วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0011
บทที่ 5 นักล่า (2)
* * *
คังซอนฮูมองไปทางสองฮาวนด์ที่กำลังนอนแผ่ ฮาวนด์เจ้าของใบหน้ายับเยินหมดสติไปแล้ว
“อะ…อั่ก…”
คังซอนฮูหันไปมองฮาวนด์อีกคนที่แขนหัก ซึ่งยังคงร้องครวญครางพลางดิ้นรน
ชายหนุ่มฉีกเสื้อคลุมของฮาวนด์คนดังกล่าว
สวบ-
“อุก… อู๊! อู้อี้…!”
หลังจากถูกอุดปากด้วยเสื้อ ฮาวนด์มิได้ส่งเสียงใดออกมาอีก
เมื่อมั่นใจว่าพวกมันกลายเป็นคนไร้ความสามารถ ชายหนุ่มบรรจงลุกขึ้นยืน
แม้เมื่อครู่จะเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วง แต่ลมหายใจคังซอนฮูกลับยังคงราบรื่น
“อ…อะ…อะ…!”
เจ้าของโรงแรมผงะลุกยืนด้วยร่างกายสั่นเทา คล้ายเตรียมกล่าวบางสิ่ง แต่เมื่อสบตากับคังซอนฮู มันกลับพูดไม่ออก
แวมไพร์ที่ถูกขังอยู่ใต้ดิน
ไม่มีหลักฐานใดเชื่อมโยงไปหา ต่อให้ทุกสิ่งที่คังซอนฮูพูดเป็นความจริง แต่ก็ยังขาดหลักฐานที่ทำให้คนส่วนใหญ่ยอมรับ
เจ้าของโรงแรมคงคิดเช่นนั้น มันจึงพยายามเปิดปาก
“อะ…”
ต่อหน้าดวงตาของชายหนุ่ม เจ้าของโรงแรมพูดไม่ออก
มันเกือบจะเชื่อว่าเบื้องหน้าตนคือสัตว์ร้าย ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา
“เจ้าพวกนี้คือ… ผู้สมรู้ร่วมคิด?”
เสียงพูดที่เหมือนกับพยัคฆ์คำราม
“หืม… ระหว่างกำลังหาลูกค้า ลำพังตัวแกเองไม่มีปัญญาจัดการกับแวมไพร์ ก็เลยจ้างพวกมันมาช่วย… หรือไม่ก็ ฮาวนด์พวกนั้นลักพาตัวแวมไพร์มา และแกคือลูกค้า… ช่างเถอะ จะอย่างไหนก็ไม่สำคัญอีกแล้ว”
คังซอนฮูหยิบขวานออกจากกระเป๋าเป้
“น…นั่นมัน…!”
ขวานที่ส่วนคมทำจากคริสตัล
เป็นคริสตัลที่คุ้นตา เพราะมันคือหินที่พบได้ทั่วไปในต่างโลก
แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ หินพวกนี้ไม่มีทางถูกทำลาย
นั่นคือข้อมูลที่ OWIC ประกาศต่อสาธารณชน
แต่ขวานที่คังซอนฮูกำลังถือ ส่วนคมถูกสร้างจากคริสตัลสีฟ้าไม่ผิดแน่
‘ได้ยังไง?’
ยังไม่ทันจะคิดหาคำตอบ
เปรี้ยง!
ขวานถูกจามลงบนพื้นไม้ เกิดเป็นรอยแยกหลายสิบเซนติเมตรในพริบตา เศษไม้ปลิวกระจายไปทั่วห้องประหนึ่งกระสุน
ขณะชายหนุ่มกำลังลุ้นว่าจะทำลายพื้นสำเร็จหรือไม่ เพียงไม่นานก็ได้คำตอบ
โครม!
พื้นไม้ในบริเวณดังกล่าวพังถล่ม แสงสว่างที่ส่องเข้าไป ช่วยให้เห็นสภาพภายในของห้องด้านล่าง
“กรร…!”
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังแหงนหน้ามองในสภาพตัวสั่น
มือเท้าถูกรัดด้วยโซ่ขึ้นสนิม ผิวพรรณอันขาวผ่องที่หุ้มด้วยเศษเสื้อผ้าฉีกขาด เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล
“กรร!”
คล้ายกับเสียงครางต่ำของแมว สตรีที่พยายามร้องขู่ด้วยร่างกายสั่นเทา ดูน่าสงสารมากกว่าน่ากลัว
ผมดำขลับ ตาสีแดง ผิวพรรณขาวเนียนและบอบบาง ประหนึ่งถูกกิ่งไม้ขูดก็เป็นรอย
เหมือนกับแวมไพร์ที่คังซอนฮูเคยเห็นเมื่อครั้งอาศัยอยู่ในเมืองชาวต่างโลกไม่มีผิด
* * *
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยผู้ตามเข้ามาสมทบทีหลัง พลันสั่นสะท้านเมื่อพบว่าเผ่าพันธุ์ต่างโลกถูกขังไว้ในชั้นใต้ดิน หลังจากสอบปากคำเจ้าของโรงแรม หัวหน้าหน่วยลงไปยังชั้นใต้ดินผ่านประตูลับใต้บันได
『ไม่มีกิจห้ามเข้า — ขออภัยในความไม่สะดวก
ทางเราจะรีบแก้ไขปัญหาโดยเร็ว』
หลังจากวางรั้วกั้นชั่วคราวเพื่อกันคนนอก ทีมรักษาความปลอดภัยลงไปยังชั้นใต้ดินทันที
ห้องมืดซึ่งแหล่งกำเนิดแสงมีเพียงไฟฉายและแสงจากเพดานที่พังถล่ม
“เฮ้อ…”
สีหน้าของหน่วยรักษาความปลอดภัยเปี่ยมไปด้วยอารมณ์หลากหลาย แต่แน่นอน ที่เด่นชัดที่สุดคือความโกรธ
“ชั้นใต้ดินถูกสร้างเมื่อไร? ไม่มีใบอนุญาตใช่ไหม?”
ในเนื้อเสียงปราศจากความสุภาพ เป็นเสียงทุ้มต่ำที่น่าเกรงขามเพื่อข่มขวัญเจ้าของโรงแรม
“ร…เรื่องนั้น…”
อันที่จริง การสร้างห้องใต้ดินแบบผิดกฎหมายไม่ใช่เรื่องใหญ่ ประเด็นอยู่ที่การกักขังสิ่งมีชีวิตจากต่างโลก นั่นคือปัญหาที่มิอาจละเลยด้วยประการทั้งปวง
“…”
แวมไพร์กำลังนั่งตัวสั่นตรงมุมห้อง ดวงตาจดจ้องคนทั้งสอง ตามข้อมือข้อเท้าถูกโซ่รัดจนเป็นรอยแดง
ในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด นี่คือวินาทีที่หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย เพิ่งเข้าใจเกี่ยวกับ ‘สัญญาณขอความช่วยเหลือของแวมไพร์’ ที่คังซอนฮูพูดถึง
ลำพังกลิ่นก็เลวร้ายมากแล้ว แต่สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าก็คือ กลิ่นนี้อาจไปกระตุ้นแวมไพร์ตนอื่น
“คุณไม่รู้กฎหรือไง? ห้ามนำสิ่งมีชีวิตต่างโลกเข้ามาในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต”
“…ผมรู้”
“ไม่ใช่แค่นั้น การค้าขายชาวต่างโลกถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง”
“เรื่องนั้นผมก็รู้…”
“เรื่องนี้บานปลายแน่ เพราะคุณละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ”
เมื่อตระหนักว่าตนไม่มีทางดิ้นหลุด ‘ท่านประธาน’ ตัดสินใจใช้วิธีอื่น
“ห…หัวหน้า”
“ว่าไง”
เจ้าของโรงแรมโค้งศีรษะคำนับ
“เรื่องที่คุณทำงานหนักเพื่อทุกคน ผมซาบซึ้งมาตลอด… ผมผิดไปแล้วที่ก่อความผิดใหญ่หลวง… ผมสำนึกผิดจากใจจริง”
มันกล่าวเสียงแผ่วพลางชำเลืองหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยด้วยหางตา
“ผมขอใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยความผิด คุณช่วยละเว้นผมสักครั้งได้ไหม? นอกจากนั้น ผมอยากมอบรางวัลให้กับคุณที่ทำงานหนัก”
“รางวัล?”
“คุณอาจไม่ทราบเพราะยังไม่เคยได้รับ แต่หัวหน้าหน่วยคนก่อนๆ ล้วนผ่าน ‘ขั้นตอน’ นี้มาแล้วทั้งนั้น… ถือโอกาสนี้ คุณหัวหน้าหน่วยช่วย…”
คำพูดคำจาของอีกฝ่ายเหลวไหลจนหัวหน้าหน่วยอยากระเบิดเสียงหัวเราะ มันไม่อยากเชื่อว่าเจ้าของโรงแรมจะกล้าติดสินบนซึ่งหน้า
ขณะหัวหน้าหน่วยเตรียมเปิดปากกล่าวบางสิ่ง
ฟ้าว!
“อ๊าก!”
บางสิ่งพุ่งลงมาจากบันได เฉียดใบหูเจ้าของโรงแรมไปเล็กน้อยก่อนจะปักลงบนกำแพง
ขวานคริสตัลที่คังซอนฮูพกติดตัว
“ค…คิดจะทำอะไร!”
“ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจ”
คังซอนฮูย่างกรายออกจากมุมมืด
“ฉันเป็นพวกมือไม้อ่อนเวลาได้ยินเสียงหมาเห่าน่ะ”
“…”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยหันไปมอง
ดวงตาที่คังซอนฮูกำลังแสดง มิใช่สิ่งที่มันสามารถอธิบายด้วยคำพูด
ตามความเห็นของหัวหน้าหน่วย คังซอนฮูเป็นคนดีคนหนึ่ง ยอมเสี่ยงจัดการฝูงหมาป่าสคาเวนตามลำพัง และไม่หวงแหนข้อมูลหากสามารถช่วยชีวิตคนได้
ปราศจากความทะเยอทะยาน และไม่เคยคิดเอาเปรียบผู้ใด
มันเข้าใจมาตลอดว่า ชายคนนี้เรียบง่ายและนิสัยดี
จนกระทั่งได้เห็นคังซอนฮูในวินาทีปัจจุบัน
“…”
มันสัมผัสถึงอีกหนึ่งตัวตนที่บิดเบี้ยว ประหนึ่งกำลังเผชิญหน้าสัตว์ร้ายป่าเถื่อนในธรรมชาติ มิใช่มนุษย์
ใบหน้าของตัวตนที่ห่างเหินจากระเบียบและกฎหมายเป็นเวลานาน
ภาพของฮาวนด์ทั้งสองที่ชั้นบน ย้อนกลับมาฉายซ้ำอีกหน คนหนึ่งแขนหัก อีกคนใบหน้ายับเยิน
ในมือฮาวนด์กำลังกำมีด พวกมันน่าจะเริ่มก่อน…
หากจะรับมือการลอบจู่โจมของฮาวนด์สองคนที่ค่อนข้างมีฝีมือ ทางเดียวคือต้องรู้ล่วงหน้า…
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยนึกทบทวนคำพูดของหัวหน้าหน่วยที่ห้า
“เขาเหมือนกับสัตว์ร้าย”
ไม่ใช่คำพูดล้อเล่นสินะ
คังซอนฮูเดินผ่านหัวหน้าหน่วยเพื่อใกล้แวมไพร์ ทันใดนั้นเอง
“#@$%^$…….”
แวมไพร์ที่เอาแต่ขดตัวอยู่ตรงมุม ตัดสินใจพึมพำบางสิ่งด้วยดวงตาเบิกโพลง
“…?”
“…?”
เป็นความเคลื่อนไหวแรกที่พวกมันได้เห็น ก่อนหน้านี้ หล่อนเอาแต่นอนขดในสภาพตัวสั่นมาตลอด
ทั้งเจ้าของโรงแรมและหัวหน้าหน่วยต่างหันมามองคังซอนฮู
“……#@$%^$.”
คังซอนฮูที่ยืนจ้องแวมไพร์ ผงะเล็กน้อยก่อนจะทวนซ้ำคำของหล่อน
ตามด้วยประโยคสั้นกระชับแต่เสียงดังฟังชัด
“หลุยส์อาโนLuis ano”
ภาษารูน
* * *
แวมไพร์ชั้นสูง
กลุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘รอยัลบลัด’ (Royal Blood) ในภาษาของพวกมัน คือตัวตนที่มีพลังพิเศษ
เมื่อเติบโตจนถึงวันที่พลังตื่นขึ้น แวมไพร์สาวได้ขังตัวเองอยู่ในห้องด้วยความกลัว
ก๊อก ก๊อก
ใครบางคนเคาะประตูจากด้านนอก
“ลูกรัก”
เป็นเสียงของมารดา ได้ยินเช่นนั้น ลิลี่รีบเปิดประตูด้วยฝ่ามือสั่นเทา
รูปร่างสูงโปร่ง ผมสีดำขลับยาวถึงเอว เดรสสีแดงสดเหมือนกับดวงตา
เป็นมารดาที่เธอรู้จัก
ทว่า
“…”
ลิลี่เห็น ‘ผี’ ลอยอยู่ด้านหลังมารดา และนั่นทำให้เธอสั่นกลัวอีกครั้ง
ผีตนดังกล่าวสวมชุดคลุมสีขาว บนศีรษะมีรวงข้าว สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า
“เฮือก…!”
หลังจากเห็นว่านิ้วของผีเหลือแต่กระดูก หญิงสาวรีบปิดตาสนิท
「ลูกรัก」
ดัชเชส ‘ดอยน่า·ซินก้า’ โอบกอดลูกสาวอย่างอ่อนโยน
「ไม่ต้องกลัว」
“ท่านแม่! ข้าเห็นผี! ผีอยู่ข้างหลังท่านแม่”
ลิลี่ในอ้อมแขนพึมพำ
「…ยิ่งพวกเราดื่มเลือด ก็ยิ่งกลายเป็นเหมือนเจ้าของเลือด… เจ้าก็เห็นใช่ไหมว่าท่านพ่อดื่มแต่เลือดจ่าฝูงหมาป่า? 」
“ข้าเห็น…”
แต่ข้อเท็จจริงนั่นมิได้ช่วยขจัดความกลัวให้ลิลี่
「ด้วยเหตุนี้ ชนชั้นสูงอย่างเราจึงมองเห็นธรรมชาติของดวงวิญญาณ เป็นวิวัฒนาการเพื่อให้ทราบคุณค่าของเหยื่อ จึงค่อยตัดสินใจว่าจะดื่มเลือดเข้าไปหรือไม่」
“สิ่งที่ข้าเห็น… คือดวงวิญญาณของผู้คน?”
ดัชเชสดอยน่าส่ายศีรษะ
「เราเรียกมันว่า ‘โฉมวิญญาณ’ เป็นรูปลักษณ์ที่สะท้อนจากดวงวิญญาณ ช่วยบอกได้ว่าคนผู้นั้นชั่วช้าหรือประเสริฐ เป็นวีรชนหรือนักเลงข้างถนน」
เมื่อเช้านี้ ลิลี่เห็นปีศาจน้ำลายไหลอยู่ด้านหลังคนรับใช้คนหนึ่ง ไม่ใช่ใครนอกจากเพื่อนสมัยเด็กของเธอ
「…ไม่ต้องเสียใจไป สิ่งที่ลูกเห็นคือแก่นแท้ของทุกเผ่าพันธุ์」
ดอยน่าโอบไหล่ลิลี่และมองเข้าไปในดวงตา
ลิลี่เห็นดวงตาเศร้าสร้อยของมารดา
「ลูกต้องอดทนและอยู่กับมันให้ได้ ต่อให้คำพยากรณ์กระทบกระเทือนต่อจิตใจ แต่ก็ห้ามเข้าไปแทรกแซงเด็ดขาด พวกเราคือทายาทของผู้มีสิทธิ์เลือก」
* * *
หลายปีถัดมา สงครามที่ถูกทำนายไว้ได้เริ่มขึ้น ส่งผลให้อาณาจักรเล็กๆ อย่างซินก้าถึงคราวล่มสลาย แวมไพร์ลิลี่ที่รอดตายอย่างหวุดหวิดต้องระหกระเหินไปตามดินแดนของมนุษย์
มนุษย์ที่เต็มไปด้วยโฉมของปีศาจ
ความดำมืดในจิตใจมนุษย์ ฉายผ่านตาลิลี่นับครั้งไม่ถ้วน
จริงอยู่ ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่เป็นเช่นนั้น ทว่า ผ้าไหมที่เปื้อนหมึกย่อมมีสีดำ
ลิลี่เริ่มอคติกับมนุษย์
หลังจากนั้นไม่นาน เธอถูกมนุษย์ลักพาตัวทันทีที่เข้ามาในหมู่บ้านซึ่งตนไม่เคยมาเยือน
ลิลี่ถูกบังคับให้กินเลือดสัตว์ที่ไม่ต้องการ ทุกวันผ่านไปอย่างทรมาน
ในฐานะแวมไพร์ เธอฆ่าตัวตายไม่ได้ นั่นเป็นข้อห้ามร้ายแรง
ผ่านไปหลายค่ำคืน เธอเห็นมนุษย์คนหนึ่งท่ามกลางกลุ่มมนุษย์ที่มี ‘โฉม’ น่ารังเกียจ
ชายผู้แต่งกายเรียบง่าย ค่อนไปทางสกปรก ส่งสายตารำคาญกับทุกสิ่ง
คล้ายกับชีวิตไม่มีจุดหมาย พฤติกรรมปราศจากความสง่างาม ประหนึ่งคนเถื่อนที่ดื่มด่ำไปกับอารยธรรม
อย่างไรก็ดี โฉมวิญญาณของชายคนนั้นค่อนข้างพิเศษ
สัตว์ป่า
สัตว์ป่าดิบเถื่อนที่เหมือนกับเหล็กเพิ่งออกจากเตาหลอม ซื่อสัตย์กับสัญชาตญาณตัวเอง แต่ยังคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรี
เขี้ยวใหญ่โต ดวงตาที่ราวกับจะก่อพายุในจุดที่เพ่งมอง
น่าเกรงขามเสียจน เกิดเป็นภาพลวงตาคล้ายป้อมปราการขนาดมหึมาด้านหลัง
เธอเคยได้ยินเรื่องราวของ ‘โฉม’ ดังกล่าวจากแม่
หนึ่งในสิบสองผู้ปกครองที่กระจายอยู่ทั่วทวีป
หนึ่งในโฉมวิญญาณที่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองแล้ว
“…หลุยส์อาโนLuis ano”
‘โฉมแห่งนักล่า’ อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel