บทที่ 12 สุนัขปิดถนน
บทที่ 12 สุนัขปิดถนน
เย่สวี่กลับมานั่งบนเก้าอี้และเริ่มลิ้มรสอาหารอร่อยอย่างสบายใจ เห็นได้ชัดว่าอาหารทั้งแปดจานนี้ จัดทำขึ้นเป็นพิเศษโดยหอมังกรหยก
เป็นเพราะก่อนหน้านี้เย่สวี่หิวมาก ก่อนที่จะถูกขัดจังหวะการกิน ยิ่งในเวลานี้เขายิ่งหิวมากขึ้นไปอีก ลูกค้าคนอื่น ๆของหอมังกรหยกต่างมองไปที่เย่สวี่ด้วยความริษยา
อาหารทั้งแปดจานนี้เป็นอาหารที่โดดเด่นของหอมังกรหยกที่ไม่ใช่ว่าใครอยากกินก็จะได้กิน
“เย่สวี่ มีความสามารถอะไรกัน? ทำไมหอมังกรหยกปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้?” มีชายคนหนึ่งกล่าวเบา ๆ
“ถูกต้อง ข้าแข็งแกร่งกว่าเขามาก” เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
ทางด้านเย่สวี่ไม่ได้ใส่ใจเสียงซุบซิบรอบตัว เขามุ่งมั่นในการกินอาหารอย่างมีความสุข ในโลกนี้มีคนมากมายที่ริษยาคนอื่นตลอดเวลา เขาไม่มีเวลามากพอไปยุ่งกับคนพวกนั้น
เนื่องจากเขาต้องใช้กำลังเพื่อทำให้คนพวกนี้หุบปาก ดังนั้นเย่สวี่จึงปล่อยผ่านไม่ได้เก็บมาคิด
“เย่สวี่!” จู่ๆก็มีเสียงคำรามด้วยความมุ่งร้ายดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเย่เฟยเหวินมาปรากฎตัวต่อหน้าเย่สวี่ด้วยความโกรธจัดและติดตามมาด้วยจ้าวหมานและหลี่ซาน
เย่เฟยเหวินมองไปที่เย่สวี่ที่กำลังกินอาหารหรูหราอย่างเอร็ดอร่อย ก็ยิ่งทวีความโกรธเพิ่มขึ้น เนื่องจากเย่สวี่ทุบตีผู้หญิงและคนรับใช้ของเขาอย่างไม่ไว้หน้า!
เดิมทีเขาคิดว่า เย่สวี่จะตกใจและไม่สบายใจ หลังจากที่สร้างความขุ่นเคืองใจให้เขา แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่า เย่สวี่จะยังคงเพลิดเพลินกับอาหารที่นี่อย่างสบายอกสบายใจ!
“ท่านแขกผู้มีเกียรติ ได้โปรดใจเย็นๆ” เสี่ยวเอ้อรีบเข้ามาพูดคุยกับเย่เฟยเหวิน เนื่องจากหเถ้าแก่พึ่งออกไปเมื่อครู่
เมื่อเขามองเห็นการแต่งกายของเย่เฟยเหวินที่ผ้าแพรและหินหยกหรูหรา พวกเขาจึงไม่กล้าขวางเย่เฟยเหวิน
"ไสหัวไปซะ!" เย่เฟยเหวินตะโกนอย่างโกรธจัดและผลักเสี่ยวเอ้อออกไป
“เย่สวี่ เจ้ายั่วยุข้าครั้งแล้วครั้งเล่า รู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาจากความโกรธของข้าคืออะไร?” เย่เฟยเหวินหรี่ตาลงและพูดอย่างเย็นชา เมื่อเย่สวี่ได้ยินเชนนั้น เขาพบว่ามันตลกมาก
เย่จื่อหรงต้องการทำลายจิตวิญญาณการต่อสู้ของเย่สวี่ และจ้าวหมานและหลี่ซาน ยังดูแคลนเขาอีกด้วย ตอนนี้เย่เฟยเหวินกลับพูดว่า เย่สวี่ยั่วยุเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เย่เฟยเหวินช่างแก่ตัวและไม่เห็นหัวใคร เขาก็ถูกผู้อาวุโสสามเลี้ยงจนเสียนิสัยอย่างสมบูรณ์
“เมื่อครู่เป็นแค่เสียงสุนัขเห่าเท่านั้น” เย่สวี่กล่าวอย่างแผ่วเบา
“เจ้ากล้าเรียกข้าว่าสุนัข” ดวงตาของเย่เฟยเหวินเต็มไปด้วยความตกใจ
เขาโกรธมาก โดยปกติแล้ว เขาเป็นคนเดียวที่กลั่นแกล้งคนอื่น เพราะไม่มีใครกล้ารังแกเขามาก่อน!
“เจ้าไม่เข้าใจภาษามนุษย์ด้วยซ้ำ...ดังนั้นเจ้าเป็นแค่สุนัขจริง ๆ!” เย่สวี่จิบชาและพูดเบา ๆ
"ดีจริง ๆ!" เย่เฟยเหวินกระแทกโต๊ะอย่างแรง ใบหน้าของเขาดุร้าย “อย่าคิดว่าเจ้าจะปลอดภัยเพียงเพราะเจ้าอยู่ในหอมังกรหยก อย่าออกจากหอมังกรหยกรจะดีกว่า ข้าขอเตือน!”
“ตราบใดที่เจ้ากล้าออกมา ข้าจะฆ่าเจ้า!” เย่เฟยเหวินไม่ต้องการสร้างปัญหาใดๆ ใน หอมังกรหยก ผู้อาวุโสสาม หรือบิดาของเขา เตือนเขาว่าอย่าสร้างปัญหาแก่หอมังกรหยก
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะไปเมื่อข้าอิ่มแล้ว” การแสดงออกของเย่สวี่สงบและผ่อนคลายราวกับว่าเขาไม่ได้มองเย่เฟยเหวินอยู่ในสายตาของเขาเลย
ที่จริงแล้ว ในหัวใจของเย่สวี่ เย่เฟยเหวินไม่สำคัญเท่ากับอาหารที่อยู่ตรงหน้าเขา
"ไปกันเถอะ!" เย่เฟยเหวินมองไปที่เย่สวี่ดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นเขาหันหลังกลับและจากไปพร้อมกับคนรับใช้สองคนของเขา
ทั้งจ้าวหมานและ หลี่ซาน ก็หันไปมองเย่สวี่พร้อมๆกัน หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
พวกเขากำลังรอเห็นนายน้อยเหวินฆ่าเย่สวี่เพื่อระบายความคับแค้นใจ! หลังจากที่ทั้งสามคนจากไป ฝูงชนก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
“นายน้อยคนนั้นเป็นลูกชายของผู้อาวุโสสามของตระกูลเย่... เย่เฟยเหวินหรือเปล่า?”
“ถูกต้อง ข้าได้ยินมาว่าเขาได้ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขามานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และได้ไปถึงระดับที่สามของขั้นกลั่นพลังปราณแล้ว”
“ทำไม...เย่สวี่จึงทำให้เขาขุ่นเคืองล่ะ?” ถึงแม้ว่าการโจมตีของเย่สวี่จะรวดเร็ว แต่เมือ่เทียบกับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ขั้นกลั่นพลังระดับที่ 3 เขาไม่มีกำลังมากพอจะต่อต้าน
เมื่อทุกคนลงความเห็นว่า เย่สวี่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากหอมังกรหยก พวกเขาล้วนรู้สึกริษยาอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในตอนนี้เย่สวี่กำลังประสบปัญหา พวกเขาทั้งหมดล้วนมีความสุขใจมาก บางคนถึงกับจ้องไปที่เย่สวี่อยากดูว่าเมื่อไหร่เขาคิดจะหลบหนี ไป่ชิงกำลังนั่งอยู่ในห้องอาหารส่วนตัว เขามองเห็นได้ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก
เย่สวี่ยังคงกินอย่างสงบ เขาอดไม่ได้ที่จะสนใจในตัวของเด็กหนุ่มคนนี้เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่า เย่สวี่เป็นเด็กหนุ่มอายุ 14 ปี แต่เขาสงบและมั่นคง เขาดูเป็นผู้ใหญ่ หรือชายอายุ 30 ปีเสียอีก
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่า เย่สวี่จะจัดการกับเย่เฟยเหวินอย่างไรในอีกสักครู่ ในขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาและพูดคุยกัน เย่สวี่วางตะเกียบลงบนชามเบา ๆ
เขาแสดงท่าทีพอใจ จากนั้นจ่ายเงินสำหรับอาหาร และก้าวเท้าออกไป
ทุกคนตกตะลึง พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่า เย่สวี่จะเดินออกไปอย่างเงียบ ๆและไม่ได้ขอความช่วยเหลือ
ทันใดนั้น ลูกค้าไม่กี่คนที่เต็มไปด้วยความสงสัย รีบเดินตามเขาออกไป
“เจ้ากล้าที่จะออกมาจริงๆด้วย!”เย่เฟยเหวินยืนเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าหอมังกรหยก เมื่อเขาเห็นเย่สวี่ เขาก็เยาะเย้ยเสียงดัง
“ทำไมข้าจะไม่กล้า” เย่สวี่ดูพอใจ ทำท่าทางราวกับว่าเขาเพิ่งกลับมาจากการเดินทาง และเย่เฟยเหวินเป็นเพียงสุนัขจรจัดที่ขวางทางของเขา เมื่อลูกค้าคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
เย่สวี่ที่เย่อหยิ่งในขณะนี้เพราะมีหอมังกรหยกสนับสนุนเขา แต่ตอนนี้เขาอยู่นอกร้านอาหาร ไม่ว่าหอมังกรหยกจะทรงพลังแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
เย่สวี่นั้นมั่นใจในการยั่วยุขั้นกลั่นพลังปราณระดับที่ 3 ? ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองของเย่เฟยเหวิน เขาจะทำให้เย่สวี่ลงเอยด้วยความพิการอย่างแน่นอน
“เจ้าทำให้ข้าโกรธเคืองจนสุดจะกลั้นเต็มที!” ร่างกายของเย่เฟยเหวินเปล่งประกายรัศมีเย็น ๆ ในขณะที่เขาพูดว่า “ข้าจะทำลายจิตวิญญาณการต่อสู้ของเจ้า และข้าจะทำลายกระดูกทั้งหมดในร่างกายของเจ้า เพื่อทำให้เจ้าใช้ชีวิตบนเตียงไปจนกว่าจะสิ้นใจตาย!”
เมื่อเย่เฟยเหวินปลดปล่อยจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา อุณหภูมิของอากาศโดยรอบลดลงทันที ลูกค้าทุกคนถอยกลับเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบใด ๆ
จิตวิญญาณการต่อสู้ของ เย่เฟยเหวินเป็นธาตุน้ำแข็ง จิตวิญญาณการต่อสู้ธาตุน้ำแข็ง ล้วนเป็นที่รู้จักสำหรับพลังการทำลายล้างของมัน
“หอกวิญญาณน้ำแข็ง!” เขาตะโกนเสียงดัง จากนั้นหอกน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นในอากาศ มันส่องแสงเจิดจ้าและอยู่ยงคงกระพัน
ไป่ชิงยืนอยู่บนชั้นสามของหอมังกรหยก ชายที่อยู่ข้างๆเขาชื่อหวังฉงลู่ ในขณะนี้ เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “เขาอยู่ที่ระดับ 3 ของขั้นกลั่นพลังปราณ แต่เขาสามารถรวมจิตวิญญาณการต่อสู้แบบน้ำแข็งของเขาเป็นอาวุธ นี่คือสิ่งที่แม้แต่ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ระดับที่ 4 ขั้นกลั่นพลังปราณ ยังไม่สามารถทำได้ พรสวรรค์ของเย่เฟยเหวินนั้นไม่เลว เจ้าตัวเล็กคนนั้นอยู่ที่ระดับที่สองของขั้นกลั่นพลังปราณเท่านั้น และศัตรูของเขาคือเย่เฟยเหวิน เขาอาจประสบกับความพ่ายแพ้อย่างรุนแรง”
หวังฉงลู่ถอนหายใจ “เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักการประเมินตนเองได้อย่างไร... น่าเสียดาย” ไป่ชิงนึกถึงดาบอันน่าทึ่งของ เย่สวี่และยิ้มจาง ๆ " ยังไม่แน่ใจว่าใครจะชนะและใครจะแพ้ "
"ช่องว่างระหว่างอาณาจักรเป็นสิ่งที่แก้ไขอะไรไม่ได้" หวังฉงลู่ส่ายหัว เขาไม่เชื่อว่าเย่สวี่จะเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะ
“งั้นเรามาเดิมพันกันดีไหม ข้าพนันได้เลยว่า เย่สวี่จะชนะ การเดิมพันนั้นเป็นของเหลวจิตวิญญาณอันล้ำค่าหนึ่งขวด” ไป่ชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ของเหลววิญญาณสามารถเร่งการฝึกฝนของขั้นกลั่นพลังปราณ สำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้และมันมีประโยชน์มากสำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ระดับขั้นวารีสวรรค์
ขวดของเหลววิญญาณสมบัติก็เพียงพอที่จะสนับสนุนผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ระดับที่สี่ของขั้นวารีสวรรค์ ไป่ชิงช่างเป็นคนใจกว้างจริงๆ!
หวังฉงลู่ตกตะลึงครู่หนึ่งจากนั้นก็หัวเราะอย่างเต็มที่ “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอบใจเจ้าที่มอบของเหลววิญญาณให้ข้าล่วงหน้าแล้วกัน”