บทที่ 14 นางไม่ได้หึงสักหน่อย
บทที่ 14
นางไม่ได้หึงสักหน่อย
“หลีกไป ข้าไม่อยากจะเปลืองน้ำลายกับเจ้า” ฉินจิ่นจูงเว่ยเหยียนถิงกำลังจะเดินไป นางก็ตั้งใจอวดแบบนั้นเพื่อให้ โจวหลันหลันโมโห
“แกไม่คิดว่าข้าจะฟ้องสามีแกหรือไง ถึงเวลานั้นข้าจะดูว่าเขาจะหักแข้งหักขาแก”
“อ้อเหรอ” ฉินจิ่นดึงเว่ยเหยียนถิงมาอยู่ตรงหน้านาง “อยากเจอสามีข้า ก็นี่ไง เห็นรึยัง”
“แกล้อเล่นอะไรอยู่ สามีแกไม่ใช่ไอ้หน้าตาอัปลักษณ์นั่นหรอกหรือ” หรือว่าฉินจิ่นจะออกเรือนใหม่ เมื่อไหร่กัน ทำไมนางถึงไม่รู้เรื่องนี้ โจวหลันหลันมองพิจารณาเว่ยเหยียนถิงขึ้นลง มองนานๆ ก็อดหน้าแดงไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ชักจะหล่อเกินไปแล้ว
“หน้าของสามีข้ารักษาหายแล้ว ทำไม มีปัญหาอะไรรึ”
“แกหลอกใครอยู่ แกคิดว่าข้าเป็นเด็กอายุสามขวบรึไง” ให้ตายโจวหลันหลันก็ไม่เชื่อ ตามองไปมาอยู่บนร่างกายของเว่ยเหยียนถิง ทำให้ฉินจิ่นไม่พอใจสุดๆ
มองดูเถ้าแก่อายุหกสิบกว่านั่งนับลูกคิดอยู่ในร้าน ไม่รับรู้การเคลื่อนไหวข้างนอก ฉินจิ่นเลยควงแขนเว่ยเหยียนถิง แล้วจงใจตะโกนเสียงดัง “โจวหลันหลันเจ้าทำอะไร ถึงเราจะอยู่หมู่บ้านเดียวกันมาก่อน แต่เจ้าจะมาลากสามีข้าไม่ปล่อยอยู่ในตลาดแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ข้า ข้าไปลากเขาเมื่อไหร่กัน” หน้าของโจวหลันหลันเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด มองดูคนรอบๆ ที่มองมานั้นก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกขึ้นไปอีก
“ถึงสามีข้าจะหล่อ จนทำให้เจ้าน้ำลายไหล แต่เจ้าก็ไม่ควรจะไร้ยางอายแบบนี้”
“ฉินจิ่น เจ้าพูดบ้าอะไรอยู่ ข้าทำตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” โจวหลันหลันโมโหจนกระทืบเท้า ผู้คนรอบๆ ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์นาง จนเถียงไม่ออกเลยทีเดียว
เถ้าแก่ร้านข้าวสารนามสกุลจ้าว ทันใดนั้นก็ถูกความเคลื่อนไหวด้านนอกทำให้ตื่นตระหนก เลยเดินออกมา มองดูโจวหลันหลันแล้วขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
“นางยั่วยวนสามีข้า แล้วก็ยังลากๆ ดึงๆ อยู่ในตลาดอีก หน้าไม่อายจริงๆ” ฉินจิ่นนั้นก็ไม่ได้หยุดยั้งปาก สีหน้าของเถ้าแก่จ้าวนั้นดูไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโจวหลันหลันนอกใจ หรือเพราะก่อเรื่องใหญ่โตขายหน้าต่อหน้าผู้คนเยอะแยะแบบนี้กันแน่
“ท่านฟังข้าอธิบายก่อนนะ ท่านอย่าไปเชื่อนังบ้าฉินจิ่นนี้เลย มันพูดจามั่วซั่วใส่ร้ายข้า”
“ข้าพูดจามั่วซั่วงั้นรึ ในตลาดนี้มีตาอยู่ตั้งเยอะแยะขนาดนี้ เห็นชัดๆ ว่าเจ้าเข้ามารั้งสามีข้าก่อน หรือจะบอกว่าคนเยอะแยะขนาดนี้นั้นพากันใส่ร้ายเจ้ารึ”
คนที่อยู่ล้อมรอบพากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่ส่วนใหญ่นั้นอยู่ฝั่งของฉินจิ่น
เถ้าแก่จ้าวข่มอารมณ์ไม่อยู่ ตบโจวหลันหลันในที่ตรงนั้นไปทีนึง ตบจนเสียงดังลั่น “นังผู้หญิงชั่ว เอาแต่หาเรื่องให้ข้าขายหน้าคนอื่น กลับไปคิดทบทวนที่บ้านให้ดีๆ ซะ ต่อไปห้ามมาที่ร้านอีก”
“ท่านพี่ฟังข้าอธิบายก่อนสิ! ท่านพี่!”
โจวหลันหลันไปดึงเขา แต่เถ้าแก่จ้าวกลับผลักนางออกไปทีนึง หันหลังแล้วเดินเข้าร้านไป
“ฉินจิ่น แกรอดูไว้ ข้าไม่ให้แกได้ดีแน่” โจวหลันหลันโมโหไม่มีที่ระบาย หันมองมาทางฉินจิ่น ฉินจิ่นก็ไม่ได้ถือศีลสักหน่อย ในเมื่อโจวหลันหลันอยากจะโดนด่า นางก็ต้องสนองให้นางหน่อย
“จัดการเรื่องของตัวเองให้ดีเถอะ คำพูดนี้ก็ขอส่งกลับคืนให้เจ้าเหมือนกัน ถ้ายังกล้ามาหาเรื่องข้าอีกละก็ เจ้าอย่าคิดว่าจะได้อยู่เป็นสุขเลย”
โจวหลันหลันโมโหจนโหวกเหวกโวยวาย ท่าทางเหมือนมนุษย์ป้าปากร้าย
ฉินจิ่นกลับควงแขนเว่ยเหยียนถิง เดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
“อาจิ่น เมื่อกี้เจ้าหึงใช่หรือไม่” ในใจของเว่ยเหยียนถิงดีใจเล็กน้อย
นางหน้าแดงขึ้น “ใครหึงกัน ท่านเป็นสามีข้า แน่นอนว่าต้องไม่ให้ใครมองมาก ไม่ต้องพูดแล้ว รีบไปเถอะ”
นางลากเขาแล้วรีบเดินไปที่ร้านผ้า จริงๆ แล้วก็เพื่อกลบเกลื่อนความเขินบนหน้า
เถ้าแก่ร้านขายผ้านั้นเป็นคุณป้าอายุราวสี่สิบปี นามสกุลหลี่
ป้าหลี่เป็นคนใจดี ไม่ว่าจะฐานะสูงต่ำ ร่ำรวยยากจนยังไง ถ้าไปที่ร้านของนาง นางก็ปฏิบัติเท่าเทียมกันหมด ตอนที่ฉินจิ่นไปร้านผ้าครั้งแรกนั้น ช่างแตกต่างกับสิ่งที่เจอในร้านขายยามาก
หลังจากที่ได้เจอกันไปหลายครั้ง ป้าหลี่นั้นรู้สึกดีกับแม่นางคนนี้ พอเห็นนางมาก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง “อาจิ่นมาอีกแล้ว ครั้งนี้จะซื้ออะไรดี”
“ป้าหลี่เจ้าคะ ข้าทำของมาสองอย่าง อยากจะวางขายที่ร้านของป้า ป้าลองดูก่อนสิว่าได้รึเปล่า”
“นี่คืออะไรรึ” ป้าหลี่มองดูฉินจิ่นหยิบผ้าพันคอและถุงมือออกมาอย่างสงสัย นางไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลยจริงๆ
ดีที่วันนี้เว่ยเหยียนถิงก็สวมถุงมือและผ้าพันคอที่ฉินจิ่นทำให้มาด้วย ฉินจิ่นเลยลองสาธิตวิธีการใช้ให้ป้าหลี่ดู แล้วก็ยังให้ป้าหลี่ลองใช้ดูอีกด้วย
“ถึงของนี้จะดูแปลกไปหน่อย แต่ก็ใช้ดี อุ่นดีนะ”
“ป้าหลี่ เราก็รู้จักกันมานานแล้ว ของนี้เอาขายไว้ที่ร้านป้า ถ้าขายได้เงินแล้วเรามาแบ่งคนละครึ่งกันดีไหมเจ้าคะ”
“ไม่ต้องไม่ต้อง ข้าจะเอาเปรียบเจ้าไม่ได้ แล้วของสองอย่างนี้ เจ้าจะตั้งราคายังไงล่ะ”
“ขายอย่างละหกสิบเหวินก่อนก็ได้จ้ะ ถ้าขายดีเราค่อยมาคิดราคากันอีกที”
“ก็ดีเหมือนกัน เจ้าทำของพวกนี้ก็ลำบาก ถ้าขายได้แล้วให้ข้าอย่างละสิบห้าเหวินก็ได้แล้วล่ะ”
“ยี่สิบเหวิน ถ้าป้าหลี่ไม่ตอบตกลง ข้าก็จะไม่ขายแล้ว” ฉินจิ่นตอบกลับ แต่นางจะเอาเปรียบหญิงชราแบบนี้ก็ไม่ได้ ป้าหลี่เห็นว่านางก็คุยง่ายดี ก็เลยไม่เกรงใจนาง “ได้ ตามที่เจ้าบอกละกัน”
ฉินจิ่นนั้นแยกแยะบุญคุณและความแค้นได้อย่างชัดเจน คนที่ดีกับนาง นางก็ต้องดีกับเขาด้วย เพราะฉะนั้นท่าทางที่นางปฏิบัติต่อป้าหลี่กับเถ้าแก่หวูนั้นก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เนื้อและผักในบ้านยังพอกินได้อีกหลายวัน เว่ยจวนบอกนางว่าผ้าที่ใช้ทำถุงหอมนั้นไม่พอแล้ว นางเลยใช้เงินที่เหลือมาซื้อผ้า
“อาจิ่น ข้าได้ยินว่าเจ้าทำถุงหอมรึ ครั้งที่แล้วขายในตลาดหมดเกลี้ยงเลย ไม่กี่วันมานี้ก็มีคนมาถามที่ร้านข้าด้วย ถ้าครั้งหน้าเจ้าเอามาอีก ก็เอามาขายที่ข้าก็ดีเหมือนกันนะ”
มีคนที่ช่วยนางขายได้ นางก็เบาลงอีกหน่อย แน่นอนว่าดีอยู่แล้ว
แต่แค่เงินที่ขายถุงหอมนี้นั้นนางต้องแบ่งให้เว่ยจวนและฮูหยินเว่ยคนละครึ่ง แน่นอนว่าต้องหักต้นทุนไปด้วย ถ้าไม่นับค่าแรงคน ถุงหอมหนึ่งถุงต้องใช้ต้นทุนสี่เหวิน ขายยี่สิบเหวินก็ได้แค่สิบหกเหวิน แบ่งกันแล้วได้แค่คนละแปดเหวิน ถุงหอมอันนึงนั้นการเย็บและการปักนั้นเป็นงานหนัก แล้วค่าฝากขายนั้นนางจะแบ่งมาจากเว่ยจวนและฮูหยินเว่ยอีกก็คงไม่ดี นางเลยคิดจะหักจากแปดเหวินของตัวเอง แต่ถ้าไม่อยากจะขูดเลือดขูดเนื้อตัวเอง ก็ทำได้แค่......
“ป้าหลี่จ๊ะ ข้ารู้มาว่าถุงหอมในร้านป้านั้นขาย สิบแปดเหวินกันหมด ข้าก็ขอพูดกันตรงๆ เลยนะ ป้าก็น่าจะเคยเห็นถุงหอมของข้าแล้ว ลวดลายซับซ้อน ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ถ้าเกิดให้ข้าฝากขายกับป้าอีก ก็ขายได้แค่ไม่กี่เหวิน เอาแบบนี้ไหมเจ้าค่ะ ข้าวางขายในร้านป้ายี่สิบห้าเหวิน ถึงเวลาป้าก็ให้ข้าแค่ยี่สิบเหวิน ที่เหลือห้าเหวินนั้นให้ป้าหมดเลยเจ้าค่ะ”
“ได้!” ป้าหลี่ก็พึงพอใจ แล้วยังแถมอุปกรณ์ให้นางด้วย
ฉินจิ่นให้เว่ยเหยียนถิงถือ ส่งถึงบ้านตระกูลเว่ยอย่างมีความสุข ให้กับเว่ยจวนและนางเว่ยไป
วันนี้เว่ยเหยียนถิงพูดน้อยอย่างเห็นได้ชัด และระมัดระวังเป็นอย่างมาก เขาใช้ชีวิตอยู่กับหน้าตาที่อัปลักษณ์นั้นมานานขนาดนั้น ชินกับการเมินเฉยและเยาะเย้ยของคนอื่นๆ มาเจอกับสายตาที่ตกตะลึงและบ้าผู้ชายมากมายอย่างกะทันหันแบบนี้ รู้สึกไม่ชินจริงๆ
ฉินจิ่นยังอยากจะเดินซื้อของข้างล่างต่อ แต่กลับโดนเขาเร่งให้กลับ พอกลับมาบ้านแล้ว ท่าทางของเว่ยเหยียนถิงนั้นถึงจะเป็นอิสระขึ้น
มองดูผลงานชิ้นเอกของตัวเองแล้ว อย่าถามถึงเลยว่าในใจฉินจิ่นนั้นภูมิใจมากแค่ไหน
เพราะฉะนั้นเวลาที่เว่ยเหยียนถิงตักน้ำ นางก็จ้องมองอยู่ข้างๆ เว่ยเหยียนถึงเข้าครัว นางก็ไปจ้องมองอยู่ข้างๆ เว่ยเหยียนถิงกินข้าว นางก็ยังคงจ้องมองอยู่ข้างๆ
ใบหน้านี้ยิ่งดูก็ยิ่งหล่อขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมฝีมือของตัวเอง