บทที่ 23 ล้อมรอบสังหาร
บทที่ 23 ล้อมรอบสังหาร
ณ หุบเขาหยินเฟิง ภูมิประเทศของหุบเขาแห่งนี้ เหมาะสมกับชื่อของมันมาก เนื่องจากมีลมหนาวพัดพาตลอดเวลา ดังนั้นผู้คนจึงเรียกมันว่าหุบเขาหยินเฟิง ร่างของเย่สวี่เคลื่อนไหวชั่วพริบตา เขาแปลกใจมากที่มองเห็นร่างหนึ่งที่ถูกแขวนอยู่บนเสาไม้และสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ๆ
นั่นคือ กัวผาง! เสื้อผ้าของกัวผางฉีกขาดรุ่งริ่ง เปิดเผยร่างกายที่ถูกปกคลุมไปด้วยรอยแผลเป็นทุกชนิด บาดแผลจากแส้ แผลไฟไหม้ บาดแผลจากคมดาบ และรอยตกสะเก็ดสีดำบนร่างกายของเขา สภาพดูน่ากลัวมาก
เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าผู้ชายที่มีจิตใจแจ่มใสร่าเริง ต้องผ่านการทรมานแบบใดถึงได้อยู่ในสภาพนี้ ในขณะนี้มีคนเฝ้ายาม อยู่ข้างๆ กัวผาง เย่สวี่หรี่ตาลงมองให้ชัด และปล่อยลมหายใจเย็น ๆ ทันทีเมื่อว่า ชายคนนั้นคือ ใคร มันคือหลี่เจียนจริงๆ!
หลี่เจียนไม่ได้สังเกตเห็นเย่สวี่ ท่าทางของเขาในตอนนี้คือถือแส้ไว้ในมือและมองดูกัวผางอย่างดุเดือด กัวผางเป็นสหายของเย่สวี่ หลี่เจียนรู้สึกมีความสุขมากที่ได้ทรมานกัวผาง ราวกับเขากำลังทรมานเย่สวี่อยู่
หลี่เจียนขบคิดถึงความอัปยศที่เขาได้รับในวันนั้น และเขายกแส้ขึ้นและกำลังจะฟาดไปยังร่างของกัวผางอีกครั้ง จู่ๆ ก็มีคนขวางเขาไว้
“สุนัขตนใดกล้ามายุ่งกับข้า” หลี่เจียนสาปแช่งคนที่มาขัดขวางเขา เนื่องจากนับตั้งแต่เขามาเป็นลูกน้องของเย่เฟยหยู เขาชอบเรียกคนอื่นว่าสุนัข เพื่อแสดงอำนาจว่าเหนือกว่าผู้อื่น
เมื่อเขาหันกลับมาและมองเห็นว่าเป็นเย่สวี่ที่ขวางเขาเอาไว้ หลี่เจียนรีบถอยกลับ ราวกับว่าเขามองเห็นผีร้าย
“เย่สวี่!” หลี่เจียนพูดด้วยความตื่นตระหนก แต่จู่ๆ เขาก็นึกถึงบางสิ่ง และท่าทางของเขาก็ดุร้ายรุนแรงขึ้น “เย่สวี่ อย่าคิดว่าข้ากลัวเจ้า ...เจ้ายั่วยวนนายน้อยเย่เฟยหยู ดังนั้นเจ้าตายแน่!”
“เย่เฟยหยู” เย่สวี่หัวเราะเยาะทันที เมื่อเขาได้ยินชื่อของคนรู้จักมานานคนนี้
เย่เฟยหยูเป็นบุตรชายรองของผู้อาวุโสสาม แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลั่นแกล้งและทำให้เย่สวี่อับอายขายหน้า แต่เขาก็เหมือนคนอื่น ๆ จากตระกูลเย่ เขาเป็นคนที่ฉลาดแกมโกง เขาชอบสร้างปัญหาให้เย่สวี่ลับหลัง
หากไม่ใช่เพราะเย่เฟยหยู จะไม่มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเย่สวี่ที่เป็นขยะของตระกูลเย่ ในเมืองหยุนจง ก่อนหน้านี้ทั้งหลี่เหยียนและ เจิ้งรุ่ย ทั้งสองนั้น น่าจะทำงานให้กับเย่เฟยหยู
จากนั้นเย่สวี่ไม่สนใจท่าทางของหลี่เจียนที่ดุร้าย เขาโบกมือและใช้ดาบเก้าทุกข์สวรรค์ ตัดเชือกบนร่างของกัวผาง และกอดร่างของกัวผาง วางลงอย่างระมัดระวังบนพื้นหญ้า
อาการบาดเจ็บของกัวผางนั้นรุนแรงมาก อาการบาดเจ็บครั้งก่อนของเขาไม่หายสนิท และอาการบาดเจ็บใหม่ของเขาเพิ่มขึ้นทุกวัน มีบาดแผลมากมายบนร่างกายของเขา
การแสดงออกของ เย่สวี่ค่อยๆ เย็นชาลง คราวนี้เขาต้องการชำระหนี้แค้นทั้งเก่าและใหม่กับเย่เฟยหยูทั้งหมด!
เขามองไปที่หลี่เจียนด้วยสายตาที่เฉยเมย “ข้าเคยบอกไปแล้วว่า หากเจ้าปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก ข้าจะสังหารเจ้า!”
เมื่อ หลี่เจียนได้ยินคำพูดของเย่สวี่ที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านตามสัญชาตญาณ เขาจำความอัปยศที่เย่สวี่สร้างให้เขาในวันนั้นได้ดี
จากนั้นเมื่อเขาก็ตระหนักถึงความกลัวของตนเอง เขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าเขากำลังระบายความโกรธของตนเอง “เย่สวี่เจ้าจะไม่มีวันสังหารข้าในชาตินี้หรอก!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายทั้งหกคนก็เดินออกมาจากส่วนลึกของป่า
คนที่เป็นผู้นำในการเดินเข้ามาในครั้งนี้ คือ เย่เฟยหยู
“เย่สวี่ เจ้าโผล่ออกมาจริงๆ” เย่เฟยหยูถือพัดของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เจ้ามาที่หุบเขาหยินเฟิงเพียงลำพังเพราะสหาย ...เจ้ามันโง่จริง ๆอย่างที่ข้าคิดเอาไว้” เย่สวี่ยิ้มจาง ๆ และเขาไม่ได้ปฏิเสธ
“เขาโง่หรือ? เป็นไปได้ไหมว่า เย่เฟยหยูเป็นคนฉลาดที่ซ่อนหัวและหางของตนไว้อย่างมิดชิด เขาสนใจแต่ผลประโยชน์เท่านั้น?”
อย่างน้อยสำหรับเย่สวี่ วิธีที่สะดวกสบายที่สุดในการใช้ชีวิตคือ การแยกแยะระหว่างความเมตตาและความเกลียดชัง เป็นอิสระและไม่ผูกพันธ์กัน และไม่รู้สึกละอายต่อมโนธรรมของตนเอง
ต่างคนต่างมีความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นเย่สวี่เพิกเฉยต่อเย่เฟยหยูโดยตรง
จากนั้นเย่สวี่เหลือบมองทั้งห้าคนอย่างเฉยเมย แล้วพูดกับหลี่เจียนว่า "นี่คือเหตุผลที่ทำไมเจ้ากล้าท้าทายข้า?"
ดวงตาของหลี่เจียนแดงก่ำราวกับงูพิษ “ห้าคนนี้เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นเรียนขั้นสูง เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะแตะต้องข้า กับพวกเขาได้ แค่ยอมรับความตายอย่างเชื่อฟัง!”
“อย่าบอกนะว่า...คนในชั้นเรียนขั้นสูงนั้นแข็งแกร่งมาก” เย่สวี่มองดูพวกเขาอย่างเย้ยหยัน พวกเขาเป็นเพียงนักรบระดับเจ็ดขั้นกลั่นพลังปราณ เรื่องนี้ไม่ทำให้เย่สวี่หวาดกลัวเลย
สิ่งที่พวกเขาคิดว่า มันเป็นข้อได้เปรียบในเรื่องของจำนวนคน นั้นเป็นเพียงเรื่องตลกในสายตาของเย่สวี่
เย่สวี่ มีจิตวิญญาณการต่อสู้ที่สมารถกลืนกินพลังจิตวิญญาณของศัตรูและเปลี่ยนให้เป็นพลังของตนเองได้ แล้วเขาจะกลัวคนพวกนั้นได้อย่างไร?
ในฐานะที่แข็งแกร่งที่สุดในห้าคน ฉางฮ่าวเฉียงยอมจำนนต่อเย่เฟยหยูอย่างลับๆ เขายืนอยู่ต่อหน้าหลี่เจียนและพูดอย่างเฉยเมย "ข้าอยู่ที่นี่... เจ้าจะสังหารหลี่เจียนไม่ได้"
“ข้ามาที่นี่เพื่อรับประกันความปลอดภัยสหายของเจ้า ดังนั้นข้าจะไม่โจมตีเจ้า...แต่เจ้าต้องฆ่าตัวตายซะ!” ฉางฮ่าวเฉียง ลอยอยู่บนท้องฟ้าสูง เขาก้มลงมองมองไปที่เย่สวี่ ราวกับว่าเขากำลังมองร่างไร้วิญญาณ
“เย่สวี่ พลี่ชีพตนเองเดี๋ยวนี้!” หลี่เจียนกล่าวอย่างดุร้าย
“อย่างนั้นหรือ” เย่สวี่เยาะเย้ย เขากระทืบพื้นและทิ้งรอยเท้าลึกสองรอยไว้บนพื้น ร่างกายของเขาพุ่งออกมาเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่
ทักษะย่างก้าวแยกเงา!
"เร็วมาก!" ดวงตาของฉางฮ่าวเฉียงเย็นชาลง และเขายกดาบขึ้นเพื่อปกป้องกันตัวเอง เทคนิคการเคลื่อนไหวของเย่สวี่นั้นไม่ธรรมดา แต่เขายังคงมองท่วงท่าการเคลื่อนไหวออกได้ไม่ยาก
จากนั้นเย่สวี่ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วจนเขากลายเป็นเงา ในช่วงเวลาที่เขาเข้าใกล้ฉางฮ่าวเฉียง จากนั้นเขาก้มตัวลงและหักเลี้ยวไปยังอีกฝั่ง การเปลี่ยนแปลงในครัง้นี้รวดเร็วจนเกินไป และไม่มีใครสามารถตอบสนองได้ทันเวลา
เย่สวี่ยิ้มจาง ๆ นี่คือความสามารถของย่างก้าวแยกเงา แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเต็มที่ เขาก็ยังสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ในทันที และเป้าหมายของเย่สวี่ ก็คือหลี่เจียน!
"ไม่นะ!" เมื่อเห็น เย่สวี่วิ่งเข้าหาเขา หลี่เจียนก็หัวใจบีบรัดตัว สมองขาวโพลนด้วยความหวาดกลัวในใจ
"ช่วยข้า..." หลี่เจียนล้มลงกับพื้นและร้องขอความช่วยเหลือด้วยความสิ้นหวัง เขาตัวสั่นสองสามครั้งแล้วหยุดหายใจ เย่เฟยหยูไม่ทันได้คาดคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้
ดวงตาของเขาเย็นชาลง หากเย่สวี่โจมตีเขาในตอนนี้ กลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกับหลี่เจียน เมื่อฉางฮ่าวเฉียง มองเห็นการตายของหลี่เจียน เขาก็ตกตะลึงเล็กน้อยและโกรธจัดทันที
เขาเพิ่งบอกทุกคนว่า หลี่เจียนจะไม่ถูกฆ่าตาย เมื่อเขายังอยู่ที่นี่ แต่ในชั่วพริบตา หลี่เจียนก็กลายเป็นศพที่เย็นชืด ในเรื่องนี้เขาถูกตบหน้าอย่างจัง
“เจ้ากำลังยั่วยุข้า!” ฉางฮ่าวเฉียงราวกับสิงโตที่กำลังโกรธจัดจ้องไปที่เย่สวี่ด้วยความโกรธและอดกลั้นเต็มกำลัง
“ข้าท้าทายเจ้าหรือ” ใบหน้าของ เย่สวี่ยังคงสงบนิ่ง และเขายังคงดูสงบและผ่อนคลาย "เจ้าคิดว่า...ช้างจะท้าทายมดหรือ"
“เจ้ามันโอ้อวดจริง ๆ” ฉางฮ่าวเฉียงเบิกตาขึ้นและพูดอย่างเย็นชา
“เทคนิคการเคลื่อนไหวของเจ้าไม่เลว เจ้าสามารถทำให้ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของเจ้าคือ ใช้การโจมตีที่น่าทึ่งนี้ เพื่อโจมตีใครก็ตาม บางทีเจ้าอาจถูกตลบหลังได้”
เย่สวี่พูดเบา ๆ " เจ้าบอกเองว่า หากมีเจ้าอยู่ที่นี่ หลี่เจียนจะไม่ตาย แต่เขาตายไปแล้ว ทุกวันนี้ใครกันที่โอ้อวด"
“เจ้า....ทำให้ข้าโกรธจริง ๆแล้ว” ฉางฮ่าวเฉียงไม่ใช่คนชอบธรรมอะไร ในขณะนี้ เขาไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้ เขาพูดกับอีกสี่คนว่า "อย่าเข้าโจมตี ข้าจะสังหารเย่สวี่ภายในสามกระบวนท่า"
คนทั้งสี่มองไปที่เย่เฟยหยู จากนั้นเย่เฟยหยูพยักหน้า เขาต้องการดูว่า เย่สวี่จะจัดการกับฉางฮ่าวเฉียงอย่างไร
ท้ายที่สุด ฉางฮ่าวเฉียงเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในชั้นเรียนขั้นสูง ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่เลวโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจิตวิญญาณการต่อสู้อย่างสิงโตเพลิงถูกปลดปล่อย มันจะทำลายทุกสิ่ง
“สามกระบวนท่า?” เย่สวี่หัวเราะอย่างเย็นชา "ข้าสามารถสังหารเจ้าได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!"