ตอนที่แล้วบทที่ 31 เอาแกไว้ทำประโยชน์อะไรเนี่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 จงใจหาเรื่อง

บทที่ 32 พวกเขาไม่มีคู่อริสักหน่อย


บทที่ 32

พวกเขาไม่มีคู่อริสักหน่อย

“คงจะไม่มีอะไรร้ายแรงแล้วล่ะ” หมอจางพูด

“เมื่อวานท่านบอกว่าไม่รู้ว่าจะฟื้นเมื่อไหร่ไม่ใช่รึ ทำไมวันนี้ถึงดีขึ้นเร็วขนาดนี้ล่ะ”

ท่านหมอก็ทำได้แค่บอกส่งๆ ไปว่า “คงเป็นเพราะชายชราเว่ยนั้นมีบุญอยู่แล้ว”

แต่ที่ชายชราเว่ยหายดีได้ ยังไงก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจที่สุดแล้ว

ตระกูลเว่ยส่งอาจารย์กลับไปแล้ว เว่ยเหยียนถิงและ       ฉินจิ่นก็กลับถึงบ้านแล้ว แต่ยังไม่ถึงวัน เว่ยจวนก็ร้องไห้และวิ่งมาอีก

“เกิดอะไรขึ้นล่ะ”

“แม่ก็เป็นลมเหมือนกันจ้ะ”

“อะไรนะ!” คราวนี้นั้นแปลกจริงๆ แล้วล่ะ เว่ยเหยียนถิงก็รีบไปเรียกอาจารย์หมอมาอีก ฉินจิ่นและเว่ยจวนก็รีบไปบ้านเว่ย ตลอดทั้งทาง เว่ยจวนก็บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับฉินจิ่นฟัง

“แม่ตื่นมาทำกับข้าวตอนเช้า พ่อบอกว่าวันนี้อยากดื่มซุป แล้วแม่ก็เลยทำ จากนั้นบอกตลอดว่าซุปนั้นจืด ให้ข้าไปเอาเกลือมา แล้วไม่นานแม่ก็เป็นลมไป”

ตอนที่ฉินจิ่นไปบ้านเว่ยครั้งนี้นั้นไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนครั้งที่แล้วแล้ว ดูอาการอย่างละเอียด แล้วสุดท้ายก็เหมือนกับชายชราเว่ยไม่มีผิด

ถึงแม้ว่าชายชราเว่ยจะไม่ได้ร้องไห้หนักเหมือนนางเว่ย แต่ขอบตาก็แดงเหมือนกัน

หมอจางจับชีพจรดูแล้วก็ได้ผลสรุปที่เหมือนกัน ไม่มีผิด

“พ่อจ๊ะ พ่ออย่ากังวลเลย บางทีจู่ๆ อาจจะดีขึ้นเหมือนพ่อในครั้งที่แล้วก็ได้” เว่ยเหยียนถิงพูด

ในใจของฉินจิ่นพูดว่า ผัวซื่อบื้อของข้าเอ๊ย จู่ๆ จะหายได้ยังไงล่ะ แล้วก็คิดอีกว่า ยังดีที่เอายาออกมาได้สามเม็ด ไม่อย่างงั้นถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง

“ไปเถอะ ไปส่งท่านหมอจางกัน”

ฉินจิ่นไม่ได้ไปส่ง ยืนอยู่ข้างเตียงของแม่เว่ย ใช้โอกาสในตอนที่ไม่มีใครสังเกตนั้นป้อนยาให้

พอส่งหมอกลับมาแล้ว เว่ยจวนกับฉินจิ่นก็นั่งเฝ้าอยู่ที่หัวเตียงด้วยกัน แล้วชายสองพี่น้องของบ้านเว่ยก็ไปตักน้ำ เว่ยจวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “นี่มันอะไรกัน พ่อเพิ่งจะหายดี แม่ก็มาเป็นแบบนี้อีกแล้ว”

“อย่ากังวลเลย เดี๋ยวก็ดีขึ้นจ้ะ”

ในตอนที่พระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้นถึงจุดสูงสุด นางเว่ยก็ฟื้นแล้ว และพูดอย่างสะลึมสะลือว่า “ซุปจืดเกินไป”

“แม่ แม่ฟื้นแล้ว” เว่ยจวนดีใจใหญ่

“เจ้าไม่รู้รึ ว่าทำพวกข้าตกใจหมดเลย”ชายชราเว่ยตาแดงขณะพูด

พอเว่ยเหยียนถิงและเว่ยเหยียนซิ่นได้ยินก็เดินเข้ามาจากข้างนอก ใจที่กังวลอยู่ก็สบายขึ้นแล้ว

“ทำไมสองสามวันนี้บ้านเราดูไม่สงบเลยล่ะ เดี๋ยวก็ผัวข้า เดี๋ยวก็ข้า” นางเว่ยตาแดงไปหมด เหมือนอยากจะร้องไห้ “ไปล่วงเกินอะไรไว้รึเปล่า”

“แม่ย่าจ๊ะ จากที่ข้าดูแล้ว มีคนวางยาจ้ะ” ฉินจิ่นพูด นางนั้นสงสัยตั้งแต่แรกแล้ว แต่ถึงก่อนหน้านี้นางจะสงสัย แต่ก็กังวลว่าพ่อเว่ยจะกินของอะไรที่ไม่สะอาดเข้าไป แต่สถานการณ์ตอนนี้นั้น มันมีอะไรแปลกๆ

“ทำไมล่ะ”

ทุกคนพากันตะลึง และนางเว่ยก็พูดด้วยความกลัวเล็กน้อยว่า “สะใภ้รอง คำพูดแบบนี้พูดมั่วๆ ไม่ได้นะ”

“ใช่ บ้านเราก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจ” พ่อเว่ยก็พูดเสริมอีกคำนึง

แต่คำนี้กลับทำให้ในหัวของฉินจิ่นนั้นมีความคิดเกิดขึ้น นางอ๋อไปที่นึง แต่ก็ไม่ได้บอกสิ่งที่ตัวเองเดาออกมา พูดแค่ว่า “ข้าก็แค่เดาไปเรื่อยน่ะจ้ะ แต่ระวังหน่อยก็ไม่เสียหายนะจ๊ะ ช่วงนี้ ของอะไรที่กินอยู่ตลอดก็ต้องตรวจสอบได้ดี ระวังเป็นพิเศษ”

พูดแล้วมองไปทางเว่ยเหยียนถิง “พี่ถิงจ๊ะ เราไปรับ         เสี่ยวซีมาอยู่ที่นี่กันเถอะจ้ะ”

“จ้ะ” เว่ยเหยียนถิงแสดงออกว่าตามใจภรรยาทั้งหมด

พวกเขาไปรับเสี่ยวซีมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็เอาเสื้อผ้าบางส่วน ผักและเนื้อมาด้วย

เว่ยจวนยืนรับพวกเขาที่หน้าประตู พอเห็นเสี่ยวซี ก็ดีใจเลยเดินไปบีบจมูกของเขา “นี่ใช่พ่อสุภาพบุรุษคนนั้นรึเปล่า เจ้ามาแล้วหรือจ๊ะ”

เสี่ยวซีหน้าแดงแล้วหลบอยู่หลังฉินจิ่น และเว่ยจวนนั้นก็เอาแต่แกล้งเขา “เป็นอะไรไป ยังเขินอยู่อีกรึ”

ฉินจิ่นหัวเราะ “เจ้าอย่าแกล้งเขาเลย เดี๋ยวจะทำให้เขาตกใจ แล้วต่อไปจะไม่กล้ามาบ้านเจ้าเอา”

เว่ยจวนถึงได้หยุดพูด แล้วก็พาเข้าไปกินข้าว

บ้านเว่ยนั้นถึงแม้ว่าแม่เว่ยและพ่อเว่ยเพิ่งจะหายป่วย แต่ก็ไม่ได้คึกคักแบบนี้มานานแล้ว เวลากินข้าวก็จะมีความสุขเป็นพิเศษ

“เสี่ยวซี กินนี่สิ”

“เสี่ยวซี เจ้าลองชิมนี่ดูสิ”

ไม่ทันไร ในถ้วยของเสี่ยวซีก็กับข้าวกองจนพูนจนฉินจิ่นหัวเราะ คนบ้านนี้นั้นต่างก็ทำดีกับเขาด้วยความจริงใจทั้งหมด

พอกินข้าวเสร็จ ฉินจิ่นก็เก็บกวาดล้างจาน แล้ว             เว่ยเหยียนถิงก็ไปตักน้ำ

“ดึกขนาดนี้แล้วยังจะไปตักน้ำอีกรึ” ฉินจิ่นแปลกใจ น้ำที่บ้านของตัวเองนั้นเป็นน้ำที่มาจากลำธารข้างๆ ปีนึงมีสี่ฤดู ก็มีน้ำไหลเชี่ยวอยู่ตลอด เลยไม่รู้ว่าดึกขนาดนี้แล้วบ้านเว่ยยังจะต้องไปตักน้ำอีกนั้นหมายความว่ายังไง

“ใช่จ้ะ พรุ่งนี้กินข้าวเช้าจะได้กินน้ำได้สะดวกน่ะจ้ะ ไม่งั้นพรุ่งนี้ยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะแยะ ถ้าไปตักน้ำอีกก็เสียเวลาน่ะ” เว่ยเหยียนถิงอธิบาย

พอถึงตอนที่ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เว่ยเหยียนถิงก็ กลับมาแล้ว

“พี่ถิง ตอนกลางคืนนั้นเป็นเวลาที่ไม่สงบที่สุด ในคืนที่ดวงจันทร์มืดมิดลมแรงนั้น เป็นเวลาที่จะใช้ฆ่าคนและวางเพลิง ตอนกลางคืนนั้นก็ยังต้องให้คนเฝ้าอยู่จ้ะ” ฉินจิ่นพูดปรึกษากับเว่ยเหยียนถิง

“อื้ม ใช่ๆ” น้องชายน้องสาวยังเด็ก คงจะเฝ้าไม่ได้ พ่อกับแม่นั้นก็อายุเยอะแล้ว การเฝ้าแบบนี้นั้นก็ลำบากเกินไปสำหรับพวกเขาเกินไป

ที่เหลืออยู่ก็คือฉินจิ่นและเว่ยเหยียนถิง

“เดี๋ยวคืนนี้ข้าเฝ้าก่อนเองจ้ะ” ฉินจิ่นคิดแล้ว ก็พูดก่อน ยังไงช่วงนี้นางก็ไม่มีงานอะไรอยู่แล้ว ไม่รีบว่าจะนอนเมื่อไหร่

เว่ยเหยียนถิงส่ายหน้า “ข้าได้ยินเว่ยจวนบอกว่าครั้งที่แล้วที่เจ้าเฝ้าจนหลับไป งั้นเรามาเฝ้าด้วยกันดีกว่า ปกติเฝ้าคนเดียวก็ง่วงนอนง่ายด้วย”

เรื่องครั้งที่แล้วนั้น เป็นเพราะฉินจิ่นได้ยามา แล้วรู้สึกว่าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรถึงได้หลับไป แต่จริงๆ แล้วก็ง่วงนอนอยู่เหมือนกัน การเฝ้าคืนนี้อาจจะไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันก็ไม่ใช่เรื่องตลก

“จ้ะ”

เฝ้ากันสองคนก็ดีขึ้นหน่อย ข้างนอกก็หนาวอยู่หน่อยๆ เว่ยเหยียนถิงและฉินจิ่นเลยนั่งอยู่ในบ้าน มีคนหลับอยู่ พวกเขาสองคนเลยไม่กล้าพูดเสียงดัง แต่แค่เว่ยเหยียนถิงจับมือของ         ฉินจิ่นไว้ ไว้แน่น

เป็นแบบนั้นซ้ำๆ อยู่หลายวัน แม่เว่ยเห็นว่าขอบตาของทั้งสองนั้นดำขึ้นเรื่อยๆ เลยพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “ลูกรอง สะใภ้รอง วันนี้พวกเจ้าไม่ต้องเฝ้าแล้ว สีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งดูไม่ค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ”

“ได้ยังไงล่ะขอรับ” เว่ยเหยียนถิงพูด “ถ้าเกิดว่ามีคนร้ายมาจะทำอย่างไร ประมาทไม่ได้นะขอรับ”

“เฝ้ามาตั้งห้าวันแล้ว คงเป็นเพราะข้ากับผัวข้านั้นกินของผิดไป คงไม่มีใครมาวางยาหรอก ถึงจะมี วันนี้ตอนพวกเจ้านอนก็จุดเชิงเทียนไว้ ให้คนคนนั้นรู้ว่ายังมีคนอยู่ อีกอย่าง ถ้าคนคนนั้นไม่ปรากฏตัวสักที แล้วพวกเจ้าก็เฝ้ากันอยู่แบบนี้รึ มันทรมานร่างกายเกินไปแล้ว”

ถ้าปกติแล้ว ฉินจิ่นคงไม่เห็นด้วยแน่นอน แต่หลังจากโต้รุ่งติดกันมาห้าวันแล้ว ร่างกายนั้นรับไม่ไหวจริงๆ แล้ว ทุกวันพอถึงตอนดึกก็รู้สึกง่วงนอนสุดๆ ถึงแม้ว่าตอนกลางวันก็นอน แต่เหมือนไม่ได้ชดเชยเลย ไม่รู้จริงๆ ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองโต้รุ่งได้ยังไง

พอตอนกลางคืน ก็ทำเหมือนที่นางเว่ยบอก ไม่ได้ดับ       เชิงเทียน จากนั้นทุกคนก็หลับไป

จริงๆ แล้วสองสามวันนี้ คนร้ายก็มาทุกวัน สำรวจดูอยู่นอกบ้านเว่ย แต่ก็มีคนอยู่ตลอด เลยไม่มีโอกาสได้ลงมือ วันนี้  เชิงเทียนยังสว่างอยู่ คนร้ายเลยถอนหายใจ แล้วก็ไม่มีโอกาสได้ลงมืออีกแล้ว ไม่รู้ว่ากลับไปจะโดนเจ้านายด่าว่ายังไงบ้าง

จู่ๆ ก็มีลมพัดมา เชิงเทียนก็ดับลง ผ่านไปอยู่นานก็ไม่สว่างขึ้น จึงคาดเดาว่าคนเฝ้านั้นหลับไปแล้ว คนร้ายก็เตรียมตัวที่จะลงมือ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด