บทที่ 22 ตำรับยาพลังเต๋าขั้นสูง
บทที่ 22 ตำรับยาพลังเต๋าขั้นสูง
เย่สวี่เพ่งตามองไปเบื้องหน้า เขามองเห็น หนังสือเล่มหนึ่งที่มีปกสีน้ำเงินเรียบง่าย สลักด้วยตัวอักษรสีม่วงขนาดใหญ่สี่คำ: ตำรับยาพลังเต๋าขั้นสูง
เขาไม่รู้ว่ามันทำมาจากวัสดุอะไร แต่หนังสือเล่มนี้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์มาก ราวกับเป็นกลิ่นของหนังสัตว์ แต่ทว่ามีกลิ่นหอมสมุนไพรสดชื่น
นี่คือหนังสือกลั่นโอสถ แต่ระบบประเมินว่าเป็นสมบัติระดับเทพเจ้า แสดงให้เห็นว่ามันมีตำรายาจำนวนนับไม่ถ้วน สิ่งที่ทำให้ เย่สวี่ตื่นเต้นที่สุดไม่ใช่แค่นั้น อย่างไรก็ตาม เย่สวี่ไม่ใช่ นักกลั่นโอสถ ดังนั้นสูตรยานี้ไร้ประโยชน์
ตำรับยาเม็ดพลังเต๋าขั้นสูง: ปรมาจารย์กลั่นโอสถขั้นสูงที่ปรับแต่งกระดูกและเลือดนับไม่ถ้วนของอสูรต่าง ๆ ตำรับยานี้ตกทอดมาเป็นระยะเวลา 90,000 ปี มันคือบันทึกสูตรยายอดนิยมทั้งหมดในโลกของยา และมีพลังเต๋าเพลิงสวรรค์ ที่สามารถสร้างพันธะสัญญากับผู้คนและช่วยให้พวกเขากลายเป็นปรมาจารย์การกลั่นโอสถ] ในอาณาจักรเดือนดาราสถานะของนักกลั่นโอสถนั้นสูงมาก
นักกลั่นโอสถระดับ 6 อาจกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติของดินแดนเล็ก ๆ และมีอำนาจอันยิ่งใหญ่
เท่าที่เย่สวี่รู้ ระดับสูงสุดของนักกลั่นโอสถในเมืองหยุนจง อยู่ที่ระดับ 2 เท่านั้น แต่พวกเขากลับได้รับความเคารพจากผู้อื่น
เช่นเดียวกับ ยาเม็ดวิญญาณเมฆาที่เย่สวี่เคยบริโภคมาก่อนหน้านี้ แม้ว่าคุณภาพจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่ยาเม็ดวิญญาณเมฆาขนาดเล็ก สามารถนำมาขายได้หลายพันเหรียญทอง
ดังนั้น นักกลั่นโอสถจึงเป็นที่รู้จักในฐานะกลุ่มคนที่มั่งคั่งที่สุด อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดในการเป็นนักกลั่นโอสถนั้นเข้มงวดมาก
ก่อนอื่นต้องมีคุณสมบัติธาตุไฟ ในจิตวิญญาณการต่อสู้ กฎข้อนี้ได้กำจัดคนจำนวนนับไม่ถ้วน ที่ต้องการจะเป็นนักกลั่นโอสถ
ประการที่สอง การรับรู้ของคนคน นั้นต้องแข็งแกร่ง เฉพาะผู้ที่มีจิตใจแข็งแกร่งและที่พิถีพิถันเท่านั้นที่สามารถควบคุมเปลวไฟในระหว่างกลั่นยาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และทำให้การกลั่นยาไม่มีข้อผิดพลาด
สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดเกี่ยวกับตำรายาพลังเต๋าขั้นสูง คือไม่จำเป็นต้องมีจิตวิญญาณธาตุไฟ แต่มันสามารถสร้างพลังเต๋าเพลิงสวรรค์ได้โดยตรง!
นอกจากนี้ ทันทีที่เขาทำสัญญากับพลังเต๋าเพลิงสวรรค์ สูตรยาทั้งหมดจะประทับอยู่ในจิตใจของเขา เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของเย่สวี่เป็นประกาย ครั้งนี้เขาได้รับล้ำค่ามากมายจริงๆ!
เขารีบใช้โอกาสสุดท้ายในการขุดหาสมบัติ หลังจากล้มเหลวอีกครั้ง เย่สวี่รีบหันหลังและออกไปจากที่นี่ทันที เขาต้องการหาสถานที่เงียบสงบเพื่อทำสัญญากับพลังเต๋าเพลิงสวรรค์อย่างรีบเร่ง!
จากนั้นไม่นาน เย่สวี่พบถ้ำของสิงโตเพลิงม่วงและยึดครองถ้ำนี้ทันที เขาโปรยอุจจาระของสิงโตเพลิงม่วงไว้รอบ ๆ ถ้ำ เมื่อสัตว์อสูรที่อ่อนแอ และศิษย์คนอื่น ๆ สัมผัสได้ พวกเขาจะไม่กล้าเข้ามาใกล้
จากคำอธิบายของระบบ เขารู้ว่าการทำพันธะสัญญาณพลังเต๋าเพลิงสวรรค์ เป็นกระบวนการที่อันตรายและเจ็บปวด หากไม่มีจิตใจแน่วแน่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ
จากนั้นเย่สวี่นั่งสมาธิบนพื้น เขาต้องการที่จะแข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้นเขาจะไม่มีทางถอยกลับแน่นอน หลังจากนั้นไม่นาน จิตวิญญาณที่มีลักษณะเปลวไฟสีขาวก็โผล่ออกมาจากตำรายาพลังเต๋าขั้นสูง
นี่คือพลังเต๋าเพลิงสวรรค์ จากนั้นเย่สวี่หายใจเข้าและออกช้าๆ ทางด้านของพลังเพลิงสวรรค์ ราวกับว่ามันมีความคิดเป็นของตนเอง เมื่อมันเห็นเย่สวี่ มันก็กระโจนเข้าใส่ และทะลวงเข้าไปในในร่างกายของเย่สวี่
ทันใดนั้นความเย็นก็แผ่ซ่านไปทั่วกระดูกสันหลังของเขา ไฟสวรรค์ราวกับหินโม่ที่บดขยี้อวัยวะภายในของเย่สวี่! ความเจ็บปวดฉีกกระชากร่างของเย่สวี่ทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว!
ดวงตาของ เย่สวี่เบิกกว้าง เขากัดฟัน จากนั้นไม่นาน เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมา ราวกับหยดน้ำฝน ทุกวินาทีดูเหมือนเวลาจะช้าลงไป เย่สวี่รู้สึกว่าเขานั้น ตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วง และร่างกายของเขาสั่นเทา
มันแตกต่างจากเปลวเพลิงอื่น ๆ เพลิงสวรรค์นี้เป็นความเย็นที่ซึมลึกเข้าสู่จิตวิญญาณของคน ๆ หนึ่ง!
ในท้ายที่สุด ร่างกายของเย่สวี่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด และมีเพียงดวงตาของเขาเท่านั้นที่ส่องประกายด้วยแสงที่แน่วแน่
หลังจากเป็นเวลานาน เย่สวี่ค่อยๆ สงบใจลง ปรากฏว่ามีแอ่งน้ำผุดออกมา อยู่เบื้องล่างบริเวณที่เขานั่งอยู่ มันเป็นเหงื่อที่ไหลออกจากร่างกายของเขาก่อนหน้านี้
ใบหน้าของ เย่สวี่ซีดเผือด และลมหายใจของเขาอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขา ยังคงมีรอยยิ้มจาง ๆ
เขาประสบความสำเร็จในการทำสัญญากับเพลิงสวรรค์ในขณะนี้ สูตรยานับสิบล้านสูตรได้ประทับอยู่ในจิตใจของเขา
"ยาชำระล้างร่างกาย สามารถฟื้นฟูพลังงานได้อย่างรวดเร็ว" เย่สวี่ยังคงอ่านสูตรยาที่ประทับอยู่ในใจของเขาต่อไป มันต่างจากเม็ดยา ยานี้จำเป็นต้องนำไปผสมกับวัสดุอื่น ๆ ก่อน จึงจะสามารถนำไปใช้ได้ เพียงแต่ผลของมันไม่ดีเท่าเม็ดยา
เย่สวี่ไม่มั่นใจว่าตำราเม็ดยาพลังเต๋าขั้นสูง สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามส่วนผสมของยา ตามวัสดุในอาณาจักรเดือนดาราหรือไม่ ไม่ว่าในกรณีใด ๆ เขามีสูตรส่วนผสมยาทั้งหมด ที่จำเป็นสำหรับการกลั่นยาชำระล้างร่างกาย
จากนั้นเย่สวี่หยิบสมุนไพรออกมา หลังจากการทดลองกลั่นยาล้มเหลวไปถึงสามครั้ง ในที่สุดเขาก็ปรุงน้ำยาชำระล้างร่างกายได้สำเร็จ
ของเหลวสีเขียวสดและดูน่ารับประทาน จากนั้นเย่สวี่ไม่ลังเลใจ เขาเงยหน้าขึ้นและดื่มยาลงไปทันที จากนั้นพลังจิตวิญญาณอันอบอุ่นก็แล่นเข้าสู่ร่างกายของเขา
ใบหน้าของ เย่สวี่แดงก่ำและเต็มไปด้วยพลังงาน ผิวพรรณของเขาดูดีขึ้นกว่าเดิม นี่เป็นของเหลวที่ เป็นยาในตำราเม็ดยาพลังเต๋าขั้นสูง มันอาจจะดีกว่ายารักษาโรคระดับกลาง หรือระดับแรกด้วยซ้ำ
จากนั้นเย่สวี่ไม่รอช้า และเริ่มฝึกฝนก้าวย่างแยกเงา ราวกับไม่ต้องการจะเสียเวลาไปมากกว่านี้
ในป่ารกร้างพันลี้ที่เต็มไปด้วยอันตราย ความว่องไวหมายถึงการเอาชีวิตรอด ทางด้านหนึ่ง หลี่เจียนคุกเข่าต่อหน้าเย่เฟยหยู ราวกับสุนัขตัวหนึ่ง
เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “นายน้อย ข้ายังไม่พบร่องรอยของเย่สวี่เลย” ใบหน้าของ เย่เฟยหยูมืดมนราวกับจะกลั่นน้ำออกมาได้
เขาเดินทางมาจากค่ายชั้นใน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มาเข้าร่วมการฝึกของค่ายชั้นนอก ฐานะของบุตรชายรองของผู้อาวุโสสาม ทำให้เขาสะดวกสบายมากขึ้น
เขาติดสินบนครูผู้สอน และรวบรวมห้าคน จากชั้นเรียนขั้นสูงเพื่อฆ่าเย่สวี่ แต่ทว่ากลับหาเย่สวี่ไม่พบ เมื่อหลี่เจียนมองเห็นการแสดงออกของเย่เฟยหยูและหัวใจของเขาสั่นไหวในใจ
หลังจากที่เขาถูกเย่สวี่ทุบตีจนหวาดผวา เย่เฟยหยูก็มาพบเขาและขอให้เขาเป็นคนรับใช้ของตน
แม้ว่าในตอนแรก หลี่เจียนจะไม่ยอมรับ แต่เขาไม่คิดว่าเย่เฟยหยูจะโหดร้ายและไร้ความปรานีถึงขนาดนี้ตัดนิ้วเท้าทั้งสองของเขาออกทันที
จนกระทั่งตอนนี้เขาปรับตัวให้เข้ากับตำแหน่งคนรับใช้ของเย่เฟยหยูได้อย่างสมบูรณ์
หลี่เจียนเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "แม้ว่าเราจะไม่พบเย่สวี่ แต่เราก็มีกัวผางอยู่ในมือของเรา หากเรากระจายข่าวเรื่องกัวผาง เย่สวี่จะมาพบเราอย่างแน่นอน"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าที่มืดมนของเย่เฟยหยู ในที่สุดก็เผยร่องรอยของรอยยิ้มที่เย็นชา เขาได้เตรียมแผนที่สมบูรณ์แบบมาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เย่สวี่จะหลบหนีจากการไล่ล่าของเขาในครั้งนี้
“หากใครพบเย่สวี่ ให้ฆ่าเขาอย่างไร้ความปรานีทันที!” เวลาผ่านไปในชั่วพริบตา ระเวลาสองในสามของเวลาฝึกฝนก็ผ่านไปอย่างช้า ๆ
เย่สวี่เหยียดหลังของเขา แม้ว่าการฝึกฝนอขงเขาจะไม่สามารถทะลวงเลื่อนระดับสูงขึ้นไปได้ แต่ในช่วงสิบวันที่ผ่านมาของการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง แต่เทคนิคการเคลื่อนไหวของเขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนสิบเท่า
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวมของเขาเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน หากเขาเจอสิงโตเพลิงม่วงในตอนนี้ เขาจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการฆ่ามัน
“ข้าควรออกไปดูรอบ ๆสักหน่อย” รอยยิ้มจาง ๆ ประดับอยู่บนใบหน้าของเย่สวี่ ในช่วงยี่สิบวันนี้ ผู้ที่อ่อนแอที่สุด อาจถูกกำจัดออกไป แล้ว ในขณะที่ผู้รอดชีวิตอาจสะสมคะแนนได้มากมาย
แม้ว่า เย่สวี่ไม่สนใจรางวัลของค่ายโลหิตเยือกเย็น แต่ในฐานะบุตรชายของผู้นำตระกูล เย่สวี่ต้องแสดงความสามารถของเขาออกมา จากนั้นเขาก็สามารถปิดปากคนที่สงสัยในความสามารถของเย่ไห่ลงไปได้
เย่สวี่เคาะปลายเท้าเบา ๆ และดีดตัวลอยศุง ราวกับว่าเขาได้หลอมรวมเข้ากับป่ารกร้างพันลี้ ในไม่ช้าเขาก็พบเป้าหมายของเขา
นี่คือกลุ่มของคนสองคนจากชั้นเรียนขั้นสูง ระดับการฝึกฝนของพวกเขา อยู่ที่ขั้นกลั่นพลังปรษณระดับที่ 6
ในขณะที่ เย่สวี่เตรียมพร้อมและกำลังจะโจมตี เขาได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองคน ซึ่งทำให้เขาหยุดชะงัก
“ข้าได้ยินมาว่า..ฉางฮ่าวเฉียงจับคนจากชั้นเรียนพื้นฐานมาหนึ่งคน ดูเหมือนว่า เขาจะชื่อ กัวผางอะไรสักอย่าง ?”
“ห้าคนที่แข็งแกร่งที่สุดจากชั้นเรียนขั้นสูงได้เข้าร่วมกองกำลังในครั้งนี้ด้วย กัวผางน่าสงสารจริงๆ เขาถูกทรมาน โดยคนทั้งห้าในหุบเขาหยินเฟิง และได้ยินเสียงกรีดร้องของเขาดังออกมา จากระยะไกล ๆ น่าเวทนายิ่งนัก”
เมื่อไดยินเช่นนี้ หัวใจของเย่สวี่หดตัวลง “กัวผางถูกทรมาน?” คลื่นแห่งเจตนาสังหารทะยานขึ้นสู่เสียดฟ้า ชายสองคนรู้สึกว่าขนหัวของเขาตั้งชัน
ขณะที่พวกเขากำลังพยายามค้นหาที่มาของเจตนาสังหาร จู่ ๆมันก็หายวับไปกับตา
ชายสองคนต่างมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ผู้ที่สามารถปลดปล่อยเจตนาฆ่าเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง และมันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานได้
เย่สวี่เดินผ่านป่ารกร้างพันลี้ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
เขาเป็นคนฉลาด และสามารภเข้าใจเรื่องราวได้อย่างรวดเร็วว่า นี่จะต้องเป็นแผนการที่จัดขึ้นโดยผู้อาวุโสสาม เป้าหมายของเขาคือ การบังคับให้เขาต้องเปิดเผยตัว
เย่สวี่ไม่เคยกลัวการต่อสู้และปรารถนาการต่อสู้ หากผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้อาวุโสสามกล้าท้าทายเขาอย่างเปิดเผย เย่สวี่ก็ยินดีที่จะยอมรับคำท้า
แต่ผู้อาวุโสสามกลับใช้สหายเพื่อข่มขู่เขา แผนการสกปรกแบบนี้ทำให้เขาดูแคลนคนพวกนี้จริงๆ ดวงตาของเย่สวี่เย็นชากวาดตามองไปยังเบื้องหน้า“ใครก็ตามที่กล้าล้ำเส้น มันต้องตาย!”