รู้” ชายชุดดำปากแข็ง “ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“ไม่รู้งั้นรึ ไม่รู้แล้วมาทำอะไรที่บ้านข้าดึกๆ ดื่นๆ ข้าคงต้องส่งเจ้าไปพิจารณาที่ศาลแล้วล่ะ” เว่ยเหยียนถิงยิ้มเยาะ จับเสื้อของชายชุดดำแล้วพูด
“ข้าไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ยาพิษอะไร พวกเจ้ารีบปล่อยข้าซะ”
ชายชุดดำปากแข็งไม่ยอมรับ ฉินจิ่นรีบให้เว่ยเหยียนถิงไปค้นที่ตัวเขา แล้วก็ค้นเจอขวดเล็กๆ ขวดนึง เว่ยเหยียนถิงสีหน้าเปลี่ยนทันที “นี่คืออะไร”
“ยาที่ใช้ฆ่าแมลงบ้านข้า” ชายชุดดำรีบเอ่ยปากทันที
“ใช่รึ” เว่ยจวนก็โมโหสุดๆ ก็ด่าว่า “ถ้าเจ้าไม่บอกล่ะก็ ข้าจะเอายาพิษนี่ให้เจ้ากินแน่!”
เว่ยเหยียนซิ่นก็รีบคว้าขวดแก้วเล็กๆ ในมือของ เว่ยเหยียนถิงมา เทผงนั้นลงออกมาแล้วก็อยากจะยัดเข้าไปในปากของชายชุดดำเต็มทน ทำเอาชายชุดดำตกใจจนหน้าซีดทันที
แต่ฉินจิ่นก็ยื่นมือไปห้ามไว้ “เดี๋ยวก่อน น้องสี่อย่าเพิ่งใจร้อนไป อย่าทำให้คนตายเลยเดี๋ยวจะกลายเป็นความผิดของเราได้”
หน้าของเว่ยเหยียนซิ่นมีความอยากปะทะความรุนแรงขึ้น และไม่ได้ปล่อยมือ
“น้องสี่!” ฉินจิ่นก็ตะโกนเสียงดังไปทีนึง ถึงจะทำให้เขาหยุดได้ รีบหันกลับไปบอกให้เว่ยเหยียนถิงส่งไปที่ส่วนราชการ ถือว่าเป็นการจัดการเรื่องนี้เบื้องต้น ให้ราชการสอบสวน
......
ต่อมา ชีวิตของคนบ้านเว่ยก็กลับเข้าสู่ความเป็นปกติใหม่อีกครั้ง
ฉินจิ่น เว่ยจวนและนางเว่ยก็เริ่มทำถุงหอมกันใหม่
“เป็นอะไรไปล่ะ อาจิ่น ทำไมสองสามวันนี้เจ้าดูไม่มีความสุขเลย” เว่ยเหยียนถิงเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าสองสามวันนี้ ฉินจิ่นดูซึมๆ อยู่ตลอด กินข้าวก็ดูไม่มีรสชาติเลยสักนิด
“ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรหรอกจ้ะ”
ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กอะไรด้วย
“เจ้าบอกมาสิ” เว่ยเหยียนถิงท่าทางตื่นเต้น และได้เตรียมใจไว้แล้ว เลยพูดว่า “มีเรื่องอะไรก็บอกออกมาเถอะ”
เสี่ยวซีก็พูดเสริมอยู่ข้างๆ “ใช่ขอรับ สองสามวันนี้พี่สาวถอนหายใจอยู่ตลอดเลย”
“ช่วงนี้ถุงหอมขายไม่ดีเลย ร้านหลิวเซียงที่เปิดใหม่ในเมืองนั้นทำของออกมาเหมือนข้า แล้วก็ขายถูกกว่าของข้าด้วย ทุกคนต่างก็ไปที่นั่นกันหมด”
เป้าหมายของหลิวเซียงนั้นไม่ใช่การหาเงิน เป้าหมายก็คือการท้าทายฉินจิ่น ฉินจิ่นคงไม่สามารถที่จะปะทะกับนาง จนไม่รู้จะหาเงินทางไหน
เว่ยเหยียนถิงฟังถึงตรงนี้ ในใจก็รู้สึกไม่สบาย และฉินจิ่นก็ยังไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องนี้หมดแล้ว
“งั้นพี่สาวก็สามารถทำไม่เหมือนเขาได้นี่ขอรับ” เสี่ยวซีพูดอย่างฉลาด
นี่เป็นอีกวิธีนึง ฉินจิ่นก็เคยลองแล้ว แต่สมุนไพรก็มีอยู่แค่นี้ ถ้าจะไปเก็บที่อื่นเพิ่ม ก็ต้องเพิ่มต้นทุน ไม่คุ้มแน่ๆ อีกอย่างสองสามวันที่แล้วนางก็ลองเพิ่มสมุนไพรดูบ้างแล้ว แต่ไม่ใช่สมุนไพรทุกอย่างที่เหมาะจะเพิ่มเข้าไป ที่มีกลิ่นฉุน เข้ากันไม่ได้ ก็ใส่เข้าไปไม่ได้ทั้งนั้น
แต่ฉินจิ่นก็ยิ้มและปลอบใจเสี่ยวซีว่า “เสี่ยวซีพูดถูก งั้นเดี๋ยวพี่จะลองดูนะ”
แต่ในหัวกลับคิดว่า เมื่อตอนอยู่โลกปัจจุบัน ถ้าขายไม่ดี จะทำอะไร
ลดล้างสต๊อก! จัดโปรโมชั่น! จัดกิจกรรม!
ฉินจิ่นคิดวิธีออกแล้ว ก็รีบเอาถุงหอมไปในเมืองทันที
“ทุกคนมาดูเร็ว ถุงหอมอันละยี่สิบเหวิน สองอันอันละสิบแปดเหวินจ้ะ” ฉินจิ่นตะโกน “ทุกคนเข้ามาดูกันได้จ้ะ ดูได้จ้า”
ด้วยความที่ของของฉินจิ่นนั้นประณีตอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าของของหลิวเซียงและฉินจิ่นจะเหมือนกัน แต่ของที่หลิวเซียงทำ ออกมานั้น ไม่ประณีตเหมือนฉินจิ่นแน่นอน แล้วลูกค้าก็กลับมาอีกครั้ง
หลิวเซียงที่อยู่ในร้านหลิวเซียงนั้นก็หัวเราะ ช่างไม่เจียมตัวจริงๆ
แล้วก็รีบแขวนป้ายทันทีว่า: ถุงหอมถุงละสิบเหวิน แถมผ้าเช็ดหน้าอีกหนึ่งผืน
ไม่ว่าจะเป็นคนสมัยก่อนหรือปัจจุบัน ขอแค่แถมของก็รีบมากันทันที
ฉินจิ่นเกลียดจนกัดฟัน เล่นบ้าอะไร นี่มันพยายามเล่นงานถึงตายชัดๆ (อดตาย)
แต่ฉินจิ่นก็ทำอะไรไม่ได้ มองดูลูกค้าที่มาร้านของตัวเอง แล้วก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ร้านหลิวเซียงแจกผ้าเช็ดหน้าด้วย เราไปซื้อที่ร้านนั้นกันเถอะ ก็คิดว่าซื้อผ้าเช็ดหน้าในราคาสอง เหวิน
“ใช่ๆ งั้นไปกันเถอะ” ผู้หญิงคนนึงควงแขนผู้หญิงอีกคนแล้วพูด
“ไปไปไป เราก็ไปกันเถอะ”
......
ฉินจิ่นคิดอยู่นานกว่าจะคิดวิธีนี้ออกมาได้ แต่ก็เพิ่งจะขายไปได้สองอัน สิบแปดเหวิน คิดต้นทุนดูแล้วก็ได้กำไรแค่สองเหวิน
ก็เหมือนว่าวันนี้นั้นทำงานฟรีไปแล้ว
เว่ยเหยียนถิงและฉินจิ่นไปบ้านเว่ย แง่นึงก็คือเอาเงินหนึ่งเหวินของครั้งที่แล้วไปให้เว่ยจวน อีกแง่นึงก็เพื่อบอกเรื่องร้านหลิวเซียงให้พวกเขาฟัง
“สะใภ้รอง เจ้า มีวิธีที่จะเอาคืนได้บ้างไหม” นางเว่ยถาม
ตอนนี้ในสายตาของนางเว่ยนั้น ตัวเองเป็นลูกสะใภ้ที่ฉลาดและทำงานเก่ง เรื่องไหนคิดหาวิธีไม่เจอก็ขอแค่ไปหานาง ยังไงก็ต้องมีวิธีแน่นอน
“ไม่มีจ้ะ” ฉินจิ่นส่ายหน้า เว่ยเหยียนถิงพูดอย่างเป็นเห็นใจว่า “ช่วงนี้อาจิ่นไม่ได้หลับดีๆ เลยขอรับ แล้วก็ไม่มีวิธีไหนเลย”
“นางจงใจหาเรื่องพวกเรา เพราะนางขายราคาต่ำมาก สู้ไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างก็ไม่รู้ว่านางไปเอาสูตรสมุนไพรมาจากไหน สมุนไพรในถุงหอมนั้นเหมือนของเราไม่มีผิด” ฉินจิ่นอธิบาย
เว่ยจวนได้ยินแบบนี้แล้ว จากที่กำลังปักผ้าอยู่ในตอนแรกนั้น เข็มก็ทิ่มมือทันที เจ็บจนแทบจะร้องไห้ออกมา ตัวเองลำบากขนาดนี้ กลับต้องมาเจอกับคนที่แข่งกับตัวเอง ก็พูดด่าว่า
“หลิวเซียงนี่ นึกว่าตัวเองมีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นรึ จงใจทำให้คนอื่นหาเงินไม่ได้ เหอะ ไม่กลัวว่าตัวเองจะล้มละลายในสักวัน ไร้ยางอายแบบนี้ กรรมต้องสนองแน่ๆ”
นางเว่ยได้ยินเว่ยจวนด่ารุนแรงแบบนี้แล้ว ก็ทนไม่ได้ “ช่างเถอะ ปากเจ้าก็ต้องละอายบ้าง จะไปยุ่งกับคนแบบนั้นทำไปกัน”
“ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นบ้าอะไร ไปเจออะไรกระตุ้นเข้า ถึงได้มาทำกับเราแบบนี้ นางเป็นม่ายไม่ใช่รึ ข้าดูแล้วก็เพราะนางเป็นคนใจดำแบบนี้ไงล่ะ ถึงได้เป็นม่ายแบบนี้”
กระตุ้น? แม่ม่ายเหรอ ฉินจิ่นใจกระตุกไปที เหมือนว่าเห็นอะไรและคิดอะไรบางอย่างออก
ที่นางชอบเว่ยเหยียนถิงแบบนี้ ต้องมีสาเหตุอะไรแน่นอน ไม่มีทางที่จะชอบโดยไม่มีเหตุผลได้ สาบานว่าจะเป็นบ้านน้อยให้ได้ เป็นบ้านน้อยไม่ได้ก็จะแยกพวกเขา ไม่เสียดายว่าจะต้องเสียอะไรบ้าง เรื่องนี้ต้องลองตรวจสอบ
วันรุ่งขึ้น ฉินจิ่นก็ตื่นแต่เช้า เอาเนื้อและผักบางส่วนไปส่งที่บ้านแม่ย่า