บทที่ 10 ปัญหา?
บทที่ 10 ปัญหา?
ในเวลาอาหารเย็น เจียงเสี่ยวถือเนื้อน้ำแดงสองชั่งกลับมา และแอบเปิดประตูบ้านเงียบๆ
แต่ใครจะคิดว่าทันทีที่เขาเสียบลูกกุญแจเข้าไปในล็อคประตู หานเจียงเสวี่ยก็ออกมายืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตูแล้ว รอคอยให้คนที่ “หนีออกจากบ้าน” กลับมา
ถูกแล้ว เมื่อตอนเที่ยง เจียงเสี่ยวที่เผชิญหน้ากับความโกรธของหานเจียงเสวี่ยได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะหนีจากที่เกิดเหตุ
เจียงเสี่ยวค่อยๆย่องเข้าบ้าน แล้วก็ได้รับการต้อนรับด้วยการจ้องมองอย่างเย็นชา
“เอ่อ…” เจียงเสี่ยวลนลาน รีบปิดประตู “โอ๊ะ”
“ไปเอาเนื้อมาจากไหน?” หานเจียงเสวี่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ซื้อมา ผมจะไปปล้นมาจากหญิงชราได้ด้วยเหรอ?” เจียงเสี่ยวพูดอย่างไม่ใส่ใจ
หานเจียงเสวี่ยยังถามต่อไปว่า “นายได้เงินมาจากไหน?”
“ได้รับมา อย่างผมจะต้องไปแย่งหญิงชราด้วยเหรอ?”
หญิงชรา: ? ? ?
เมื่อรู้สึกว่าหานเจียงเสวี่ยมีแนวโน้มจะโจมตี เจียงเสี่ยวจึงรีบอธิบาย “ผมออกไปพักผ่อนตอนบ่ายข้างนอกใช่ไหมล่ะ? แล้วผมก็ไปที่โรงพยาบาล รักษาคนไข้หลายรายฟรีๆ จากนั้นสามีของผู้หญิงท้องคนหนึ่งก็ให้เงินผมมา 500 หยวน”
หานเจียงเสวี่ยถึงกับอึ้งไป นี่มันยิ่งกว่าพลิกหน้ามืออะไรอย่างนี้?
เธอไม่เคยคิดฝันว่าเจียงเสี่ยวผีจะซุกซนถึงกับวิ่งออกไปหาเงิน!
“พี่รู้ไหม ผู้หญิงท้องคนนั้นนั่งรอหมออยู่ที่ม้านั่ง ทั้งวิงเวียน ทั้งคลื่นไส้อาเจียนตลอดเวลา ผมคิดว่าเธอน่าสงสาร จึงไปให้พรเธอ” เจียงเสี่ยวเกาหัว “สามีของผู้หญิงท้องคนนั้นเกือบเข้ามาทุบตีผม แต่พอเห็นอาการของภรรยาค่อยๆดีขึ้น แล้วเธอก็บอกกับสามีว่าหิว พี่ใหญ่คนนั้นก็รู้สึกขอบคุณผมมาก และยืนกรานยัดเงินให้ผมมา 500 หยวน แล้วเขาก็ยังพูดว่า…”
หานเจียงเสวี่ย เลิกคิ้ว “อะไร?”
เจียงเสี่ยวเกาหัว “เขาพูดว่าอยากให้ผมไปเป็นพี่เลี้ยงให้กับภรรยาของเขาที่บ้าน เขายังบอกว่า ผมเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่ออกไปไหนไม่ได้…”
หานเจียงเสวี่ย มองเจียงเสี่ยวผีโดยไม่พูดอะไร เธอหยิบเนื้อน้ำแดงไปแล้วพูดว่า “ต่อไปอย่าออกไปซนข้างนอกอีก คนนี้นายอาจรักษาให้หายได้ แล้วคนอื่นล่ะ?”
“ครับ” เจียงเสี่ยวพยักหน้า สิ่งที่เธอพูดสมเหตุสมผล
ในอนาคตเขาควรทำงานที่เกี่ยวกับผู้หญิงมีครรภ์ประเภทนี้ให้น้อยที่สุด ความจริงแล้ว เจียงเสี่ยวได้รักษาให้อีกสองสามรายที่โรงพยาบาลในบ่ายวันนี้ ในบรรดาคนป่วยที่เขารักษาได้ประสบความสำเร็จที่สุดก็คือ เด็กที่ขี่รถจักรยานล้มจนข้อศอกเป็นแผล
ตอนนั้นเจียงเสี่ยวถึงกับผงะ เมื่อเห็นเด็กที่มีเลือดไหลจากแขนวิ่งเข้ามา ความจริงนี่ไม่ใช่บาดแผลร้ายแรงอะไรขนาดนั้น เป็นเพียงแผลถลอกที่ผิวหนังเปิดออกและมีรอยขูดลึกเข้าไปในเนื้อเท่านั้น
หลังจากให้พรไปไม่กี่ครั้ง เขาก็ทำให้เลือดที่ข้อศอกของเด็กน้อยหยุดไหลได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เจียงเสี่ยวก็ยังขอให้เด็กน้อยไปหาหมอตัวจริงเพื่อรับการรักษาต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ หลังจากออกมาจากห้องหมอเด็กน้อยก็ยิ้มยิงฟันให้เขาแล้ววิ่งมาหา
เจียงเสี่ยวยังคงดูดซับพลังดาวและให้พรเด็กชายตัวน้อยทุกๆสิบนาที เขาใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง ทำให้บาดแผลของเด็กชายตัวน้อยหายดีดังเดิม หลังจากทำความสะอาดด้วยน้ำ ก็ไม่หลงเหลือแม้แต่รอยแผลเป็น
สิ่งนี้ทำให้เจียงเสี่ยวมีความคิดใหม่ ในเมื่อทักษะ ‘พร’ สามารถลบรอยแผลเป็นได้ใช่ไหม
มันก็น่าจะทำเงินได้เยอะ หากนำไปใช้ลบรอยแผลเป็นให้กับพวกผู้หญิง เพื่อความงามแล้ว พวกเธอมักจะไม่ตระหนี่เรื่องเงิน
เมื่อเทียบกับวิธีการรักษาพยาบาลแบบปกติ ทักษะดาวของเจียวเสี่ยวนั้นเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังปลอดภัยกว่า และปราศจากความเจ็บปวด
ไม่ใช่แค่ไม่เจ็บ แต่มันยังฟินเวอร์อีกด้วย
อืม…
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการเดินทางครั้งนี้ของเจียงเสี่ยวก็คือ เขามีความเข้าใจในทักษะ ‘พร’ มากขึ้น
ความหมายของทักษะพรค่อนข้างคลุมเครือ : ฟื้นฟูพลังชีวิตของเป้าหมายอย่างช้าๆ
พลังชีวิตคืออะไร?
ในเวลานี้เจียงเสี่ยวรู้ว่าทักษะพรสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเป้าหมาย โดยดูจากผลที่ได้หลังจากการวิ่งและการฝึกของเจียงเสี่ยว มันสามารถทำให้สภาพร่างกายของเป้าหมายดีขึ้น โดยดูจากผลที่ได้ของผู้หญิงตั้งครรภ์ และสามารถรักษาบาดแผลทางกายภาพของเป้าหมายให้ดีขึ้น โดยดูจากผลการรักษาของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ
พลังที่เรียกว่าพลังชีวิตนี้ครอบคลุมเป็นวงกว้างเหลือเกิน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงทักษะดาวคุณภาพทองเหลือง แต่มันก็วิเศษมาก!
สิ่งเดียวที่มันไม่สามารถฟื้นฟูได้ก็คือ พลังจิตวิญญาณของเขาเอง เมื่อทักษะดาวนี้ถูกใช้ไปหลายครั้ง และหลังจากที่พลังดาวในร่างกายหมดลง จิตวิญญาณของเจียงเสี่ยวก็จะอ่อนล้าอย่างมาก
“กินข้าว” เสียงของหานเจียงเสวี่ยดังมาจากห้องครัว เจียงเสี่ยวรู้ว่าช่วงบ่ายได้จบลงแล้ว
หานเจียงเสวี่ยนำเนื้อน้ำแดงใส่จาน แล้วหันไปมองเจียงเสี่ยวผีที่เดินเข้ามาและพูดว่า “คราวหน้าอยากกินอะไรก็บอกมา แล้วฉันจะซื้อให้กิน”
เจียงเสี่ยว “…”
รู้สึกเหมือนได้รับการเอาใจอย่างกะทันหันเลย!
ความรู้สึกนี้ มัน…
มีความสุขมาก
เจียงเสี่ยวรู้สึกหวั่นไหว และถามต่อไปว่า “ว่าแต่ พี่มีเงินพอใช้ไหม?”
หานเจียงเสวี่ย “นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องใส่ใจ”
เจียงเสี่ยวยังพูดต่อ “พี่อยู่ชั้นม.ปลายปี 3 แล้ว อีกเพียงเทอมเดียวก็ต้องเข้ามหาวิทยาลัย เงินที่บ้านเหลือพอให้พี่เรียนต่อมหาวิทยาลัยไหม?”
หานเจียงเสวี่ยมองเจียงเสี่ยวผีด้วยความประหลาดใจ หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เธอก็พูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องกังวล”
เจียงเสี่ยว “พวกเราสามารถ…”
หานเจียงเสวี่ย ขัดจังหวะคำพูดของเจียงเสี่ยวผี “รีบกินซะ เดี๋ยวต้องไปฝึกต่อสู้”
เจียงเสี่ยว “ครับ”
“ฉันเคยบอกไปแล้วว่าผู้ตื่นทางการแพทย์มีค่าขนาดไหน ต่อไปนายควรถ่อมตัวเข้าไว้” หานเจียงเสวี่ยครุ่นคิด และพูดต่อไปว่า “เพราะนายไม่สามารถซ่อนมันได้ นายจะถูกเผยตัวเมื่อเข้าเรียนม.ปลาย และเพื่อให้ได้รับทรัพยากรมากขึ้น ไม่เพียงนายต้องไม่ซ่อนมัน แต่ต้องพยายามแสดงความสามารถออกมาด้วย”
เจียงเสี่ยวไตร่ตรองคำพูดของเด็กสาวอย่างระมัดระวังและจดจำไว้ในใจ
ตอนกินข้าวเย็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดิมทีเจียงเสี่ยวคิดว่า ช่วงเวลาตลอดช่วงบ่ายอาจทำให้ความโกรธของหานเจียงเสวี่ยหายไปมาก แต่นั่นไม่ใช่ความจริง แม้เธอจะไม่แสดงอะไรออกมา แต่ในการฝึกซ้อมตอนกลางคืน เจียงเสี่ยวถูกซ้อมจนอเนจอนาถ
นอกจากท่าชกมวยหลายท่าและประเด็นหลักของการออกแรงแล้ว หานเจียงเสวี่ยยังให้เจียงเสี่ยวได้สัมผัสกับ ‘ฟุตเวิร์ค’
สิ่งนี้นำไปสู่การเป็นกระสอบทรายของเจียงเสี่ยวในครึ่งหลังของการฝึกซ้อม
ระหว่างการโจมตีที่รุนแรงของหานเจียงเสวี่ย เจียงเสี่ยวก็ได้เพลิดเพลินไปกับโปรโมชั่นที่เรียกว่า ‘การป้องกัน’ และความสามารถในการ ‘หลบ’ แน่นอนว่า เจียงเสี่ยวยังมีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ‘ความสามารถในการต้านทาน’ นั้น หมายถึงอะไร
น่าเสียดาย ที่ทักษะพื้นฐาน: การต่อสู้ขั้นพื้นฐาน ยังคงอยู่ในระดับคุณภาพทองเหลือง Lv.2 ไม่ได้รับการอัพเกรดเพิ่มขึ้น
รูปแบบการเรียนรู้ในแต่ละวันแบบนี้ น่าจะเป็นแม่แบบของอีกสองวันข้างหน้าของเจียงเสี่ยวกับหานเจียงเสวี่ย
เจียงเสี่ยวถามตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ว่าทำไมในส่วนที่สามทักษะพื้นฐานนั้น ถึงได้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘สมรรถภาพทางร่างกาย’ ซึ่งมันคงจะดีถ้าเขาสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายได้โดยผ่านคะแนนทักษะ
โชคร้ายที่มันไม่มี เขาจึงต้องมาฝึกฝนด้วยตัวเองทั้งกลางวันกลางคืนแบบนี้
สองวันนี้ แม้ว่าเจียงเสี่ยวจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ร่างกายของเขาก็ยังคงเปราะบาง ซึ่งทำให้พลังดาวของเขายังอยู่ที่วัฏจักรละอองดาว Lv.2
เพราะว่าร่างกายยังคงเปราะบาง ทำให้ไม่สามารถบรรจุพลังดาวได้มากนัก เขาจึงไม่กล้าใช้ทักษะดาวติดต่อกัน มิฉะนั้นเขาจะเวียนหัว เขาจึงทำได้เพียงรวบรวมพลังดาวอย่างอดทน แล้วค่อยๆใช้ทักษะดาวในแต่ละครั้ง
วันคืนที่น่าเบื่อและยากลำบากเริ่มต้นได้เพียงสองวัน ในคืนวันที่สอง หานเจียงเสวี่ยได้ออกคำสั่งใหม่อย่างกะทันหัน
“อะไรนะ? พรุ่งนี้เช้าไม่ต้องออกกำลังกาย?”
“อืม” หานเจียงเสวี่ยโยนถุงมือแบบแยกนิ้วลงบนพื้น แล้วหันหลังเดินออกจากห้องฝึก
“ช่างหวงแหนคำพูดราวกับทองจริงๆ” เจียงเสี่ยงมองดูเงาหลังของหานเจียงเสวี่ยอย่างช่วยไม่ได้และแอบบ่น
ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกของหานเจียงเสวี่ยหรือความสัมพันธ์ของพวกเขา เจียงเสี่ยวไม่คิดว่าเธอจะยอมแพ้ในตัวเจียงเสี่ยวผี ดังนั้น… มันเกิดอะไรขึ้น?
หยุดพักผ่อน?
นี่เป็นการคาดเดาที่น่าเชื่อถือที่สุดที่เจียงเสี่ยวสามารถจินตนาการได้ แต่เจียงเสี่ยวสามารถให้นมตัวเองได้!
เขาไม่จำเป็นต้องหยุดพักผ่อน ร่างกายของเขาทนรับได้ แค่นอนหลับฝันดีให้สมองพักผ่อนเยอะๆก็พอแล้ว
พอคิดถึงเรื่องนี้ เจียงเสี่ยวก็ตัดสินใจทันที
เจียงเสี่ยวไม่ใช่เจียงเสี่ยวผี เจียงเสี่ยวมีการควบคุมตัวเองที่แข็งแกร่งและมีเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างยิ่ง เขารู้เหตุผลของความพากเพียร และความพยายามที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นในเช้าวันต่อมา เขาตื่นนอนตรงเวลา แล้วออกไปวิ่งและออกกำลังกายตอนเช้าด้วยตัวเอง
แต่สิ่งที่เจียงเสี่ยวคิดไม่ถึงก็คือ การทำแบบนี้ดูเหมือนจะมีปัญหา…