บทที่ 13 หล่อมากๆๆๆ!
บทที่ 13
หล่อมากๆๆๆ!
สภาพอากาศหนาวเย็นและชื้นในฤดหนาว ขนแกะที่ล้างสะอาดและตากอยู่ข้างนอกมาสองคืนนั้นยังไม่ค่อยแห้งดีนัก ฉินจิ่นไม่รู้จะทำยังไง สุดท้ายเลยทำได้แค่ใช้ความร้อนจากการ เผาถ่านทำให้แห้ง
หลังจากทำให้ขนแกะแห้งดีแล้วก็เอามาถักให้เป็นเส้นไหม ขนแกะสองถุงใหญ่พอถักออกมาแล้ว สุดท้ายก็ได้ไหมมาห้าม้วนใหญ่ๆ เสี่ยวซีนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็ก ช่วยนางดูไหมเอาไว้ และเว่ยเหยียนถิงได้เหลาไม้สำหรับถักไว้ให้นางตั้งแต่แรกแล้ว พอทำไหมเสร็จแล้วก็สามารถลงมือได้ทันที
ใช้เวลากว่าครึ่งวัน ผ้าพันคอผืนนึงก็ได้ถักเสร็จแล้ว ต่อด้วยก็ใช้เวลาอีกหนึ่งวัน ถุงมืออีกคู่นึงก็เสร็จแล้วเหมือนกัน
เสี่ยวซีสวมถุงมือและพันผ้าพันคอไว้ ยิ่งทำให้แก้มที่ป่องๆ นั้นเห็นชัดขึ้น อย่าให้พูดเลยว่าน่ารักแค่ไหน
“อุ่นไหม”
“อื้ม ขอบคุณมากขอรับพี่สาว”
เสี่ยวซีชอบผ้าพันคอและถุงมือนี้มาก แม้แต่กินข้าวก็ทำใจไม่ได้ที่จะถอดออก เว่ยเหยียนถิงอิจฉาในใจ ถึงแม้ไม่ได้พูดออกมา แต่ก็หนีไม่พ้นสายตาของฉินจิ่นอยู่ดี
“พี่ถิง ไหมนี้ยังเหลือเยอะมาก ถ้าพี่ชอบ เดี๋ยวข้าจะถักให้พี่ชุดนึงนะ”
“จริงนะ”
“จริงจ้ะ”
เด็กตัวเล็กอย่างเสี่ยวซี ทำถุงมือกับผ้าพันคอชุดนึงให้เขานั้นใช้ไหมไปแค่ม้วนเดียวเท่านั้น แต่สำหรับเว่ยเหยียนถิงนั้นไม่เหมือนกัน ทำผ้าพันคอและถุงมือให้เขาเสร็จ เหลือไหมอยู่แค่สองม้วน แล้วนางก็ทำอีกชุดนึง
ผ้าพันแผลบนหน้าของเว่ยเหยียนถิงนั้นยังไม่ได้เอาออก แต่เขาก็อดใจไม่ไหวเลยพันผ้าพันคอและถุงมือที่ภรรยาถักให้ ร่างกายอบอุ่น ใจก็อบอุ่น
รอมาตั้งนาน สุดท้ายก็ถึงวันที่ได้ถอดผ้าพันแผลแล้ว
วันนี้เว่ยเหยียนซิ่นก็ขึ้นมาช่วยงานพอดี เลยได้เป็นสักขีพยานในช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์ไปพร้อมกับฉินจิ่นและเสี่ยวซี
ผ้าพันแผลได้ถอดออกมาจากหน้าของเว่ยเหยียนถิงทีละวง ทันใดนั้นหน้าตาที่หล่อเหลาก็ได้ปรากฏต่อหน้าผู้คน
เว่ยเหยียนซิ่นอึ้งจนอ้าปากกว้าง นี่ยังเป็นพี่รองของตัวเองอยู่รึเปล่า ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองเขาคงไม่มีทางเชื่อแน่นอน
เสี่ยวซีบิดไปที่ชายเสื้อของฉินจิ่น เหมือนเจอคนแปลกหน้าคนนึง เลยรู้สึกเขินเล็กน้อย
ฉินจิ่นลูบไปที่หน้าของเขา มองดูงานผ่าตัดของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ นอกจากคำว่าเพอร์เฟคก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาเปรียบเปรยได้
“อาจิ่น หน้าของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“พี่ดูเอาเองสิจ๊ะ”
ฉินจิ่นเอากระจกทองแดงมาตรงหน้าเขา มองดูตัวเองในกระจกแล้วเว่ยเหยียนถิงก็ตกตะลึงทันที
จมูกที่สูงโด่ง ริมฝีปากที่บางเฉียบ คิ้วที่โค้งเรียว ดวงตาที่เป็นประกาย หล่อเหลาไม่ธรรมดา เรียกว่าหล่อแข่งกับพานอานเลยก็ว่าได้
“นี่ข้าจริงๆ รึ” เขาจับไปที่หน้าของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะสัมผัสของมือนั้นเป็นสัมผัสที่แท้จริง เขาคงไม่กล้าที่จะเชื่อ
“จริงสิเจ้าค่ะ พี่ถิง ในเมื่อพี่หายดีแล้ว งั้นเราลงไปให้ท่านพ่อท่านแม่และน้องสามดูกันเถอะ พวกเขาก็เป็นห่วงพี่มากเหมือนกัน”
ผู้ชายของตัวเองหน้าตาโดดเด่นขนาดนี้ นางไม่ยอมซ่อนไว้แน่นอน ต้องลากออกไปโชว์ตัวสักหน่อย
ระหว่างทาง หญิงสาวในหมู่บ้านไม่น้อยมองมาที่ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ข้างฉินจิ่นอย่างไม่ละสายตา ตอนแรกยังมีคนนึกว่าฉินจิ่นนั้นคบชู้อีกด้วย ยังดีที่มีเว่ยเหยียนซิ่นอยู่ข้างๆ ด้วย พวกนางถึงได้รู้ว่าสามีขี้เหร่ตระกูลเว่ยนั้นได้รักษาหน้าจนหายดีแล้ว พวกผู้หญิงในหมู่บ้านที่แต่ก่อนชอบหัวเราะเยาะฉินจิ่นนั้น ตอนนี้บนหน้ากลับเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
นางควงแขนของเว่ยเหยียนถิงแล้วเดินผ่านสายตาพวกนี้นั้น ความรู้สึกของฉินจิ่นนั้นมีคำเดียวที่สามารถนำมาเปรียบเปรยได้ก็คือ ‘ฟิน’
เว่ยเหยียนถิงกลับมาบ้านด้วยหน้าตาแบบนี้ หญิงชราเว่ยและชายชราเว่ยต่างพากันตกใจ ตอนแรกคนแก่ทั้งสองยืดหยัดไม่เชื่อว่านี่คือลูกชายของตัวเอง จนกระทั่งเว่ยเหยียนถิงเล่าเรื่องตอนเด็กและเรื่องในบ้านไปไม่น้อย แล้วก็มีเว่ยเหยียนซิ่นและฉินจิ่นรับรองด้วย ทั้งสองถึงได้ค่อยๆ ยอมรับ
เว่ยจวนมองดูหน้าตาที่หล่อสะดุดตาของพี่รองแล้วก็เขินจนหน้าแดง แล้วก็ยิ่งนับถือฉินจิ่นจนคำนับกับพื้น “พี่สะใภ้รอง พี่เก่งมากจริงๆ”
คนสมัยก่อนนั้นมีอุปกรณ์กระจายข่าวที่ดีที่สุดคือ——ปาก
เพราะฉะนั้นในตอนที่ฉินจิ่นและเว่ยเหยียนถิงมาถึงในเมืองจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนัก คนส่วนใหญ่ต่างก็ได้ยินข่าวที่ว่าหน้าตาลูกชายตระกูลเว่ยนั้นหายดีแล้ว
ทั้งสองไปที่ร้านขายยา เถ้าแก่หวูก็ได้ยินตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอเห็นหน้าของเว่ยเหยียนถิงแล้วก็ต้องตะลึง ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าทักษะทางการแพทย์ของแม่นางนั้นดีอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะทำถึงขั้นนี้ได้
“เถ้าแก่หวู ยาที่ข้าขายให้ก่อนปีใหม่ขายหมดหรือยังเจ้าคะ”
“ขายหมดไปตั้งนานแล้วล่ะ แต่เพราะเพิ่งผ่านปีใหม่ได้ไม่นาน ข้าเลยไม่อยากจะรีบสั่งให้คนไปรบกวนน่ะ”
นี่ก็แค่คำพูดที่พูดให้สุภาพเท่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่หวูนั้นมีความคิดอื่นอยู่
ฉินจิ่นไม่ได้พูดเปิดโปง เพียงแค่บอกว่า “งั้นข้ากลับไปทำอีกสักหน่อย แล้วจะรีบส่งให้เถ้าแก่นะเจ้าค่ะ”
“มานี่ มาเสิร์ฟชาให้แม่นางและสามีท่านนี้หน่อย”
เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่หวูจงใจไม่สนใจคำพูดของนาง ฉินจิ่นก็ไม่รีบร้อน นั่งลงพร้อมกับเว่ยเหยียนถิง ดื่มชาปี้หลัวชวนที่ลูกจ้างชงมาเสิร์ฟ
นี่ก็เป็นชาที่ใช้ในตอนที่ต้อนรับแขกพิเศษเหมือนเดิม
เถ้าแก่หวูหมุนลูกวอลนัทอยู่สองลูก นั่งอยู่ตรงข้ามของทั้งสอง
“ทำไมต้องลำบากขนาดนั้นด้วยล่ะ เจ้ายังต้องทำวัตถุดิบอีก ในร้านของข้าก็มีวัตถุดิบที่ใช้ได้ แล้วก็มีคนตั้งเยอะที่จะช่วยเจ้าได้ เจ้าไม่ต้องลำบากออกแรงเองไม่ดีกว่าหรือ”
“เถ้าแก่หวู มีอะไรก็พูดกันตรงๆ เลยดีกว่าเจ้าค่ะ”
ทำธุรกิจกับฉินจิ่นมาตั้งหลายครั้ง เขาเชื่อมั่นในยาของฉินจิ่นมาก ยาของฉินจิ่นนั้นจริงๆ แล้วเพิ่งวางขายได้ไม่นานแต่ก็หมดเกลี้ยง อีกอย่างกระแสปากต่อปากก็กำลังมาแรง หลังจากนั้นก็มีคนมาถามกันตั้งเยอะ แต่เขาไม่คิดจะบอกนางแค่นั้นเอง
“แม่นางก็เป็นคนจิตใจดี ข้าก็ขอบอกตรงๆ ว่า ข้าอยากจะซื้อสูตรยาทั้งสองอย่างของเจ้า เจ้าว่าสิบตำลึงต่อหนึ่งใบ ดีหรือไม่”
“เถ้าแก่หวู ข้าได้ยินมาว่าเถ้าแก่ได้ตั้งราคายาเป็นสี่สิบห้าเหวินแล้ว”
หลายครั้งที่ผ่านมาที่นางมาในเมือง ถึงจะไม่ได้มาที่ร้านขายยา แต่ก็ยังได้ยินเรื่องนี้
เถ้าแก่หวูเริ่มจะทำตัวไม่ถูก วางลูกวอลนัทที่อยู่ในมือลง แม่นางคนนี้ก็ช่างฉลาดเหลือเกิน หลอกไม่ได้เลยสักนิด
“งั้นเจ้าก็เสนอราคามาสิ ว่าจะยอมขายในราคาเท่าไหร่”
“สูตรยานี้นั้นข้าไม่ขายเจ้าค่ะ ครั้งที่แล้วเถ้าแก่ไม่ได้ถามข้าเรื่องสิทธิ์ในการขายให้เพียงร้านเดียวหรือเจ้าค่ะ ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะเอายามาให้ร้านของท่านเพียงร้านเดียว ท่านยังไม่ต้องให้เงินข้าก่อนเจ้าค่ะ แต่แค่เงินที่ขายได้นั้นเราแบ่งสี่สิบหกสิบ ข้าหกสิบท่านสี่สิบ”
เถ้าแก่หวูคิ้วขมวด ท่าทางนี้แสดงให้เห็นได้ชัดว่าไม่ยอม
ก่อนที่จะพูดคำนี้ ในใจของฉินจิ่นก็ได้คิดคำนวณไว้แล้ว ก็คือแบ่งหนึ่งต่อเก้า ด้วยความที่ยาของตัวเองนั้นขายดีและเขาก็ยังได้กำไรโดยไม่ต้องเสียเงินด้วย
“ถ้าเถ้าแก่หวูไม่ยอม งั้นก็เอาตามราคาเดิมก็ได้เจ้าค่ะ ซื้อจากข้าไปขวดละยี่สิบเหวิน ท่านจะไปขายเท่าไหร่ก็แล้วแต่ท่าน แต่ข้าก็ไม่รับรองว่าจะขายให้ท่านร้านเดียวนะเจ้าค่ะ”
คำพูดของฉินจิ่นนั้นเปลี่ยนจากแขกเป็นเจ้าของทันที เถ้าแก่หวูนั้นกลัวว่าของดีจะหลุดไป เลยทำได้แค่ตอบตกลงทันที
พอต่อรองราคากันแล้ว เถ้าแก่หวูก็เหงื่อตกอีกครั้ง
หลังจากออกจากร้านยาแล้วฉินจิ่นดึงเว่ยเหยียนถิงไว้จะไปร้านผ้า ระหว่างทางนั้นผ่านร้านข้าว โจวหลันหลันกำลังตากแดดอยู่หน้าประตู พอเห็นฉินจิ่นก็บอกได้แค่ว่าโลกนี้มันกลม กำลังจะจับผิด แต่พอเห็นชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้างฉินจิ่นแล้ว โจวหลันหลันก็อึ้งไปสักพัก
ชายผู้นี้จะหล่อเกินไปรึเปล่า
“อาจิ่น เจ้านอกใจสามีแบบนี้ แล้วยังเชิดหน้าชูตาขนาดนี้อยู่อีก หน้าไม่อายจริงๆ”
โจวหลันหลันขวางทางพวกเขา สายตามองไปที่ เว่ยเหยียนถิงครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งอิจฉาทั้งริษยา ชายรูปหล่อแบบนี้ทำไมถึงสนใจผู้หญิงบ้านนอกขี้เหร่แบบนี้นะ จะหาคู่ควงก็หานางสิถึงจะดี ทั้งหน้าตา ทั้งการแต่งกาย ทั้งฐานะ นางมีจุดไหนที่สู้นางไม่ได้บ้าง
เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ยินเรื่องที่หน้าของเว่ยเหยียนถิงหายดีแล้ว