บทที่ 21 สมบัติชิ้นใหม่
บทที่ 21 สมบัติชิ้นใหม่
ณ ค่ายโลหิตเยือกเย็น ภายในห้องพักของเย่สวี่ ในตอนนี้เย่สวี่มองไปที่ยาเม็ดในมือของเขา เม็ดยานี้มีลวดลายก้อนเมฆและมีสีทอง มันส่งกลิ่นหอมแปลก ๆ และเมื่อได้กลิ่นก็พลันทำให้จิตใจสงบ
นี่คือยาเม็ดวิญญาณเมฆาที่กัวผาง อยากได้เมื่อนานมาแล้ว มันสามารถช่วยเพิ่มระดับการฝึกฝนได้ ในกลุ่มของเย่สวี่ ทั้งสามคน กัวผาง, จ้าวหรูเอ๋อและ เย่สวี่ต่างก็มียาเม็ดนี้คนละเม็ด
เย่สวี่ไม่ลังเลใจ เขากลืนยาลงไปในอึกเดียว จากนั้นพลังงานจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่เข้มข้นก็กำจายตัวออกมา มันไหลเอ่อออกมาจากจุดตันเถียนและแพร่กระจายไปยังเส้นชีพจรทั้งร่างของเย่สวี่
จากนั้นเย่สวี่หมุนเวียนพลังมนต์สะกดมังกรภายในร่างกายของเขา เพื่อย่อยยาเม็ดวิญญาณเมฆาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขายังคงนั่งสมาธิและดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณโดยเน้นไปที่การฝึกฝนของเขา
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน เย่สวี่ก็ลืมตาขึ้น จากนั้นร่องรอยของความเบิกบานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ก่อนหน้านี้ที่เขาดื่มของเหลววิญญาณหยกลงไป และมันยังคงหลงเหลือผลกระทบอยู่ในร่างกายของเย่สวี่ และด้วยความช่วยเหลือของยาเม็ดวิญญาณเมฆา ทำให้รากฐานของการฝึกฝนฝนของเย่สวี่ สามารถสร้างเสถียรภาพที่จุดสูงสุดของขั้นกลั้นพลังปราณระดับที่ 6 ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ ทักษะหมัดห้าธาตุของเย่สวี่สามารถฝึกฝนเพิ่มเติมไปได้เพียงเล็กน้อย และตอนนี้พลังหมัดของเย่สวี่ มีน้ำหนักมากถึง 4000 กิโลกรัม
เย่สวี่คาดเดาว่า นักสู้ขั้นกลั่นพลังปราณระดับ 7 ไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้อีกต่อไป แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับศิษย์ชั้นยอดของตระกูลเย่ เขาก็จะไม่พ่ายแพ้ใคร
“ระบบได้ออกภารกิจแล้ว ขอให้เจ้าของร่างสร้างเครื่องมือขุดชุดใหม่และขุดสมบัติ” ภายในใจของเย่สวี่ได้ยินเสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่คุ้นเคย และเบื้องหน้าของเขา ปรากฎแผนที่ 3 มิติปรากฏขึ้น มีจุดสีแดงที่กำลังกะพริบอยู่
เย่สวี่รู้สึกว่า ภาพนี้ช่างคุ้นเคยมาก มันคือป่ารกร้างพันลี้ไม่ใช่หรือ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องระมัดระวังอย่างมากในการดำเนินการครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม เย่สวี่ยังคงอารมณ์ดีมาก เขาไม่ได้เริ่มร้องถามถึงภารกิจ แต่ทว่าระบบกลับเป็นผู้ริเริ่มเพื่อออกภารกิจให้เขา อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เขาขุดหาสมบัติ มันจะนำมาซึ่งประโยชน์มากมายแก่เขา
เมื่อคิดถึงเครื่องมือขุดสมบัติ จิตสำนึกของเย่สวี่ก็มาถึงโรงหลอมอาวุธภายในใจ จากนั้นเขาพบว่ามีเครื่องมือใหม่ในรายการที่สามารถสร้างได้ และมีความทนทานมากกว่าสิบครั้ง ซึ่งหมายความว่าเย่สวี่สามารถขุดหาสมบัติได้สิบครั้งในคราวเดียว
[วัตถุดิบขวานเหล็ก: คีมไข่มุก x 3, หญ้าสุนัข x 6, แกนวิญญาณอสูรป่าเถื่อนระดับ 5 x 1 ]
[วัสดุพลั่วเหล็ก: น้ำพุเมฆาขาว x 3, หญ้าสุนัข x 6, แกนวิญญาณสัตว์ร้ายเถื่อนระดับ 5 x 1]
เย่สวี่เหลือบมองไปที่วัสดุเพื่อใช้ในการสร้างเครื่องมือ เกือบทั้งแทบจะเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะรวบรวมพวกมันเพื่อสร้างเครื่องมือขึ้นมา สิ่งที่ดีที่สุดคือ ระบบไม่ได้ระบุว่าจะต้องเป็นสัตว์อสูรหรือแกนวิญญาณที่เฉพาะเจาะจง
ดังนั้น เย่สวี่วางแผนที่จะสร้างเครื่องมือหลังจากค้นหาตำแหน่งของสมบัติ
ในเวลาช่วงบ่ายแก่ ๆ ด้านหน้าของค่ายโลหิตเยือกเย็น ชั้นเรียนพื้นฐานและชั้นเรียนระดับสูงมารวมตัวกันที่หน้าค่ายโลหิตเยือกเย็น ครูผู้สอนกำลังประกาศ การฝึกฝนใหม่ด้วยท่าทางเย็นชา
“สถานที่ฝึกครั้งนี้ยังคงอยู่ในป่าร้างพันลี้ ชั้นเรียนพื้นฐานและชั้นเรียนขั้นสูงจะทำกิจกรรมนี้ร่วมกัน ภารกิจของทุกคนคือการเอาชนะคู่ต่อสู้ และเก็บป้ายประจำตัวของคู่ต่อสู้ ป้ายประจำตัวของศิษย์ชั้นเรียนพื้นฐานได้รับ 2 คะแนน และชั้นเรียนชั้นสูงป้ายประจำตัว มี 5 คะแนน ยิ่งระดับชั้นเรียนสูงขึ้น รางวัลยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย”
"ชั้นเรียนขั้นสูงไม่สามารถทำร้ายศิษย์ชั้นเรียนพื้นฐานได้ และยิ่งกว่านั้นก็ไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ ไม่จำเป็นต้องสู้ให้ถึงตาย สามารถยอมแพ้ และจากนั้นมี ครูผู้สอนจะนำทางพวกเจ้าไปยังสถานที่นั้น"
"การฝึกครั้งนี้จะใช้เวลาหนึ่งเดือน" เย่สวี่เคาะปลายนิ้วของเขา และอดไม่ได้ที่จะสนใจการฝึกฝนครั้งนี้ นี่เป็นการต่อสู้ที่โกลาหลครั้งใหญ่ เนื่องจากศิษย์คนอื่น ๆ ต้องต่อสู้กับคนอื่น ๆ อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับสัตว์อสูรอีกด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันของชั้นเรียนขั้นสูง ศิษย์ชั้นเรียนพื้นฐานอาจจะรวมตัวกัน เพื่อช่วยเหลือกัน และสะสมคะแนนให้ได้มากที่สุด
สำหรับศิษย์ชั้นเรียนขั้นสูง หากพวกเขาเลือกที่จะต่อสู้กับพวกที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา พวกเขาจะต้องยุติการต่อสู้อย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นหาประโยชน์จากเรื่องนี้
หากพวกเขาเลือกที่จะโจมตีศิษย์ชั้นเรียนพื้นฐาน พวกเขาจะเผชิญหน้ากับจำนวนคนหลายสิบคน การฝึกฝนครั้งนี้ จะทดสอบการวิเคราะห์ ความเข้าใจ การต่อสู้ และความสามารถอื่นๆ ของศิษย์คนอื่น ๆ
เมื่อได้ยินการฝึกอบรมในครั้งนี้ เสียงกระซิบดังจอแจโดยรอบ และผู้คนมากมายมองไปรอบๆ เพื่อมองหาโอกาส
หลังจากครูผู้สอนออกจากแท่นเวที จากนั้นคนรับใช้ก็ใช้ผ้าปิดตาปิดตาศิษย์แต่ละคน เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาก็อยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งในป่ารกร้างพันลี้
"ที่นี่ค่อนข้างไกลมาก" เย่สวี่จ้องดู แผนที่ 3 มิติที่ได้รับจากระบบ จุดสีเขียวเล็กๆ ของเขาอยู่ไกลจากจุดสีแดงเอามาก ๆ สำหรับคนอื่น ๆของค่ายโลหิตเยือกเย็น การได้รับป้ายประจำตัว คือเป้าหมายหลักของพวกเขา
แต่ เย่สวี่เข้าใจว่าเป้าหมายของเขาในครั้งนี้ คือการล่าสมบัติ ยิ่งเขาเคลื่อนไหวเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น วิธีที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงผู้อื่นในระหว่างการทำภารกิจตามหาสมบัติ
จากนั้นเย่สวี่ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณการต่อสู้กลืนระดับเทพเจ้า และเพิ่มการรับรู้ของเขาเพิ่มระดับขึ้นในทันที และพบว่ามีสิ่งใดผิดปกติในรอบบริเวณที่เขาอยู่ในทันใด
“ทำไมข้าโชคร้ายจริง ๆ พบคู่ต่อสู้เร็วเกินไป” ในความรู้สึกของเย่สวี่ มีคน ๆ หนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเขา เย่สวี่อดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาหยิบดาบเก้าทุกข์สวรรค์ออกมาและกำลังจะเริ่มต่อสู้
เมื่อศิษย์คนดังกล่าวในชั้นเรียนพื้นฐาน มองเห็นว่าเป็นเย่สวี่ เขาร้องตะโกนด้วยความตกใจและรีบวิ่งหนีไป
เขาไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้น เย่สวี่สามารภเอาชนะบุคคลอันดับหนึ่งในชั้นเรียนพื้นฐานได้ ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่สวี่แน่นอน
จากนั้นเย่สวี่จ้องมองไปยังทิศทางของชายคนนั้นที่วิ่งเตลิดไปด้วยความงุนงง เย่สวี่อดไม่ได้ที่จะลูบจมูกของเขา และพึมพำว่า “ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?”
ทำไมเขาถึงวิ่งหนีไปทันที เพียงแค่สบตากัน? เย่สวี่ส่ายหัวและขยับร่างกาย เขาเคลื่อนตัวผ่านป่าทึบ และหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรที่ทรงพลังอย่างระมัดระวัง
ในหกวันต่อมา ป่าร้างพันลี้นั้นกว้างหญ่มาก และสัตว์อสูรที่อยู่ภายในป่าก็มีความสามารถที่แปลกประหลาดและหลากหลาย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากัน เย่สวี่จะตัดสินใจต่อสู้กับพวกมันโดยตรง
หกวันก่อนหน้า เขาได้พบกับสัตว์อสูรเถื่อนระดับเจ็ด – สิงโตเพลิงม่วง
สิงโตเพลิงสีม่วงตัวนี้มีไหวพริบมาก มันซ่อนร่องรอยและพลังของมันเอาไว้จนมิดชิด แต่โชคดีที่เย่สวี่สามารถระบุทิศทางของการโจมตีได้ในทันที
สัตว์อสูรเถื่อนระดับเจ็ดนั้น เทียบเท่ากับนักรบขั้นกลั่นพลังปราณระดับ 8 เย่สวี่จึงต้องใช้จิตวิญญาณการต่อสู้กลินกินระดับเทพเจ้า และใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเพื่อฆ่าสิงโตเพลิงม่วงตัวนี้ลงไป
ดังนั้น สภาพของเย่สวี่นั้น ดูน่าสมเพชมาก อย่างไรก็ตาม เขามีความยินดีปรีดามาก เพราะตำแหน่งของสมบัติอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ยิ่งพบสถานการณ์ที่วิกฤตมากขึ้นเท่าไหร่ เย่สวี่ก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น
แม้ว่าป่ารกร้างพันลี้จะมีขนาดใหญ่มาก แต่ก็มีศิษย์มากมายในค่ายโลหิตเยือกเย็นที่เข้าร่วมการฝึกฝนครั้งนี้ เนื่องจากระบบในร่างกายของเย่สวี่เป็นความลับ ดังนั้นเขาไม่สามารถปล่อยให้ใครรู้เรื่องนี้ได้
หลังจากสังเกตสภาพแวดล้อม อย่างระมัดระวัง เย่สวี่ก็เดินออกไป แผนที่ 3 มิติ ระบุว่า จุดสีเขียวและจุดสีแดงทับซ้อนกัน ทำให้เย่สวี่มองก้มมองลงไปและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ตำแหน่งสมบัติครั้งนี้เป็นต้นไม้ต้นหนึ่งจริงๆ ต้นไม้ต้นนี้สูงมาก หากมันดำรงอยู่ในชาติก่อนของเขา ย่อมเป็นต้นไม้ที่คู่ควรแก่การปกป้องและรักษาให้เจริญเติบโตอย่างแน่นอน
“ข้าควรใช้ขวานหรือไม่” จิตสำนึกของ เย่สวี่เคลื่อนไหว และเขามาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าโรงหลอมอาวุธ และจากนั้นขวานเหล็กใหม่เอี่ยมปรากฏในมือของเย่สวี่
[ขวานเหล็ก :ความทนทาน (10/10) หนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการขุดหาสมบัติ 】
"ข้าไม่คิดว่า ข้าจะกลายเป็นคนตัดไม้ที่ดูเหมาะขนาดนี้" เย่สวี่อมยิ้ม และยกขวานขึ้น เขาหายใจเข้าลึก ๆ และสับลงบนลำต้นไม้อย่างแรง
จากนั้นต้นไม้สั่นสะท้านสองสามครั้ง และใบไม้ก็ร่วงหล่นปลิวว่อน ตกลงสู่พื้นดิน
"เจ้าของร่างใช้ขวานเหล็ก ความทนทาน – 1 การขุดสมบัติล้มเหลว" เย่สวี่คุ้นชินกับคำอธิบายและน้ำเสียงติดต่อกันทั้งหมดหกครั้ง จากนั้นเขายังคงตัดต้นไม้ต่อไป และทันใดนั้นเกิดแสงสว่างวูบวาบ
พร้อมกับการแจ้งเตือนของระบบ เย่สวี่ได้รับสมบัติชิ้นหนึ่ง
[ทักษะย่างก้าวแยกเงา : เทคนิคการเคลื่อนไหวที่สามารถเพิ่มความเร็วได้ หากฝึกฝนมันให้สมบูรณ์แบบ สามารถสร้างเงาภาพหลอนที่ทับซ้อนกันได้นับพัน ]
เย่สวี่ยิ้มจาง ๆ เขามีหมัดห้าธาตุ ดังนั้นเขาจึงไม่ขาดเทคนิคการโจมตี สิ่งเดียวที่เขาขาดคือเทคนิคการเคลื่อนไหว เมื่อพิจารณาจากคำอธิบายของก้าวย่างแยกเงา มันเปรียบได้กับทักษะการต่อสู้ระดับต่ำที่ซับซ้อน
จากนั้นเย่สวี่ยังคงไม่ได้หยุดมือ เขายังคงมุ่งมั่นในการตัดต้นไม้ต่อไป หลังจากที่ เย่สวี่พยายามเป็นครั้งที่เก้า แสงสว่างก็พลันวูบวาบอีกครั้ง
เย่สวี่เพียงมองปรายตาเพียงครั้งเดียว จากนั้นเสียงอิเล็กทรอนิกส์ของระบบก็ดังขึ้นในใจของเขา ทำให้จิตใจของเขา จู่ๆก็พลันรู้สึกตื่นเต้น!
"นั่นมันเป็นอย่างที่ข้าคิดเอาจริงๆ ใช่ไหม!"