บทที่ 12 หน้าของพี่
บทที่ 12
หน้าของพี่
หลังจากที่ให้เงินกับตระกูลฉินไปแล้ว ในบ้านก็ไม่มีเงินอีก เรื่องแต่งงานของเว่ยเหยียนซิ่นเลยเป็นเรื่องหนักใจของคนชราทั้งสองมาโดยตลอด ปีนี้เว่ยเหยียนถิงอายุสิบเก้า เว่ยเหยียนซิ่นก็อายุสิบหกแล้ว คนสมัยก่อนผู้ชายอายุสิบเจ็ดก็เป็นฝั่งเป็นฝากันหมดแล้ว ไม่งั้นอาจจะโดนเรียกว่าชายผู้ไม่มีใครเอาก็ได้
ฉินจิ่นรู้ว่าหญิงชราเว่ย ชินกับการทำงานแล้ว ให้นางอยู่เฉยๆ ก็คงไม่ชิน ก็สามารถทำได้แค่ตามใจนาง “ท่านแม่ทำไปพร้อมกับอาจวนเลยก็ได้เจ้าค่ะ ของท่านทำขายได้กี่อันข้าก็จะให้ท่านตามจำนวนที่ขายได้เจ้าค่ะ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างเดียว อย่าหักโหมนะเจ้าคะ”
เนื่องจากหญิงชราเป็นแม่สามีของตัวเอง แน่นอนว่าจะแบ่งคนละครึ่งเหมือนน้องสามีคงไม่ได้ แต่หญิงชราเว่ยกลับบอกว่า “ข้าจะเอาครึ่งเดียวแบบอาจวน ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้า ถึงเจ้าจะให้ข้าเพิ่มข้าก็ไม่เอา”
“ก็ได้เจ้าค่ะ ตามที่ท่านแม่สบายใจ”
หญิงชราเว่ยไม่เอาเปรียบ ทำให้นางซาบซึ้งในจุดนี้มาก
“อาจวน เจ้าไปในเมืองกับข้าหน่อยสิ ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วยน่ะ”
“พี่สะใภ้รองไม่ต้องเกรงใจข้าหรอกเจ้าค่ะ” เว่ยจวนวางเข็มกับด้ายอย่างระมัดระวัง ปัดกระโปรง ตอนนี้ฉินจิ่นว่าอย่างไรก็ว่าอย่างงั้น นางนั้นทั้งนับถือทั้งเคารพพี่สะใภ้รองคนนี้ของตัวเองมาก
ทั้งสองไปที่ตลาดเพื่อไปร้านผ้า เถ้าแก่เอาด้ายฝ้ายทุกแบบออกมา ฉินจิ่นเลือกแล้วก็ยังไม่พอใจ
ด้ายแบบนี้เอามาใช้เย็บผ้าทอยังพอได้ แต่เอามาใช้แทนไหมขนสัตว์นั้นคงเส้นเล็กเกินไป
“พี่สะใภ้รอง ข้าดูแล้วด้ายพวกนั้นก็ดีเหมือนกัน ยังไม่ใช่แบบที่พี่อยากได้หรือจ๊ะ พี่จะเอาไปทำอะไรหรือ”
“ถึงเวลาเดี๋ยวเจ้าก็รู้ อาจวน ในเมืองนี้มีที่เลี้ยงแกะรึเปล่า”
เว่ยจวนส่ายหน้า “ใกล้ๆ นี้ไม่มี ถ้าเมืองใกล้ๆ นั้นน่าจะมี แต่ถ้าจะไปเมืองใกล้ๆ จะต้องนั่งรถม้า ไปกลับก็ต้องใช้เวลาสามถึงสี่ชั่วโมง”
แน่นอนว่าวันนี้นั้นไม่ทันแล้ว เดิมทีนางลงภูเขาก็เพื่อจะซื้อวัตถุดิบอาหารแล้วก็กะจะซื้อไหมขนสัตว์กลับไป ทำผ้าพันคอให้เสี่ยวซีผืนนึง ถุงมือคู่นึง
พอทั้งสองออกจากร้าน เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงตะโกน พอฉินจิ่นหันไปดูก็เป็นพ่อค้าที่ขายเนื้อแกะให้นางในวันเหมายันพอดี นางครุ่นคิด แล้วก็มีไอเดียขึ้นทันที
คนขายเนื้อในสมัยก่อนส่วนใหญ่ก็ฆ่าสัตว์ขายทั้งนั้น แกะที่ซื้อมานั้นก็เอามาฆ่าขายเอง เพราะฉะนั้นสำหรับพวกเขาแล้วขนแกะก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อเถ้าแก่ขายเนื้อแกะได้ยินฉินจิ่นจะใช้เงินซื้อ ก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
พ่อค้าขายเนื้อนามสกุลหู อยู่หมู่บ้านใกล้เคียง ก็พอรู้จักฉินจิ่นอยู่บ้าง แม่นางคนนี้เคยมาซื้อเนื้อที่เขาขายตอนวันเหมายัน ข้างๆ พาสามีหน้าตาขี้เหร่มาด้วย เพียงแค่วันนี้ไม่เห็นสามีคนนั้น กลับมากับหญิงสาวอีกคน
“พี่หู ขนแกะนี้วันหลังข้าก็ยังจะเอาอยู่นะเจ้าค่ะ ถ้าท่านฆ่าแกะอีกก็ช่วยเก็บไว้ให้ข้าหน่อยนะ ยิ่งสะอาดก็ยิ่งดี”
“ได้เลย เจ้าวางใจได้ ต่อไปเดี๋ยวข้าจะเก็บไว้ให้เจ้านะ” พ่อค้าหู ยิ้มจนปากแทบฉีก ไม่คิดว่าของไร้ประโยชน์นี้จะแลกเป็นเงินได้
พี่สะใภ้และน้องสาวถือขนแกะขนละถุง เดิมทีฉินจิ่น อยากจะถือเอง แต่เว่ยจวนนั้นอยากจะช่วยนาง ของชิ้นนี้นั้นใหญ่แต่จริงๆ แต่ไม่หนักเลยสักนิด ดังนั้นนางจึงปล่อยให้อาจวนถือ
ขนแกะสองถุงใหญ่ขายในราคายี่สิบเหวิน ซื้อเนื้อซื้อผักก็เสียไปอีกสามสิบเหวิน วันนี้เว่ยเหยียนถิงไม่อยู่นางก็ไม่กล้าซื้อเยอะ ไม่งั้นตอนเอากลับไปคงเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน
เว่ยจวนเห็นนางถือคนเดียว เลยอาสาช่วยนางถือของกลับเอง
พี่สะใภ้และน้องสาวขึ้นภูเขาไปด้วยกัน เว่ยหยียนถิงรอจนร้อนรนใจ กำลังจะลงภูเขาไปตามหานาง เว่ยเหยียนซิ่นจะรั้งก็รั้งไว้ไม่อยู่ แล้วทั้งสองก็ชะงักอยู่ตรงหน้าประตู เจอกับพี่สะใภ้และน้องสาวพอดี
“พี่ถิง ท่านทำไมไม่พักผ่อนดีๆ แล้วนี่จะทำอะไรล่ะเจ้าคะ”
“อาฉิน” เว่ยเหยียนถิงคว้ามือของนางมา ท่าทางดูลุกลี้ลุกลน เห็นว่านางไม่เป็นอะไรถึงได้โล่งใจ
“เอาหน่า ข้าไม่ใช่เด็กสักหน่อย ท่านอย่าทำแบบนี้สิ น้องสี่กับน้องสามก็อยู่ด้วยนะ”
เว่ยเหยียนถิงกังวลจนลืมคนที่อยู่ข้างๆ ไป ทันใดนั้นพอรู้ตัวจึงปล่อยมือนางอย่างประหม่า แล้วก็รับของในมือของนางและเว่ยจวนมา
“คงเหนื่อยแย่แล้วใช่ไหม พวกเจ้ารีบเข้ามาพักเถิด”
“พี่รอง หน้าของพี่” เว่ยจวนเห็นหน้าของเว่ยเหยียนถิงครั้งแรกก็ทำให้ตกใจไปที
ครั้งนี้นั้นเป็นครั้งแรกที่เว่ยเหยียนซิ่นอธิบายให้นางฟัง
“พี่วางใจเถิด พี่รองไม่ได้เป็นอะไรพี่สะใภ้รองบอกว่าแผลบนหน้าของพี่รองน่ะหายดีแล้ว รอสักระยะหนึ่งแผลก็จะสมานกันจนหมด ถึงเวลานั้นหน้าตาก็จะกลับมาปกติอีกครั้ง”
หน้าตาของพี่รองเหรอ เว่ยจวนอึ้งไปสักพัก ตั้งแต่เขามาที่บ้านพวกนางเป็นวันแรก หน้าของพี่รองก็พังอยู่แล้ว……
ฉินจิ่นสงสัยตั้งนานแล้ว เห็นหลายคนต่างอยู่ เลยอดไม่ได้ที่จะถาม
“ข้ายังไม่รู้เลยว่าหน้าของพี่ถิงนั้นเป็นแผลได้ยังไง เขาไม่ยอมบอก พวกเจ้ารู้รึเปล่า”
“หน้าของพี่รองนั้นเป็นแผลตั้งแต่ตอนเด็กที่ออกไปล่าสัตว์กับพ่อน่ะ บอกว่าโดนหมีข่วน” ตาของเว่ยจวนเป็นประกาย แล้วรีบบอกทันที
ฉินจิ่นคิ้วขมวด นางเคยรักษาแผลนั้น นั่นไม่เหมือนโดนสัตว์ร้ายข่วน นั่นเห็นได้ชัดว่าโดนอาวุธมีคมทำให้บาดเจ็บ แต่ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมา
น้องสาวละพี่สะใภ้ทำอาหารอยู่ในครัว เว่ยเหยียนถิงและเว่ยเหยียนซิ่นรออยู่ข้างนอก แน่นอนว่าทั้งสองคนนั้นต้องไม่ได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกัน เสี่ยวซีมาคอยช่วยอยู่เรื่อยๆ ครั้งนี้ฉินจิ่นไม่ลืมที่จะชดเชยลูกอมที่ไม่ได้ซื้อให้เขาในครั้งที่แล้ว
เว่ยเหยียนซิ่นและเว่ยจวนนั้นช่วยงานมาทั้งวันแล้ว แน่นอนว่าฉินจิ่นให้พวกเขาอยู่กินข้าวด้วย
หลังจากกินอิ่มกันแล้ว เว่ยเหยียนซิ่นและเว่ยจวนก็ลงภูเขาไป ฉินจิ่นจะเก็บถ้วยชาม เว่ยเหยียนถิงก็ไม่ยอมให้นางทำอะไรอีก
วันนี้ภรรยาของตัวเองทำงานหนักขนาดนี้ แม้แต่ตอนที่นางทำอาหารเขาก็ไม่พอใจ
ฉินจิ่นก็ไม่ได้ขัดขวางเขา เว่ยเหยียนถิงเก็บกวาดล้างจาน ส่วนนางก็เอาขนแกะที่ซื้อกลับมาสองถุงนั้นล้างน้ำเปล่า แล้วตากไว้ที่ลาน
คืนนี้เว่ยเหยียนถิงกล่อมเสี่ยวซีหลับไปก่อนแล้ว จากนั้นก็ขึ้นเตียงของฉินจิ่นโดยไม่บอกไม่กล่าว
“โตป่านนี้แล้วยังจะแย่งเด็กอีก หน้าไม่อายเอาซะเลย”
“ไม่สน ยังไงข้าก็จะนอนกับเจ้า” เว่ยเหยียนถิงกอดนางแน่นๆ อยู่ในผ้าห่ม ชายร่างใหญ่คนนึงพออ้อนมาก็เหมือนเด็กคนนึงไม่มีผิด
หน้าของนางแดงระเรื่อ ดีที่เขาไม่ได้ทำอะไรไปไกลกว่านี้ เพียงแค่กอดนางธรรมดาๆ เท่านั้น แต่กลับพอใจเหลือเกิน
นึกถึงคำพูดที่ได้ยินเว่ยจวนพูดเมื่อตอนกลางวันนั้น นางอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่ถิง จริงๆ แล้วหน้าของพี่เป็นแผลได้ยังไงหรือเจ้าคะ”
“ทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะ”
“ข้าได้ยินอาจวนบอกว่าถูกสัตว์ร้ายทำร้าย แต่ข้าดูแล้วแผลของพี่นั้นไม่เหมือนแผลที่โดนสัตว์ทำร้ายเลยหนิเจ้าคะ”
เว่ยเหยียนถิงเงียบลง ส่ายหัวแล้วบอกว่า “ข้าก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน พ่อบอกแค่ว่าข้าโดนหมีข่วนน่ะ”
“จำไม่ได้เหรอ” ฉินจิ่นถามอย่างประหลาดใจ
“ใช่ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอก เรื่องก่อนอายุสิบขวบข้าก็จำไม่ได้แล้ว” เว่ยเหยียนถิงถอนหายใจ น้ำเสียงทุ้มต่ำเล็กน้อย
“จริงๆ แล้วท่านพ่อท่านแม่ปิดบังข้าและไม่ยอมบอกมาโดยตลอด แต่ในใจข้ารู้ดี ว่าข้าไม่ใช่คนในตระกูลเว่ย ข้าได้ยินคนในหมูบ้านพูดมาเมื่อหลายปีก่อนแล้วล่ะ ข้าถูกท่านพ่อท่านแม่เก็บมาเมื่อเก้าปีที่แล้วน่ะ”
“แต่เพราะท่านพ่อท่านแม่ไม่อยากให้ข้าคิดมาก เลยไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาแต่ไหนแต่ไร บอกแค่ว่าข้าโดนหมีข่วนแล้วสูญเสียความทรงจำ แม้แต่น้องสามกับน้องสี่ก็ปิดบังข้าด้วย”
ฉินจิ่นฟังแล้วก็พูดไม่ออก แล้วก็ปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะเจ้าค่ะ ต่อไปชีวิตของเราต้องดีขึ้นเรื่อยๆ เรื่องเมื่อก่อนนั้นจำไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ” คิดดูแล้วชีวิตก่อนหน้านี้ของเว่ยเหยียนถิงก็คงไม่ดี ไม่งั้นจะเสียโฉมได้ยังไงล่ะ