MDB ตอนที่ 110 ข่าวลือจากทั่วทุกสารทิศ
หลินจินมีความสุขมากที่พบว่าตัวเองได้รับส่วนที่สองของรูปแบบพลังงานอสูร แต่มันมาเร็วกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ในตอนแรก เขาคาดว่าเขาจะต้องรอจนกว่าผู้เยี่ยมชมหมายเลข 7 จะนำตัวอย่างของสัตว์หายากจำนวนยี่สิบตัวอย่างมาให้เขา ในตอนที่ห้องโถงเยี่ยมชมเปิดขึ้นอีกครั้ง เขาถึงจะสามารถบันทึกสัตว์หายากครบทั้งห้าสิบตัวได้
ถึงแม้จะได้รับเร็วกว่ากำหนด เขาก็ไม่ว่าอะไร
หลินจินอ่านผ่าน ๆ เกี่ยวกับส่วนที่สองที่ได้รับใหม่พบว่ามันดีมาก เมื่อเขาว่างจากการทำการประเมิน เขาสามารถส่งต่อเทคนิคการบ่มเพาะนี้ให้กับสัตว์เลี้ยงที่ทำสัญญาได้โดยตรงผ่านทางพันธสัญญาโลหิต
ด้วยเหตุนี้ เสี่ยวฮั่วสามารถเริ่มฝึกฝนส่วนที่สองนี้ได้
สำหรับส่วนที่สามของรูปแบบพลังงานอสูร หลินจินพบว่าเขาต้องบันทึกสัตว์หายากกว่าร้อยตัว แต่จากอัตราความก้าวหน้าในปัจจุบันของเขา เขาอาจต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะสำเร็จ
หลินจินจำได้ว่าใกล้จะถึงว่าเปิดห้องโถงเยี่ยมชมแล้ว เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ทุก ๆ เจ็ดวัน การเปิดครั้งต่อไปควรเป็นคืนพรุ่งนี้
พูดตามตรงหลินจินตั้งตารอคอยมัน
ในตอนบ่าย หลินจินรีบไปที่สมาพันธ์นักบวชโดยมีแผนจะศึกษาทักษะการบ่มเพาะ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร หลู่หยุนเหอก็ตรงปรี่มาหาเขา ทันทีที่เขามาถึง
“พี่หลิน ข้ากำลังรอพี่หลินอยู่พอดีเลย” หลู่หยุนเหอดึงหลินจินออกไปอย่างลับ ๆ เขามีเรื่องสำคัญจะพูดกับหลินจิน
“พี่หลิน เช้านี้พี่ทะเลาะกับหยางเจี๋ยหรือเปล่า?” หลู่หยุนเหอถามเบา ๆ
‘ฮะ?’
หลินจินตะลึงงัน
เขาจำไม่ได้ว่าเคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วหลู่หยุนเหอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
เมื่อเห็นใบหน้าที่ประหลาดใจของหลินจิน มันได้ยืนยันความสงสัยของหลู่หยุนเหอ
“พี่หลิน ข้าจะพูดยังไงดี… แม้ว่าข้าจะไม่ชอบหยางเจี๋ยขนาดนั้น แต่ก็ไม่ควรเป็นศัตรูกับเขาเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว” ถ้อยแถลงต่อไปของหลู่หยุนเหอทำให้หลินจินสับสนมากขึ้นเท่านั้น
“เจ้ากำลังพูดถึงผู้หญิงคนไหน?”
หลู่หยุนเหอมองตรงมาที่หลินจินและกับจะพูดว่า 'หยุดแสร้งได้แล้ว'
“ตอนนี้ข่าวลือกระจายไปทั่วแล้ว โดยลือกันว่าพี่หลินกำลังท้าทายหยางเจี๋ยเพียงเพราะเขาได้แย่งเฉินหยวนหยวนจากพี่ไปและคนที่นี่ได้รู้ด้วยว่าเฉินหยวนหยวนยกเลิกการหมั้นกับพี่เพราะหยางเจี๋ยแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของหลินจินมืดลงทันที
“ใครเป็นคนเริ่มต้นข่าวลือนี้? มันไร้สาระที่สุด!”
ในขณะนั้นเอง ผู้ฝึกตนสองสามคนก็ผ่านไปซุบซิบกันเอง
“ได้ยินไหม? ผู้ประเมินหลินแห่งสมาคมประเมินสัตว์วิเศษผ่านการประเมินและเข้าสู่สมาพันธ์นักบวชของเราแล้ว”
“ข้าได้ยินว่ามาว่า หลินจินนั้นค่อนข้างน่าสงสารยิ่งนัก เขาถูกผู้หญิงคนหนึ่งยกเลิกงานหมั้นของเธอกับเขา ช่างน่าขายหน้าเสียนี่กระไรและผู้หญิงคนนั้นทำเพื่อศิษย์พี่หยางเจี๋ยด้วย!
นั่นอาจเป็นสาเหตุว่าทำไมหลินจินถึงก้าวเท้าเข้ามาสมาพันธ์นักบวชแห่งนี้ เขาตั้งใจจะเอาชนะศิษย์พี่หยางเจี๋ยและทวงศักดิ์ศรีของเขากลับคืนมา”
"ที่เจ้าพูดมันจริงหรือ?"
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ได้ยินข่าวนี้ ข้าได้ยินมาว่าหลินจินพบศิษย์พี่หยางเจี๋ยเมื่อเช้านี้ที่หอคอยหินลอยและทั้งคู่ก็ได้แลกหมัดกันไปแล้ว”
“หลินจินเป็นผู้ประเมินสัตว์วิเศษ เขาจะรับมือศิษย์พี่หยางเจี๋ยได้อย่างไร?”
"ข้าเห็นด้วย หลินจินอาจจะบาดเจ็บจนพิการหลังจากนั้น”
“โอ้ ว่าแต่ผู้หญิงที่ชื่อเฉินหยวนหยวน เธองดงามขนาดนั้นเชียวหรือ? ข้าคิดว่าผู้ประเมินหลินคงหลงใหลในตัวเธอมากจนทำให้เขาเต็มใจเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้เพื่อเธอ…”
เสียงของพวกเขาไม่เบานัก ดังนั้น หลินจินจึงได้ยินพวกเขาดังและชัดเจน
'นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!'
หลินจินเกือบจะตะโกนออกไปด้วยความโมโหแล้ว
ในขณะเดียวกัน หยางเจี๋ยที่กำลังฝึกนิ้วพลังวิญญาณก็ได้ยินข่าวลือเช่นกัน
*แคร่ก!*
เป้าที่ทำจากไม้ที่มีความหนาเท่าฝ่ามือมนุษย์ มันอยู่ห่างออกไป 3 เมตร มันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยการยิงระยะไกล
สาวกที่มาแจ้งเรื่องข่าวลือนี้ เมื่อเขาเป็นภาพตรงหน้า มันทำให้ลิ้นของเขาแข็งทื่อ ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เขากลัวว่ามันจะทำให้หยางเจี๋ยไม่พอใจ หากเขาพูดอะไรออกมา
“อย่างนี้นี่เอง ตอนนั้นข้าก็สงสัยว่า ทำไมคน ๆ นั้นจึงจงใจท้าทายข้าแบบนั้น เหตุการณ์เมื่อเช้านี้ต้องได้รับการวางแผนล่วงหน้าอย่างแน่นอน แต่สิ่งเดียวที่ข้าสงสัย เฉินหยวนหยวนเป็นใคร ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย”
หยางเจี๋ยรู้สึกรำคาญ
ก่อนหน้านี้เขาเคยสงสัยเกี่ยวกับแรงจูงใจของหลินจิน แต่ตอนนี้ คำตอบอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
จนถึงตอนนี้ ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเขายังคงรู้สึกชาเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เพราะมันน่าละอายเกินไป ดังนั้นความเกลียดชังที่เขารู้สึกต่อหลินจินจึงเพิ่มขึ้นในหัวใจของเขา
นอกจากความขุ่นเคืองแล้ว ยังมีความกลัวอีกด้วย
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอย่างชัดแจ้ง แต่หยางเจี๋ยก็คิดว่าหลินจินเป็นศัตรูตัวฉกาจ
เนื่องจากมีความนับถือตนเองสูง หลังจากการปะทะกัน หยางเจี๋ยได้ให้คนไปตรวจสอบภูมิหลังของหลินจินและพบว่าคนหลังเป็นผู้ประเมินระดับสองแต่ผู้ประเมินต่างจากผู้ฝึกตน หยางเจี๋ยยังคงคิดว่าที่เขาได้รับบาดเจ็บเมื่อเช้านี้เพราะความประมาทของเขา ถ้าเขาจริงจังกว่านี้อีกหน่อย เขาคงไม่ได้รับบาดเจ็บ
“ไปตรวจสอบดูว่าใครคือเฉินหยวนหยวน” หยางเจี๋ยสั่งลูกน้องของเขา
ในไม่ช้า เขาได้รับคำตอบเกี่ยวกับตัวตนของเฉินหยวนหยวน
นอกจากนี้ยังมีข่าวเกี่ยวกับการปะทะคารมกันของหลินจินและเฉินหยวนหยวนที่หน้าประตูสมาคมในช่วงเทศกาลบุปผาเมเปิ้ล ตอนนั้นมีผู้ชมจำนวนมากในตอนนั้น
นอกจากนี้ หยางเจี๋ยยังพบว่าเฉินหยวนหยวนเป็นลูกพี่ลูกน้องของเฉินเฉิง
“ไปเรียกเฉินเฉิงมา” หยางเจี๋ยสั่งการด้วยสีหน้ามืดมน
เฉินเฉิงมาถึงอย่างรีบร้อน
“ศิษย์พี่หยาง ข้ามาแล้วขอรับ”
เฉินเฉิงทักทายด้วยความเคารพ พวกเขาอยู่ภายใต้การฝึกอบรมของที่ปรึกษาคนเดียวกันในสมาพันธ์นักบวช
หยางเจี๋ยไม่ได้พูดอะไรแต่จ้องมองไปที่เฉินเฉิง คนหลังเงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทางสับสน
“ศิษย์พี่หยาง มีอะไรหรือขอรับ?”
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเห็นว่าชายอีกไม่แสดงท่าทีผิดปกติใด ๆ หยางเจี๋ยจึงกล่าวว่า “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วหรือไม่?”
เขาไม่ได้ระบุว่าข่าวลืออะไรเพราะเป็นการทดสอบ
เฉินเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ศิษย์พี่หยางเรียกข้ามาที่นี่เพื่อสอบถามข่าวลือระหว่างลูกพี่ลูกน้องของข้ากับหลินจินหรือขอรับ?
เท่าที่ข้าจำได้ ลูกพี่ลูกน้องของข้าได้หมั้นกับหลินจินไปแล้วจริง ๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเธอชื่นชมศิษย์พี่ เธอจึงตัดสินใจยกเลิกการหมั้น เธอจึงมีข้อพิพาทเล็กน้อยกับหลินจินที่ทางเข้าเทศกาลบุปผาเมเปิ้ลเมื่อไม่นานมานี้ แต่หลู่หยุนเหอเข้ามาแทรกแซงและดึงหลินจินออกจากความยุ่งเหยิง หลายคนเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น มันจึงไม่เป็นความลับแต่อย่างใดขอรับ”
หยางเจี๋ยยังคงนิ่งเงียบ
เฉินเฉิงตื่นตระหนกอยู่ข้างในแต่เขายังคงแสดงความนิ่งสงบอยู่ภายนอก
“เข้าใจแล้ว เจ้าออกไปได้แล้ว”
หยางเจี๋ยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก
เฉินเฉิงทำความเคารพและจากไป เมื่อเขาออกไปข้างนอกและมองไปรอบ ๆ ให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ เฉินเฉิงก็ถอนหายใจออกมา จากนั้น รอยยิ้มอำมหิตปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาและเขาพึมพำกับตัวเองว่า
“ขอบคุณพระเจ้าที่ข้าเตรียมตัวมาอย่างดี ไม่อย่างนั้นเขาคงพบว่าข้ากำลังโกหกเขา”
ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเกี่ยวกับหลินจิน, เฉินหยวนหยวนและหยางเจี๋ย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นโดยเฉินเฉิงที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
เขาโชคดีที่ได้อยู่ในห้องของชั้นสองแห่งหนึ่งในหอคอยหินลอยเมื่อเช้านี้ ทำให้เขาได้เห็นการปะทะกันของหลินจินและหยางเจี๋ย ในตอนนั้น เขาคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี
เขาจะใช้ข่าวลือที่สะดวกสบายนี้เพื่อสร้างความเกลียดชังระหว่างหลินจินและหยางเจี๋ยและที่สำคัญ เขาจะต้องดึงหลู่หยุนเหอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันคงจะดีกว่านี้ถ้าหลู่หยุนเหอและหยางเจี๋ยเปิดฉากต่อสู้กัน มันจะทำให้เฉินเฉิงสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้
นอกจากนี้ ด้วยการแพร่กระจายข่าวลือเหล่านี้ เฉินเฉิงสามารถหลอกลูกพี่ลูกน้องที่โง่เขลาของเขาได้ เขาจ้องมองลูกพี่ลูกน้องที่สวยงามของเขามานานแล้ว ตลอดชีวิตของเขา เขาคิดว่าเธอคือผู้ที่ถูกลิขิตให้เป็นผู้หญิงของเขา
ย้อนกลับไปเมื่อเฉินหยวนหยวนหมั้นกับหลินจิน เฉินเฉิงได้ยุแยงให้เธอยุติการหมั้น
เมื่อทุกอย่างสำเร็จ เฉินเฉิงคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นดั่งที่เขาต้องการ กลับกลายเป็นว่าเฉินหยวนหยวนได้หลงใหลในตัวของหยางเจี๋ยอย่างหัวปักหัวปำ
สำหรับหยางเจี๋ย เขาเป็นคนหยิ่งทนง เขาจะไม่มีวันชายตามองผู้หญิงอย่างเฉินหยวนหยวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ หลังจากข่าวลือที่มุ่งร้ายออกมา โอกาสที่พวกเขาจะได้พบกันนั้นแทบจะเป็นศูนย์และนั่นเป็นสิ่งที่เฉินเฉิงต้องการ
ปัจจัยเสี่ยงเพียงอย่างเดียวในแผนการนี้คือความฉลาดที่เหลือเชื่อของหยางเจี๋ย แค่การเรียกเฉินเฉิงมาพบ มันบ่งบอกโดยนัยว่าหยางเจี๋ยยังคงสงสัยในตัวเขา