บทที่ 11 หมัดห้าธาตุ
บทที่ 11 หมัดห้าธาตุ
ในลานบ้านของเย่สวี่ เขากำลังรวบรวมพลัง ท่าทางของเขาในตอนนี้คือ ประสานฝ่ามือทั้งสองข้างและเหยียดขาซ้ายออกมา
จากนั้นเมื่อจิตใจของเขาค่อยๆ จมดิ่ง และรัศมีพลังรอบตัวของเขา ค่อยๆ ไหลไปตามร่างกาย แม้ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ร่างกายของเขา อาบไล้ไปด้วยพลังงานอย่างมั่นคง
หลังจากนั้นไม่นาน เย่สวี่ลืมตาขึ้นมาทันใด และส่งเสียงร้องตะโกน จากเดิมฝ่ามือของเขาที่กำลังกำหมัด พลันเปลี่ยนเป็นแบมือ และประทับไปยังเสาไม้ค้ำภายในลานบ้าน!
หมัดห้าธาตุ! จากนั้นเย่สวี่พบว่า ฝ่ามือของเขาทิ้งร่องรอยลึก ๆ เอาไว้บนเสาไม้ พลังของมันดูรุนแรง แต่ไม่ได้หวือหวามากมายนัก อย่างไรก็ตาม เย่สวี่ยังคงไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้เท่าใดนัก
เมื่อเขาชกหมัดนี้ออกไป เขารู้สึกว่าหมัดนี้มันค่อนข้างฝืดเล็กน้อย และไร้เรี่ยวแรง นี่ย่อมไม่ใช่พลังเต็มที่ของหมัดห้าธาตุ
จากนั้นเย่สวี่ไม่ได้ท้อแท้ใจ เขามุ่งมั่นในการฝึกฝนอีกครั้ง หลังจากความพยายามหลายครั้ง แผ่นหลังของเย่สวี่ก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
จิตใจของเขาราวกับกำลังยืนอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่ง เขามองเห็นแสงสว่างอันเจิดจ้า และขวานยักษ์ที่อยู่ในมือของเขา
จากนั้นเย่สวี่โบกขวานด้วยความเร็วสูง การเสียดสีระหว่างขวานมหึมากับอากาศทำให้เกิดเสียงระเบิด จากนั้นทั้งร่างแผ่ซ่านไปด้วยความอิ่มเอม!
ราวกับว่าขวานที่เขาถือของในมือนั้นติดตัวมาตั้งแต่เกิด เขาจดจำได้เพียงขวานในมือของเขาเท่านั้น จากนั้นไม่นาน
เย่สวี่ที่กำลังหลับตาก็พลันลืมตาขึ้น จากนั้นปรากฏว่าภาพที่เขามองเห็นนั้นพังทลายลงไปในพริบตา ไร้ซึ่งขวานใด ๆ ที่อยู่ในมือของเขาแล้ว
"มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว" เย่สวี่ยิ้มอย่างเฉยเมย เขาเกือบจะคิดว่าตนเองเสียสติไปหรือไม่ แม้ว่าขวานที่เขามองเห็นนั้นจะค่อนข้างดูดี แต่ทว่ามันไม่ใช่ของเขาจริง ๆ
หมัดห้าธาตุนั้น ไม่ได้อาศัยความช่วยเหลือจากสิ่งภายนอก เย่สวี่ต้องอาศัยร่างกายของตัวเอง ให้กลายเป็นขวานเพื่อทำลายทุกอย่างตามที่ปรารถนา
ในตอนแรกที่เขาเห็นภาพว่าตนเองอยู่ในโลกหนึ่งที่ไม่คุ้นตา และเขาเริ่มใช้ขวานในการต่อสู้ หากเขายังยึดติดต่อขวานด้านนั้น และไม่สามารถกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ จากนั้นเขาจะเสียสติ
โชคดีที่เขาเข้าใจแก่นแท้ของหมัดแยกร่าง (ขั้นที่ 1ของหมัดห้าธาตุ)มาก่อนหน้านี้ ทำให้เขาแยกภาพลวงตาออกจากความจริง
จากนั้นรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่สวี่ พลังงานทางจิตวิญญาณรอบๆ ตัวของเขาระเบิดออกมา รัศมีพลังของเขาเย็นเฉียบ ราวกับขวานต่อสู้ที่มองลงมายังโลกอย่างเย่อหยิ่ง
“หมัดแยกร่าง!” เย่สวี่ชกออกไปอย่างแรงที่เสาไม้เบื้องหน้า จากนั้นเสาไม้ต้นหนึ่งถูกตัดครึ่งและปรากฏรอยร้าวราบเรียบฝังแน่น นี่คือพลังที่แท้จริงของหมัดแยกร่าง!
“ขั้นกลั่นพลังปราณระดับที่สอง มีกำลังเทียบเท่ากับน้ำหนัก 1000 กิโลกรัม หากข้าจะใช้พลังของหมัดแยกร่างและมังกรพิภพวารีอำพัน ข้าเกรงว่าข้าจะมีกำลังเทียบเท่ากับน้ำหนัก 1500 กิโลกรัม!”
“สำหรับในการต่อสู้ระดับเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด ข้าสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้ด้วยการชกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!”
“แม้ว่าข้าจะต่อสู้กับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ระดับ 3 ของขั้นกลั่นพลังปราณ ข้าก็ยังพอมีกำลังที่จะต่อสู้อย่างสูสีกับเขา!”
ความยินดีพลันปรากฏขึ้นในจิตใจของเย่สวี่ เขาไม่เคยคิดเลยว่า ด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้กลืนกินระดับเทพเจ้า จะทำให้พรสวรรค์ของเขาเพิ่มสูงมากขึ้น จู่ ๆ ท้องของเขาก็เริ่มสั่นไหว
เสียงดังโครกคราก ทำให้เย่สวี่ถูจมูกด้วยความขัดเขิน เขาฝึกฝนมาเป็นเวลานานและรู้สึกหิวโหยเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ เย่ไห่ได้มอบเหรียญทองให้เย่สวี่เป็นการส่วนตัว ดังนั้นเย่สวี่ตัดสินใจไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อเติมเต็มความหิวโหยของเขา
ณ หอมังกรหยก เนื่องจากเป็นโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมืองหยุนจง ดังนั้นหอมังกรหยกจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เมื่อพวกเขาได้ยินว่ามีชายผู้แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นจึงไม่มีนายน้อยคนใดกล้าที่จะสร้างปัญหาที่นี่
จากนั้นเย่สวี่สั่งอาหารมาทั้งหมดสามจานและนั่งลงที่โต๊ะชั้นล่าง
“เนื้อราดซอสเข้มข้นจานนี้อร่อยมาก” ตามที่เย่สวี่คาดเอาไว้ว่า อาหารของหอมังกรหยกนั้น มีรสชาติดีกว่าที่อื่น เนื่องจากมีพ่อครัวฝีมือดี ทำให้มื้ออาหารครั้งนี้ เย่สวี่ลิ้มรสอย่างพึงพอใจ
ในขณะที่กำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย มีคนทั้งสองปรากฏตัวที่ด้านหน้าของหน้าโต๊ะเย่สวี่ ด้วยท่าทางเยาะเย้ย ชายทั้งคู่สวมชุดสีเขียวสดใส
“เจ้าขยะ กล้าทำให้นายน้อยเหวินของเราโกรธ แล้วยังจะมีอารมณ์จะกินข้าวอีกหรือ?” หนึ่งในนั้นร้องด่าทอเย่สวี่ ชื่อของเขาคือหลี่ซาน และเขาเป็นคนรับใช้ของเย่เฟยเหวิน
ชายอีกคน มีชื่อเรียกว่าจ้าวหมาน และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เนื่องจากเขาริษยาที่เย่สวี่กำลังกินอาหารหรูหราอยู่ในหอมังกรหยก ค่าอาหารที่นี่เท่ากับค่าจ้างรายเดือนของเขา ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากขึ้นว่า
“กินเข้าไปให้อิ่ม ๆ นี่จะเป็นมื้อสุดท้ายในชีวิตของเจ้า” จ้าวหมานกล่าวอย่างมุ่งร้าย
"นายน้อย?" เย่สวี่ขมวดคิ้ว เขาพลันขบคิดได้ว่า คน ๆ เดียวที่เย่สวี่ทำให้ขุ่นเคืองคือ เย่เฟยเหวิน จากนั้นเขาทำท่าทาง ราวกับไม่ได้ยินการเยาะเย้ยของพวกเขา เย่สวี่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำและยังคงกินข้าวต่อไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เนื่องจากเขาไม่จำเป็นต้องสนใจคนรับใช้ทั้งสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา
“เจ้ากล้าไม่สนใจคำพูดของเราจริงๆ หรือ!” หลี่ซาน และจ้าวหมาน คนรับใช้ของเย่เฟยเหวิน พวกเขาคยพบเจอเย่สวี่มาก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าเย่สวี่จะแสดงท่าทีไม่สนใจพวกเขาเลย
ดังนั้นจ้าวหมานจึงกระแทกฝ่ามือของเขาลงบนโต๊ะกินข้าว ทำให้น้ำแกงบนโต๊ะกระจายตัวและไหลเจิ่งนองไปทั่วพื้น เมื่อคนอื่นๆ ที่กำลังกินข้าวอยู่ มองเห็นฉากนี้ ทุกคนต่างไม่ใส่ใจ
“รีบไปขอโทษนายน้อยเหวิน มิฉะนั้นข้าจะสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำ!” หลี่ซานกล่าวอย่างดุเดือด จากนั้นใบหน้าของเย่สวี่เย็นชาลงทันที เมื่อเขามองเห็นน้ำแกงที่หกเปรอะเปื้อน อารมณ์ดีของเขาที่อยากชิมอาหารอร่อย ๆ ได้ถูกทำลายโดยแมลงวันสองตัวแล้ว
"ไสหัวไป!" เย่สวี่กล่าวอย่างเย็นชา
“เย่สวี่ เจ้าเป็นแค่เศษขยะ มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้พวกเราออกไป?” หลี่ซานคำรามด้วยความโมโห
“หลี่ซานออกไปข้างนอกเร็วเข้า!” จ้าวหมานและหลี่ซาน จริง ๆ แล้ว พวกเขาไม่กล้าสร้างเรื่องราวในหอมังกรหยก
ท้ายที่สุดพวกเขาเคยได้ยินมาว่าหอมังกรหยกมีเบื้องหลังใหญ่โต และไม่สามารถทำให้พวกเขาขุ่นเคืองได้ ดังนั้นเย่เฟยเหวินจึงไม่ก้าวเท้าเข้ามา เขาวางแผนที่จะจัดการกับเย่สวี่ข้างนอก
“เย่สวี่ เจ้าขยะที่รู้จักกันดีในตระกูลเย่ไม่ใช่หรือ?”
“ถูกต้อง ดูเหมือนเขาจะไปยั่วยุคนอื่น คราวนี้เขาเดือดร้อนแน่นอน” ลูกค้าคนอื่น ๆ ต้างพูดคุยกันเสียงเบา ๆ ทุกคนต่างรู้จักเย่สวี่ที่เป็นขยะของตระกูลเย่
ภายในห้องส่วนตัว ชายวัยกลางคนได้ยินชื่อของเย่สวี่ ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ “เป็นเด็กคนนั้นจริงหรือ ?”
“เป็นแค่สุนัขสองตัว กล้าดีอย่างไรมาเห่าหอนต่อหน้าข้า” ดวงตาของเย่สวี่เย็นชา ในขณะที่เขาพูดอย่างไม่ไว้หน้า
"เจ้าวอนหาเรื่องตาย!" หลี่ซานและ จ้าวหมานโกรธจัด ฝ่ามือของพวกเขากำแน่น และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เย่สวี่อย่างดุเดือด!
แสงสว่างวูบวาบ คนอื่น ๆ เห็นเพียงเงาของดาบ ก่อนที่พวกเขาจะทันได้มองห็ชัดเจน ดาบก็ถูกเก็บลงไปแล้ว
จากนั้นภาพที่ทุกคนเห็นก็คือ ชายทั้งสองคนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลออกจากข้อมือของพวกเขาและฝ่ามือของพวกเขาห้อยลงข้างลำตัว ตอนนี้เย่สวี่ได้ตัดเอ็นข้อมูลของชายทั้งสองคนไปจริงๆ!
จากนั้นลูกค้าคนอื่น ๆขยี้ตาแล้วถามสหายที่อยู่ข้างๆ เขาด้วยความงุนงง “เขาใช้ดาบหรือ..ทำไมข้าไม่เห็นล่ะ?” สหายข้างๆ เขาพูดด้วยท่าทีงุนงงว่า “เปล่า ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย ทำไมเส้นเอ็นข้อมูลของทั้งสองคนถึงขาดได้ล่ะ?”
จากนั้นชายในห้องอาหารส่วนตัวกล่าวชมว่า "ดีมาก.....ดาบเล่มนี้เร็วมาก ก่อนที่เลือดจะกระเซ็น ดาบก็ถูกเก็บเข้าฝักเสียแล้ว"
“ไป่ชิง เจ้ารู้จักเขาหรือ” ชายข้างๆ เอ่ยถามขึ้น
“เขาเป็นบุตรชายของสหายคนหนึ่งของข้า ดูเหมือนข่าวลือข้างนอกจะเชื่อถือไม่ค่อยได้” ไป๋ชิงกล่าวอย่างแผ่วเบา หลังจากนั้นเขาโบกมือและออกคำสั่งเล็กน้อยแก่คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ
จากนั้นคนรับใช้คนนี้หันหลังกลับและเดินจากไป
ทางด้านหลี่ชานรู้สึกเจ็บปวดจนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว เขาพูดอย่างดุเดือดว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาโจมตีข้าในหอมังกรหยก?”
จ้าวหมานตะเกียกตะกายไปที่ด้านหน้าของเถ้าแก่ในหอมังกรหยกและบ่นว่า " เย่สวี่โจมตีข้า! พวกเจ้าจับเขาเอาไว้เร็วเข้า!" เถ้าแก่ต่างมองไปที่พวกเขาทั้งสอง และเดินไปข้างหน้าเย่สวี่
ใบหน้าของจ้าวหมานเต็มไปด้วยความเย็นชา “ขยะอย่างเจ้า กล้าสร้างปัญหาในหอมังกรหยก? เจ้ามันจบเห่แล้ว” ทันใดนั้นราวกับว่าเขาได้เห็นบางสิ่งที่อยากจะเชื่อ รอยยิ้มของเขาพลันหยุดนิ่ง
เถ้าแก่กล่าวอย่างสุภาพว่า “ท่านแขกผู้มีเกียรติ เป็นความผิดของเรา ที่ปล่อยให้สุนัขสองตัวนี้รบกวนมื้ออาหารของท่าน นี่คือการชดเชยที่หอมังกรหยกมอบให้ท่าน”
สาวใช้ทั้งสี่คน วางอาหารทั้งจานแปดจานลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล อาหารเหล่านี้ น่าตาดูดีน่าอร่อยมาก ดีกว่าที่เย่สวี่เคยสั่งไว้ก่อนหน้านี้มาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่สวี่ค่อนข้างงงงวย เขาไม่รู้ว่าทำไมหอมังกรหยกปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม เย่สวี่ยอมรับความตั้งใจที่ดีของพวกเขา
เขายืนขึ้นและกล่าวขอบคุณว่า "ถึงจะเป็นคนรับใช้ที่เริ่มสร้างปัญหาก่อน แต่ข้าก็ผิดเหมือนกัน ขอบคุณที่เข้าใจ"
เถ้าแก่เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็พยักหน้า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้สูงศักดิ์ต้องการให้เขาทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เห็นพฤติกรรมของเย่สวี่ เขาก็พลันเข้าใจว่าเย่สวี่เป็นคนฉลาด
“เจ้ากำลังทำอะไร เย่สวี่โจมตีข้า ทำไมเจ้าถึงไม่จับเขาล่ะ” หลี่ซานกล่าวด้วยท่าทางที่ดุร้าย
จากนั้น เถ้าแก่มองดูชายสองคนด้วยความรังเกียจและพูดอย่างเย็นชาว่า "มัวรอช้าอยู่ทำไม รีบไล่ตามสุนัขบ้าสองตัวนี้ออกไปเร็วเข้า!"
"รับทราบ!" จากนั้นคนรับใช้ของเย่เฟยเหวินถูกยามของหอมังกรหยกขับไล่ออกมานอกร้าน ทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก