ตอนที่ 73 แดนต้องห้าม
ความคิดของกู่ฉางเกอไม่ได้ช่ำชองไปหมด เรื่องส่วนใหญ่สำหรับเขาตอนนี้คือหาที่อยู่ของญาติเขา และเตรียมการล่วงหน้า เหนือสิ่งอื่นใด มีโอกาสสูงที่ญาติเขาจะมีอาจารย์หนุนหลัง และคนอื่นของตระกูลกู่ก็อาจมีส่วนเกี่ยว
สำหรับตอนนี้ เขาทำได้แค่สั่งและระดมกำลังบางส่วนจากเชื้อสายเขา สำหรับเชื้อสายอื่น?เขามองว่าพวกเขาคงจำนนก็ต่อเมื่อเขากลายเป็นผู้นำตระกูลแล้ว นอกจากนี้ การใช้เชื้อสายอื่นเพื่อหาที่อยู่ของญาติเขาจะเสียมากกว่าได้ และแผนของเขาจะได้รับผล
กู่ฉางเกอครุ่นคิดไปสักพัก จากนั้นก็เรียกคนของเขาที่อยู่ด้านนอกตำหนักเขา
“อาต้า”
“อาต้าอยู่นี่ขอรับ นายน้อย”
ชายแข็งแกร่งสวมชุดดำก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคารพ จากรูปลักษณ์ มันบอกได้ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ มันมีเกล็ดสีฟ้าอ่อนเห็นได้ทั่วแขนเขา อาต้ามีเลือดของเผ่ามังกรอมตะไหลเวียนในเลือด และตระกูลกู่ก็เลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิด ไม่เหมือนบริวารนอกตระกูลอื่น เขาสามารถเข้าออกเขตชั้นในและชั้นนอกได้ตามในชอบ
ปัจจุบันเขาอยู่อาณาจักรเทพเสมือน และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในคนสนิทของกู่ฉางเกอ
“ส่งจดหมายนี้ให้เฒ่าหมิง และบอกให้เขาสืบเรื่องที่เขียนภายในนี้ให้ข้า.”
กู่ฉางเกอสั่ง ทันทีที่พูดจบ จดหมายที่เขียนด้วยสัมผัสวิญญาณก็ลอบไปในมืออาต้า
เฒ่าหมิงคือราชาเทพที่ถือได้ว่ามีอำนาจพอสมควรในอาณาจักรเบื้องบน การส่งเขาไปสืบเรื่องจึงสะดวก ก่อนเขาจะลงไปอาณาจักรเบื้องล่าง กู่ฉางเกอมักสั่งอาต้าให้จัดการเรื่องแทน แต่ตอนนี้ที่เขามีราชาเทพ ทุกอย่างย่อมง่ายขึ้น
“ขอรับ นายน้อย!”
อาต้ารับคำสั่งและออกไปหาเฒ่าหมิงที่เขตชั้นนอกทันที
ตระกูลกู่คือยักษ์ใหญ่ที่มีดินแดนกว้างขวางเกินจินตนาการ เพื่ออกจากเขตชั้นในไปชั้นนอก มันต้องเดินทางผ่านค่ายกลมิติหลายแห่ง ถ้ามีคนเผลอเข้ามาในดินแดนตระกูลกู่ พวกเขาจะหลงทางได้ง่ายๆ
แน่นอน ถ้าสัตว์อสูรที่มีอยู่ทั่วดินแดนตระกูลกู่ไม่ฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆซะก่อน
เจ้าของ : กู่ฉางเกอ
รัศมี : วายร้ายสวรรค์ลิขิต
อาวุธ : ง้าวมารแปดทิศ
ตัวตน : ศิษย์แท้จริงวังเต๋าเซียนสวรรค์
เส้นชีพจร : ใจมาร กระดูกเต๋า
ฐานบ่มเพาะ : ราชาเซียน(ขั้นสูงสุด)
ความสามารถลี้ลับ : เคล็ดเต๋าเซียนสวรรค์(ขั้นเจ็ด(99%)) วิหารจิตเทพบรรพกาล(พรสวรรค์) กายหมื่นปีศาจจำแลง(พรสวรรค์) เคล็ดเซียนปีศาจกลืนกิน
ค่าโชคชะตา : 4000
ค่าโชคลาภ : 2000(มืด)
ร้านค้าระบบ : เปิด
คลัง : เครื่องรางทำลายเขตแดนx1 หนึ่งในสามชิ้นส่วนเมล็ดพันธุ์โลกx3 การ์ดปล้นโชคx3
--
ค่าโชคของเขาเพิ่มเป็นสองพันโดยที่เขาไม่รู้ตัว
แน่นอน ด้วยค่าโชคสองพันในมือ กู่ฉางเกอสงสัยว่าเขาควรทะลวงไปอาณาจักรจักรพรรดิเลยไหม?เมื่อฐานบ่มเพาะเขาเพิ่ม การเปลี่ยนแปลงจะปรากฏในตัวเขาและพลังต่อสู้ของเขาจะทะยานขึ้นระดับใหม่
มันแค่ว่าค่าโชคเป็นของที่จับต้องไม่ได้ และเขาก็ไม่รู้ผลที่ตามมา ย้อนกลับไปตอนค่าโชคของเขาแตะศูนย์ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ไม่ว่าจะดีหรือร้าย หลังคิดสักพัก กู่ฉางเกอก็เดาว่ามันอาจเพราะค่าโชคลาภมืดของเขา
‘ระบบ!ในเมื่อค่าโชคมืดไม่มีอยู่ในเจ็ดระดับปกติของสีแดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า แดงม่วง และม่วง หรือมันจะผิดปกติ?จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าเสียโชคทั้งหมด?’
กู่ฉางเกอถามในใจ
ทันทีที่มันได้ยินคำถามเขา ระบบก็ตอบ[ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ แนวคิดของค่าโชคคือวิธีคำนวณรางวัของระบบและการลงโทษเพราะค่าโชคจริงคือสิ่งลวงตาและไม่สามารถวัดได้จริงๆ มันถูกแปลงเป็นค่าที่เข้าใจได้ง่ายเหล่านี้เพื่อให้ท่านเข้าใจมันได้เฉยๆ]
เหนือสิ่งอื่นใด กู่ฉางเกอคือผู้ข้ามโลกที่มีกระบวนการคิดต่างจากชนพื้นเมืองของโลกนี้ เขาสามารถเข้าใจแนวคิดของมูลค่าและตัวเลขได้ง่ายๆ
[ด้วยความที่เจ้าของผิดปกติ โลกจึงทอดทิ้งท่านไปนานแล้ว ในความเป็นจริง ต่อให้ค่าโชคทั้งหมดของท่านหายไป มันก็ไม่ส่งผลต่อท่านอยู่ดี ท่านต้องสังเกตเห็นว่าไม่ว่าท่านจะมีโชคมากแค่ไหน มันก็ไม่มีผลกับชีวิตประจำวัน โอกาสที่ท่านพบเจอและอื่นๆ...]
[ต่อให้ท่านจะเจอกับมหาโชคหรือมรดกอื่น ท่านก็จะไม่สามารถเพิ่มค่าโชคได้ ทางเดียวที่จะได้รับค่าโชคคือการพิชิตพวกที่มีโชคเยอะ หรือฆ่าบุตรฟ้าประทาน]
ระบบไขข้อสงสัยของกู่ฉางเกอด้วยคำอธิบาย กู่ฉางเกอจึงพยักหน้าตอบรับ
มันไม่น่าแปลกที่แม้ค่าโชคของเขาจะถึงระดับที่สูงกว่าเย่เฉินตอนเริ่มแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้รับสมบัติสวรรค์หรือโอกาสอะไรเลย เขาไม่คิดเลยว่าโลกจะทอดทิ้งเขาแบบนี้!
งั้นนี่ก็คือการปฏิบัติที่มีให้วายร้าย!ถ้าวายร้ายอยากได้โอกาส ก็ต้องไปหาบุตรฟ้าประทานและชิงมา
แน่นอน กู่ฉางเกอชอบเด็ดผลที่สุกงอมแล้วแทนที่จะค้นหาเอง
‘งั้นค่าโชคก็มีต่างอะไรจากค่าโชคชะตาสำรองสำหรับข้า?’
กู่ฉางเกอแปลกใจกับการตระหนักรู้นี้ ค่าโชคลาภสองพันแต้มของเขาก็เหมือนทองสองพันแท่งที่เขาสามารถแลกเป็นเงินสดได้ตลอดเวลา
เขารู้สึกโล่งใจมากหลังฟังคำอธิบายของระบบ
นอกจากการฆ่าบุตรฟ้าประทาน เขายังสามาถรเพิ่มค่าโชคได้โดยการพิชิตคนอย่างซูชิงเกอกับหลินชิวหาน แถม เขายังจะได้รับค่าโชคทุกวันโดยไม่ต้องทำอะไร
‘แลกพันค่าโชคลาภเป็นค่าโชคชะตา!’
กู่ฉางเกอไม่ลังเลอีกหลังตระหนักทุกอย่าง และพลันแลกค่าโชค
[ติ้ง!การแลกเปลี่ยนสำเร็จ ท่านได้รับค่าโชคชะตาหมื่นแต้ม]
การแจ้งเตือนระบบดังในหัวเขา และเขาก็พลันเห็นค่าโชคชะตา14000แต้มบนหน้าต่างสถานะเขาก
“ระบบ เพิ่มฐานบ่มเพาะข้า!”
[ฮึ่ม!]
กู่ฉางเกอรู้สึกถึงพลังงานประหลาดที่ไหลผ่านตัวเขา รังสีแสงของเต๋าหลั่นไหลออกจากแขนขาและกระดูกเขา และกระดูกเต๋าของเขาก็ปลดปล่อยเสียงน่ากลัวและแสงที่กระจายไปทั่ว ใจมารของเขาพลันโดนสะกดทันที
ในเวลาเดียวกัน ประตูของเคล็ดเต๋าอมตะสวรรค์ขั้นแปดก็ระเบิดในหัวของกู่ฉางเกอ และความเข้าใจมากมายเกี่ยวกับมันก็ผสานเข้ากับความทรงจำเขา
[บูม!]
กู่ฉางเกอได้ยินเสียงสั่นในตัว ราวกับแม่น้ำกำลังปั่นป่วน พลังปราณจำนวนมหาศาลวิ่งเข้าตันเถียนเขาและฐานบ่มเพาะก็ทะลวง!
‘ข้ายังเหลืออีกหกพันแต้ม’
กู่ฉางเกอคิดในใจ ในเวลาเดียวกัน ร่างพร่ามัวคล้ายกับวิญญาณยุทธ์ค่อยๆก่อตัวด้านหลังเขา ปลดปล่อยกลิ่นอายน่ากลัว ทำนองของเต๋าดังสะท้อนไปทั่ว และอักขระก็สอดประสาน ทำให้มันดูเหมือนเทพโบราณที่กำลังก้มมองโลก
นี่คือพลังที่บรรจุในกระดูกเต๋าที่เขาเอามาจากญาติเขา มันคือวิญญาณของเต๋าที่สามารถสะกดทุกสิ่ง สำหรับอัจฉริยะหนุ่มอย่างกู่ฉางเกอ มันถือได้ว่าเป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งสุด
‘ทันทีที่ข้าทะลวงผ่านอาณาจักรจักรพรรดิ พลังของข้าก็เพิ่มอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้ข้ารู้สึกต่างไปจากเดิมมาก’
‘ความรู้สึกนี้ จิ๊ จิ๊’
กู่ฉางเกอกำหมัดและวิญญาณเต๋าด้านหลังเขาก็เลียนแบบการกระทำ ในเวลาเดียวกัน กู่ฉางเกอก็รู้สึกราวกับเขาคือราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถนำหายนะมาสู่ศัตรูได้!
นี่คือพลังที่เป็นของญาติเขา และกู่ฉางเกอก็ชัดเจนดี เหนือสิ่งอื่นใด พรสวรรค์กับความสามารถของคนอื่นจะไม่มีวันเป็นของเขา เขาต้องหาทางจัดการกับปัญหานี้ เขาต้องกลืนกินมันโดยใช้วิชาเซียนปีศาจกลืนกิน หรือแทนที่มันด้วยกระดูกอื่นหรือบางสิ่งจากระบบ
แต่ตอนนี้ยังก่อน กระดูกเต๋าสามารถช่วยเขาบรรลุเป้าหมายบางอย่างได้
ไม่ช้า กู่ฉางเกอก็มองผ่านร้านค้าระบบ เหนือสิ่งอื่นใด เขายังเหลืออีกหกพันแต้มในกระเป๋าและแม้กระทั่งค่าโชคพันแต้มไว้สงวน ด้วยความมั่งคั่งขนาดนี้ เขาจะเพิ่มพลังได้ง่ายๆ
แม้ตระกุลกู่จะมีสมบัติมากมาย กู่ฉางเกอก็รู้สึกว่าของที่พวกเขามีเทียบไม่ได้กับระบบ แถม เขาต้องทำคุณงามความดีเพื่อตระกูลก่อนจะเอาของออกมาได้ แม้เขาจะเป็นนายน้อย มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถเอาออกมาได้หมด สถานะแค่ช่วยให้เขาได้เลือกก่อนใคร
นอกจากนั้น เขาได้เป็นนายของสมบัติที่ทรงพลังสุดของตระกูลกู่ที่เหมาะกับฐานบ่มเพาะปัจจุบันเขาแล้ว
สุดท้าย กู่ฉางเกอก็เลือกความสามารถลี้ลับ
[ภูมิปัญญาไร้สิ้นสุด] ห้าพันค่าโชคชะตา
เขาได้มีวิหารจิตเทพบรรพกาลแล้ว ซึ่งทำให้เขาไร้ผู้ต้านในด้านพลังของวิญญาณ ตอนนี้ที่เขามีความสามารถลี้ลับอีกอย่างเพื่อบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขา ทั้งสองจะส่งเสริมกันและเพิ่มพลังเขาไปอีกระดับ
‘แลกเปลี่ยน!’
กู่ฉางเกอรีบแลก และบันทึกของ[ภูมิปัญญาไร้สิ้นสุด]ก็ไหลเข้าหัวเขา ในเวลาเดียวกัน ค่าโชคชะตาของเขาก็ลดลง
[ฮึ่ม!]
สุดท้าย วิญญาณ[จิตเทพบรรพกาล]ของกู่ฉางเกอก็พุ่งออกจากระหว่างคิ้วเขา เปลี่ยนเป็นดาบยิ่งใหญ่ที่ปรากฏในมือเขา ดาบตวัด และปลดปล่อยไอสังหารไปทั่ว มันราวกับมันสามารถตัดผ่านโลกนับพันในจักรวาลได้!
มันคืออาวุธสังหารวิญญาณ!
..
หลายคนในเขตชั้นในของตระกูลกู่รู้สึกถึงกลิ่นอายของเขาตอนกู่ฉางเกอทะลวงผ่าน แม้จะมีค่ายกลหยุดการสอดส่อง พวกมันก็ไม่สามารถสะกดพลังที่ปะทุจากตัวเขาเหมือนฟ้าร้องได้ มันคือการเปลี่ยนแปลงรากฐานการดำรงอยู่ของเขาที่ไม่อาจปกปิดจากโลก
“ฉางเกอขอเชิญผู้อาวุโสตระกูลทั้งหมดมายังยอดเขาหลักเพื่อประชุม!”
หลังจากนั้น เสียงของกู่ฉางเกอก็ดังไปทั่วฟ้าเหนือยอดเขาทั้งหมดของทุกเชื้อสายที่อยู่ในเขตชั้นในของตระกูลเซียนกู่ และดึงดูดความสนใจทุกคน ผู้อาวุโสของตระกูล ที่กำลังยุ่งอยู่ต่างขมวดคิ้ว
‘กู่ฉางเกอ เจ้ามีเจตนาอะไร?อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่สามารถระงับความปรารถนาที่จะครองตำแหน่งผู้นำหลังเพิ่งทะลวงผ่าน?’
บางคนส่ายหัว
‘แค่นายน้อย?เขาจะมาเชิญผู้อาวุโสทุกคนไปพบเขาได้ไง?’
หลายคนตกใจกับคำพูดเขา
‘หรือมันจะเกี่ยวกับตำแหน่งว่าที่ผู้นำ?”
คนอื่นอดเดาไม่ได้
..
[ณ พื้นที่กันดารสุดของดินแดนเซียนต้องห้าม]
ภูเขานับไม่ถ้วนปกคลุมไปทั่ว หมอกโกลาหลล้อมรอบทุกสิ่งและทำให้สถานที่ดูน่ากลัว กลิ่นอายน่ากลัวของสัตว์อสูรพวยพุ่งขึ้นสวรรค์
แต่ทว่า ถ้ามองข้ามสิ่งเหล่านั้นไป พวกเขาจะต้องตกใจและประหลาดใจ
มันมีหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนออกจากเทพนิยายในดินแดนรกร้างแห่งนี้!
ดูเหมือนประชากรในหมู่บ้านจะไม่มาก มีคนอาศัยอยู่รวมกันไม่เกินพัน แต่คนที่อาศัยล้วนไม่ธรรมดา
ในเวลาเดียวกัน ต้นทอที่งดงามหาเปรียบมิได้ตั้งอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน ดอกท้อที่มีสีสันสดใสเบ่งบานบนต้นไม้ และแก่นเต๋าทุกชนิดก็หมุนเวียนรอบมัน มันราวกับต้นไม้ได้หยั่งราก ณ จุดนี้มาตั้งแต่ยุคโกลาหล
“พี่สาวเถาเหยา ข้าจะไปแล้วนะ..”
เด็กสาในชุดสีฟ้ากระซิบกับต้นท้อ..