ตอนที่แล้วบทที่ 2 หรือต้องผลิตเครื่องจ่ายไฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของการคร่าชีวิตสามีทั้งเจ็ด

บทที่ 3 ไอ้ขี้เหร่แบกเมีย


บทที่ 3

ไอ้ขี้เหร่แบกเมีย

พอทายาเสร็จก็ช่วยพันแผลให้กับเว่ยเหยียนถิงอย่างระมัดระวัง ในใจฉินจิ่นกำลังคิดว่า ถ้ามีระบบยา ตัวเองก็จะสามารถเอาเครื่องมือพวกนั้นมาศัลยกรรมให้เขาได้

เว่ยเหยียนถิงมองดูเงาของนาง ถึงจะคลุมด้วยเสื้อโค้ตหนาๆ ก็สามารถเห็นถึงรูปร่างที่เพรียวของหญิงสาวคนนั้นได้ ทำเอาสติหลุดลอยเลยทีเดียว

“เจ้ามองข้าทำไมกัน เวลาตอนนี้ก็ค่ำแล้ว เจ้าก็รีบไปนอนบนเตียงเถิด ระวังหน่อย อย่าให้เสี่ยวซีตื่น”เตียงเหรอ แต่ที่นี่มีแค่เตียงเดียวหนิ” คำที่รอคอยมานานก็ได้ถูกพูดออกมา

ถึงแม้จะรู้ว่าผู้ชายคนนี้คือสามีของนาง และหลังจากนี้ยังจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปอีกนาน แต่ถึงนางจะเปิดใจแค่ไหนก็คงจะยอมรับการนอนกับผู้ชายที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกทันทีไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือนางทำให้สามีตายไปถึง7คน ถึงแม้จริงๆ แล้วจะไม่ได้เกิดความสัมพันธ์อะไรขึ้นกับผู้ชายเลยก็ตาม

“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะออกไปนอนเก้าอี้ข้างนอก”

“เดี๋ยวก่อน อากาศหนาว เอาผ้าห่มเพิ่มไปอีกสักผืนสิ”

“อื้ม เจ้าก็รีบพักผ่อนล่ะ”

เว่ยเหยียนถิงแสดงอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้นางลำบากใจ มองดูแผ่นหลังของเขา ในใจของนางนั้นรู้สึกซาบซึ้ง ดูแล้วผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้แย่

ตื่นแต่เช้าตรู่จะทำกับข้าว กลับเห็นว่าอาหารที่เหลืออยู่ในบ้านนั้นกินหมดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เสียงท้องของเสี่ยวซีร้องจ้อกๆ แต่กลับไม่ได้งอแงจะเอาอาหารกับพวกเขา

เว่ยเหยียนถิงหน้าตาอัปลักษณ์ ไปทำงานก็ไม่มีเจ้านายคนไหนกล้ารับเขา กลัวว่าจะทำให้ลูกค้าตกใจจนหนีเตลิดไป ดีที่ร่างกายของเขาแข็งแรง เลยพึ่งการทำสวนปลูกผักประทังชีวิต เมื่อวานล่ากระต่ายป่ามาได้หนึ่งตัว ตอนแรกอยากจะเอากลับมาบ้าน แต่พอได้ยินว่าฉินจิ่นเกิดเรื่อง เลยรีบไปตามหา จนไม่ได้ระวังจึงทำกระต่ายป่าหลุดหายไป

ตอนแรกกลัวว่าฉินจิ่นจะโวยวาย แต่ครั้งนี้นางกลับใจเย็นแปลกๆ ไม่มีแม้แต่คำบ่นเลยสักคำ

“ท่านพี่ถิง ท่านไปในเมืองกับข้าหน่อยสิ เสี่ยวซี เจ้ารออยู่ที่บ้านดีๆ ล่ะ พวกเรารีบไปแล้วจะรีบกลับมา”

คำเรียกที่ว่า “ท่านพี่ถิง” นี้ทำเอาเว่ยเหยียนถิงใจฟูขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินนางเรียกตัวเองแบบนี้

เสี่ยวซีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง มองดูทั้งสองออกบ้านไป เกาะอยู่ตรงหน้าต่างมองออกไปข้างนอกตาแป๋ว ราวกับว่ากลัวพวกเขาจะทิ้งตัวเองไปและจะไม่กลับมาอีกแล้ว

ข้างนอกลมแรง มีหิมะตก ทางลงเขานั้นไม่ค่อยสะดวกนัก

เว่ยเหยียนถิงถอดเสื้อกันฝนออกคลุมไปบนตัวของนาง และคิดจะแบกนางขึ้นหลังแทน ฉินจิ่นพยักหน้า แล้วเกาะไปที่หลังของเขาโดยไม่ปฏิเสธ แผ่นหลังของผู้ชายนั้นกว้างและอบอุ่น ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าอากาศไม่ได้หนาวเท่าไหร่

เว่ยเหยียนถิงแบกนางและเดินบนทางหิมะอย่างระมัดระวัง ร่างกายของหญิงสาวนั้นตัวเล็กกะทัดรัด มีความอบอุ่นอยู่ด้วย ลมหายใจของนางรดไปบนหน้าของเขา จักจี้ และทำให้รู้สึกใจเต้นแรง

อยู่บ้านตระกูลเว่ยมาตั้งนาน นางไม่ยอมพูดกับเขาเลยสักคำ พอได้ยินว่าจะให้แต่งงานด้วย นางก็จะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายทันที แต่วันนี้กลับยอมให้เขาแบกนาง

ในใจเว่ยเหยียนถิงดีใจ สำหรับเขาแล้วนี่คือความก้าวหน้าก้าวใหญ่เลยล่ะ

ระหว่างทางมีหญิงชาวบ้านเจอพวกเขาทั้งสอง ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเยาะ ไอ้ขี้เหร่แบกเมียแล้วโว้ย

เว่ยเหยียนถิงตั้งใจหันหน้าหนีไม่มองพวกนาง ฉินจิ่นสังเกตเห็นท่าทางของเขา ใจของพ่อหนุ่มคนนี้ช่างอ่อนไหวจริงๆ นางกอดคอเขาไว้ พูดกระซิบไปที่ข้างหูของเขา

“ท่านพี่ถิง อย่าไปสนใจที่พวกนางพูดเลย”

“อื้ม” เว่ยเหยียนถิงอุ่นใจขึ้นทันที หลังจากที่ภรรยาคนนี้ของตัวเองจมน้ำแล้วก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้นั้นค่อนข้างดีกว่าอดีต

เมืองหลานเถียนเป็นเมืองเดียวที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ รอบๆ นั้นเต็มไปด้วยหลายๆ หมู่บ้าน หมู่บ้านเหยาคังที่พวกเขาอยู่ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ตลาดในเมืองนั้นมีอยู่แถวเดียวยาวไม่เกินห้าสิบเมตร แต่กลับมีคนพลุกพล่านอย่างครึกครื้น

ฉินจิ่นและเว่ยเหยียนถิงไปที่ร้านขายยาโดยตรง ร้านขายยาถูกตกแต่งอย่างสวยงาม คอยให้บริการกับคนรวยในเมือง ชาวบ้านทั่วไปเวลาป่วยนั้นมักจะทำใจไม่ได้ที่จะต้องเสียเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงมีหมอประจำของตัวเอง จริงๆ แล้วก็เป็นหมอที่รู้เกี่ยวกับสมุนไพรนิดหน่อย กับโรคภัยไข้เจ็บเล็กๆ น้อยๆ ก็พอรักษาได้ แต่ถ้าเจอกับโรคร้ายแรงก็รักษาไม่ได้อยู่ดี คนเหล่านี้ไม่ได้เรียนรู้มาเป็นพิเศษ และทำให้เกิดปัญหาในการรักษาได้ง่ายมากเช่นกัน

“พวกเจ้าสองคนมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงนี้ ยังไม่รีบไปอีก อย่ามาขวางการทำมาหากินของพวกข้า”

“พี่ชายจ้ะ พวกข้ามาขายยาน่ะ”

ลูกจ้างร้านขายยามองดูพวกเขาที่แต่งตัวเรียบง่าย เลยไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแต่แรกอยู่แล้ว

“ไปๆๆ ไปขอข้าวที่อื่นไป อย่ามาทำให้ที่ของพวกข้าสกปรก”

“พวกเจ้าร่ำรวยหน่อยก็เลยดูถูกเหยียบย่ำคนอื่นแบบนี้เหรอ ข้ามาขายยา ในเมื่อพวกเจ้าไม่อยากจะดูสินค้างั้นพวกข้าก็ขอลา”

“ช้าก่อน” เจ้าของร้านที่อยู่ในร้านได้ยินเข้าจึงเดินมา ตอนแรกที่เขาได้ยินเสียงจากข้างนอกนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่เห็นเด็กสาวคนนี้ไม่ยอมโดนดูถูก อีกอย่างก็รู้สึกสนใจของที่นางบอกด้วย

เจ้าของร้านขายยานามสกุลหวู สวมชุดผ้าไหม สูงอายุ ไว้เคราที่ยาวถึงอก หนวดเคราสีขาว ท่าทางเหมือนแพทย์แผนจีนโบราณ

ทั้งสองเดินตามเถ้าแก่หวูเข้าไปในร้าน เป็นครั้งแรกของเว่ยเหยียนถิงที่ได้เข้ามาในที่แบบนี้

เถ้าแก่หวูพิจารณายาสองโถที่ฉินจิ่นนำมา ใช้มือคว้านออกมานิดหน่อยแล้วใช้จมูกดม สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้น “ขอถามหน่อยนะแม่นาง ยานี้ใช้รักษาอะไรรึ”

“ใช้รักษาแผลภายนอกทุกอย่างเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแผลหนักแค่ไหน ก็สามารถหายได้ภายในเวลาห้าวัน”

ถ้าไม่ได้เห็นยานี้ด้วยตัวเอง เถ้าแก่หวูต้องคิดว่านางโกหกแน่ๆ เขาไม่เคยเห็นยาสูตรแปลกๆ นี้มาก่อน ไม่แน่อาจได้ผลที่น่าอัศจรรย์ก็ได้ แต่การทำธุรกิจนั้นก็ต้องระมัดระวัง เขาเลยบอกว่า “ยานี้เอาไว้ที่ร้านนี้ก็ได้ ถ้าขายดี ข้ากับเจ้าแบ่งกันคนละห้าสิบห้าสิบ”

“ไม่ได้ ข้าจะต้องได้เงินตอนนี้ ถ้าเจ้าไม่ให้งั้นข้าก็ขอเปลี่ยนไปร้านอื่นละกัน” ฉินจิ่นไม่พูดอะไรมากจะหยิบยาแล้วเดินไป แน่นอนว่าเถ้าแก่หวูต้องเสียดาย จากนั้นเขาจึงต่อราคาไปมา สุดท้ายแล้วเถ้าแก่หวูตกลงรับยาสองขวดนี้ที่สามสิบเหวินถ้าเกิดว่าขายได้ดี ก็ค่อยแบ่งให้นางคนละครึ่ง

พอคุยเรื่องราคากับฉินจิ่น เถ้าแก่หวูหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อ “ข้าทำธุรกิจมานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นแม่นางที่เสนอราคาได้เก่งแบบนี้”

“ลำบากเถ้าแก่แล้ว ข้ายังมีสูตรอีกมากมาย รับรองว่าที่อื่นไม่มีแน่นอน ถ้ายาตัวนี้ขายได้ดี วันหลังข้าจะเอาอย่างอื่นมาส่งให้ท่านอีก”

ได้ยินนางพูดแบบนี้แล้ว ท่าทางของเถ้าแก่หวูก็ดูผ่อนคลายขึ้น แต่กลับไม่บอกว่ายานี้ขายดีรึเปล่า สาวน้อยคนนี้พูดได้น่าฟังมาก

ลูกจ้างห่อเงินเสร็จก็ส่งมาตรงหน้าพวกเขา นับจากนั้นมา ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกพวกเขาอีกเลย ได้รับการยอมรับจากเจ้าของร้านแบบนี้ ดูท่าทางแล้วยาของหญิงสาวคนนี้ต้องมีของดีอะไรบางอย่างแน่ๆ

“ท่านพี่ถิง พี่เก็บไว้เถอะ” ฉินจิ่นได้นำเงินยัดไปในมือของเว่ยเหยียนถิง เว่ยเหยียนถิงจับอยู่สักพักก็อยากจะส่งกลับคืน

“นี่เป็นเงินที่เจ้าหามาได้ เจ้าเก็บไว้เถอะ”

“ของเจ้าของข้าอะไรกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมถึงต้องแบ่งแยกชัดเจนขนาดนั้นด้วยล่ะ”

เว่ยเหยียนถิงได้ยินคำพูดนี้แล้วในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้น ค่อยๆ ยิ้ม แล้วนำเงินใส่เข้ากระเป๋าอย่างระมัดระวัง

ทั้งสองออกจากร้านขายยา ขาข้างนึงเพิ่งจะก้าวออกไป และตอนก้าวขาอีกข้างก็ได้มีชายวัยกลางคนเดินเข้าไป

เดินสวนทางตรงประตูกับทั้งสอง แล้วก็ยังหันกลับไปมองทั้งสองทีนึงด้วย หนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์ยืนอยู่กับสาวสวยคนนี้ มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ

“อ้าว ท่านจาง ลมอะไรหอบท่านมารึ”

“ข้ามาเอายาน่ะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด