บทที่ 29 ไปหาผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเอง
บทที่ 29
ไปหาผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเอง
“แม่นางหลิวนี่สิเก่ง ดูจากการขายราคาต่ำเป็นเท่าตัวแบบนั้นแล้ว คงขาดทุนย่อยยับเลยสิท่า”
“แน่นอน ต้นทุนของข้าคือสิบห้าเหวิน” หลิวเซียงก็ไม่ได้ปฏิเสธ “สำหรับข้าแล้วสิบเหวินมันขาดทุนอยู่แล้วล่ะ แต่ข้ารู้แค่ว่า ถ้าใช้จ่ายในราคาที่เหมาะสมแล้วได้ของตามที่ตัวเองต้องการ งั้นมันก็เป็นการค้าขายที่ดีอย่างหนึ่งเหมือนกัน”
“พูดจบรึยัง”
ฉินจิ่นหัวเราะเหอะเหอะ ชี้ไปที่หน้าประตูใหญ่แล้วพูดว่า “ประตูอยู่ทางนั้น ออกไปเองล่ะ แล้วก็ปิดประตูให้ข้าด้วย”
การปฏิบัติกับคนที่ตัวเองไม่ชอบนั้น อีกอย่างยังเป็นคนที่อยากจะได้สามีของตัวเองอยู่เสมอแล้ว ฉินจิ่นไม่ได้มีอะไรจะพูดด้วยมากมายนัก แล้วอีกอย่างก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มาจากไหน แล้วยังมาทางเดียวเหมือนกับตัวเองอีก ต้องระวังให้มากขึ้น
แต่หลิวเซียงก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วสำรวจดูลานบ้าน เหมือนว่านางต่างหากที่เป็นนายหญิงของบ้านหลังนี้
“พี่สาว ทำไมคนคนนี้ไม่ไปสักที ไม่มีความเกรงใจเลย” เสี่ยวซีดึงไปที่แขนเสื้อของฉินจิ่นแล้วพูด
ดูสิ ไม่ใช่แค่นางคนเดียวที่มีความคิดแบบนี้
“แม่นางฉิน เงินห้าร้อยตำลึงนั่น เจ้าเสียดายหรือไม่” หลิวซียงมองกลับมา แล้วพูดกับฉินจิ่น
ฉินจิ่นกลัวว่าเสี่ยวซีจะได้ยินอะไร เลยโน้มตัวลงแล้วพูดกับเสี่ยวซีว่า “เสี่ยวซี ไปช่วยล้างผักให้พี่หน่อย”
รอจนเสี่ยวซีไปแล้ว ฉินจิ่นจ้องมองไปที่หลิวเซียง “ข้าไม่เสียดาย ก็แค่เงินห้าร้อยตำลึง เทียบกับความรักของข้ากับพี่ถิงได้ที่ไหนกัน”
หลิวเซียงกำหมัดไว้แน่น ผ่านไปอยู่นาน ถึงจะคลายออก “ผัวเมียนั้นเป็นเหมือนนกคู่อยู่แล้ว แต่พอเจออุปสรรคก็บินไปของใครของมัน”
“เจ้าคิดจะทำอะไร” ฉินจิ่นรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้พยายามจนถึงขั้นบ้าไปแล้ว ไม่รู้ว่านางจะทำอะไร แต่ฉินจิ่นนั้นรู้สึกอัดอึดในใจอยู่ตลอดเวลา
“ข้าคิดจะทำอะไร มันขึ้นอยู่กับว่าข้าอยากจะได้อะไร แม่นางฉิน ถ้าเจ้าอยากจะให้ข้าหยุดก็ได้ แค่เจ้าแยกกับเว่ยเหยียนถิง ข้าจะหยุดทันที แล้วให้เงินเจ้าอีกห้าร้อยตำลึงก็ยังได้” หลิวเซียงนึกว่าที่ฉินจิ่นถามแบบนั้น แสดงว่าหวั่นใจหน่อยแล้ว แล้วก็ให้ข้อเสนอที่ดีขึ้นอีก
“เจ้าลองดูบนฟ้าสิ” ฉินจิ่นพูดขึ้น
บนฟ้าเหรอ หลิวเซียงเงยหน้าขึ้นมอง ทำหน้างง บนฟ้าก็ไม่เห็นจะมีอะไรนอกดวงอาทิตย์
ฉินจิ่นหัวเราะ “พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน เจ้าก็ฝันกลางวันอยู่ที่นี่แล้วรึ เจ้าอยากจะเล่นใช่ไหม งั้นเรามาเล่นกันให้ดีๆ เถอะ”
“เจ้า!” หลิวเซียวโมโหสุดๆ แล้วก็ตะคอกออกมาคำนึง “เรามารอดูกัน”
พูดจบหลิวเซียงก็เดินดุ่มๆ ไปด้วยความโมโห
ฉินจิ่นเห็นว่าหลิวเซียงไปแล้ว ในใจกลับยังไม่สบายอยู่ ดูภายนอกแล้วเหมือนว่าตัวเองจะชนะแล้ว แต่จริงๆ แล้วหลิวเซียงก็ยังชนะอยู่ดี เพราะอำนาจปะทะนั้นอยู่ในมือของนาง
แล้วฉากนี้ก็อยู่ในสายตาของเว่ยเหยียนถิงที่อยู่หลังบ้าน จริงๆ แล้ววันนี้เขาจะออกไปล่าสัตว์ พอเดินไปครึ่งทางก็เห็นว่าธนูนั้นพังแล้ว เลยกลับมาเอาธนู ใครจะรู้ว่าจะมาเจอการประชันหน้านี้
เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่แปลกที่ถุงหอมที่ฉินจิ่นเอาไปขายวันนั้นถูกเอากลับมาอีก และขายไม่ได้เลยสักอัน
เว่ยเหยียนถิงเห็นใจสุดๆ
......
สองสามวันนี้ ฉินจิ่นนั้นยุ่งขึ้นเยอะ จำนวนครั้งที่ไปเก็บสมุนไพรก็เยอะขึ้น แล้วชนิดและปริมาณของสมุนไพรที่เอากลับมาก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ
“พี่สาว นี่คืออะไรหรือขอรับ” เสี่ยวซีเก็บหญ้าที่ฉินจิ่นเพิ่งไปเก็บมาแล้วถาม
“อย่าจับ” พอเหลือบไปมอง ฉินจิ่นก็ปัดออกจากมือของเสี่ยวซีทันที “พวกนี้เป็นยาทั้งหมด จับไปเรื่อยไม่ได้ แล้วก็ยิ่งกินไม่ได้ด้วย” ยาย่อมมีพิษอยู่สามส่วน มีสรรพคุณแก้พิษ แล้วก็เป็นพิษด้วย ต่างกันที่ว่าใช้ยังไง
“อ๋อ” เสี่ยวซีขานรับ พอหันกลับไปก็เห็นเว่ยเหยียนถิง กลับมาพอดี ตะโกนเรียกพี่เขยเสียงหวานไปคำนึง
เว่ยเหยียนถิงยิ้มกรุ้มกริ่มตอบรับ วางธนูลงแล้วนั่งลงข้างๆ กองสมุนไพรกองใหญ่ เห็นฉินจิ่นที่สูดๆ ดมๆ อยู่ ก็ถามขึ้นว่า “อาจิ่น เจ้าทำอะไรรึ”
“ข้าอยากจะหาสูตรใหม่สักหน่อย เอาไปใส่ในถุงหอมน่ะ” เพียงแค่ฉินจิ่นนึกถึงร้านของหลิวเซียงแล้วก็หงุดหงิดสุดๆ ผู้หญิงคนนี้รู้สูตรยาของตัวเองได้ยังไง
เว่ยเหยียนถิงเห็นใต้ตาของฉินจิ่นดำ เลยรู้ว่าเมื่อคืนนางต้องนอนไม่หลับแน่ๆ ก็พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “อาจิ่น อย่าเพิ่งรีบหาเงินเลย พักผ่อนให้ดีก่อนเถอะ”
ฉินจิ่นเงยหน้าขึ้นมา เห็นความใส่ใจในดวงตาของ เว่ยเหยียนถิง ในใจเคลิบเคลิ้ม โชคดีที่ไม่ได้ขายเขาให้ผู้หญิงคนอื่น ไม่งั้นจะหาสามีที่ดีแบบนี้จากที่ไหนได้
“ข้าไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ พี่ถิง”
เว่ยเหยียนถิงเห็นท่าทางที่ฝืนยิ้มของฉินจิ่นแล้ว ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีไปอีก “งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปอีกรอบนะ ดูสิว่าจะล่าไก่ป่าที่เจ้าชอบกินได้รึเปล่า”
“จ้ะ” ฉินจิ่นมองเว่ยเหยียนถิงแล้วอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะในตอนที่ใจของเว่ยเหยียนถิงมีตัวเองแบบนี้
เว่ยเหยียนถิงยืนอยู่หน้าร้านของร้านหลิวเซียง ในใจคิดว่าคงเป็นที่นี่ไม่ผิดแน่นอน
“พี่ชายขอรับ รบกวนช่วยบอกเถ้าแก่ของร้านพี่ให้หน่อยได้ไหม ว่าเว่ยเหยียนถิงมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ได้ เชิญท่านเว่ยนั่งก่อน ข้าขอตัวไปรายงานก่อน” ลูกจ้างตอบรับ
ธูปยังหมดไม่ถึงครึ่งก้าน หลิวเซียวก็เดินดุ่มๆ ออกมาแล้ว กลิ่นฉุนของน้ำหอมบนตัวนั้น ทำเอาเว่ยเหยียนถิงถึงกับจามไปทีนึง
หลิวเซียงรีบเข้ามาถามทันที “ท่านพี่เว่ย พี่ต้องเป็นหวัดแน่ๆเลยทำไมอยู่ดีๆ ถึงจามได้ล่ะจ๊ะ”
“เพราะกลิ่นน้ำหอมของเจ้ามันฉุนเกินไปน่ะ” นอกจากอาจิ่นแล้ว เว่ยเหยียนถิงจะไม่พยายามพูดยอให้นางดีใจเด็ดขาด ผู้หญิงคนอื่นนั้น มีอะไรเว่ยเหยียนถิงก็จะพูดตรงๆ ไม่เก็บซ่อน ไม่สนใจว่าจะโกรธรึเปล่า ขอแค่อาจิ่นมีความสุขก็พอแล้ว หลิวเซียงประหม่าสุดๆ หันไปบอกให้คนงานยกชาแก้วนึง แล้วถึงจะพูดว่า
“ปี้หลังชวนที่ชงมา ไม่รู้ว่าท่านพี่เว่ยจะชอบรึเปล่า” เมื่อกี้พอได้ยินว่าเว่ยเหยียนถิงมา นางก็รู้สึกว่าเขาต้องมายอมจำนนแทนฉินจิ่นแน่นอน
“ดีมาก” เว่ยเหยียนถิงไม่รู้เรื่องชา ปกติแล้วเวลาดื่มอะไรก็แล้วแต่ฉินจิ่น ตอนนี้ดื่มแล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้อร่อยขนาดนั้น ที่ร้านของเถ้าแก่หวูก็เป็นชาแบบนี้ แต่กลับรู้สึกว่าชาแบบนั้นมันอร่อยมาก หรือสาเหตุไม่ได้เป็นเพราะชา แต่เป็นเพราะข้างๆ นั้นเป็นฉินจิ่นต่างหาก
“ขนมเปี๊ยะนี่ล่ะจ๊ะ” หลิวเซียงใช้ตะเกียบคีบแล้ววางไปบนจานของเว่ยเหยียนถิง “นี่ข้าทำเองเลยนะจ๊ะ พี่ลองชิมดูสิจ๊ะ”
คนจนที่ไหนจะมีปัญญากินขนมเปี๊ยะกันล่ะ แค่ได้กินอิ่มท้องก็ถือว่าดีแล้ว นี่ก็เป็นเพราะฉินจิ่นคิดวิธีหาเงินได้เยอะ ไม่งั้นจะมีชีวิตที่ดีแบบนี้ได้ยังไงล่ะ
“เถ้าแก่หลิว ที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะอยากมีเรื่องจะคุยกับเจ้า” เว่ยเหยียนถิงไม่ได้ชิมขนมเปี๊ยะชิ้นนั้น จะอร่อยหรือไม่นั้นไม่ได้สำคัญในสายตาเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“มีเรื่องอะไรที่สำคัญไปกว่าการกินข้าวอีกหรือจ๊ะ” หลิวเซียงเอาผ้าเช็ดหน้ามาบังแล้วหัวเราะ แล้วดวงตาคู่นั้นก็มองอยู่ที่หน้าของเว่ยเหยียนถิง ใบหน้านี้ ช่างหล่อจริงๆ
“มี” เว่ยเหยียนถิงขมวดคิ้ว แล้วตอบกลับอย่างไร้เยื่อใย
“งั้นพี่ว่ามาสิจ๊ะ” หลิวเซียงชิมขนมเปี๊ยะเองคำนึง รสชาติหวานไม่เลี่ยน เป็นของดีอย่างนึงเลยล่ะ
หลายวันก่อนในตอนที่หลิวเซียงไปดูบ้านของ เว่ยเหยียนถิงนั้น ก็คิดไว้แล้ว ถ้าเว่ยเหยียนถิงชอบที่จะอยู่ที่นั่น งั้นนางก็จะอยู่กับเขาที่นั่น บ้านหลังเล็กที่อยู่ข้างๆ ก็สร้างเป็นห้องครัวใหม่ได้พอดี ถ้าอยากจะอยู่ในเมือง ก็ได้เหมือนกัน ถึงยังไงธุรกิจของตัวเองก็ค่อนข้างใหญ่ ชอบอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่นั่นแหละ