ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 16 ถูกหมายหัว
เมื่อใดก็ตามที่เป็นประชากรพื้นที่ส่วนใน จะไม่สามารถฆ่าได้ตามอำเภอใจ
มันเป็นกฏที่ทางรัฐบาลกับตระกูลใหญ่ร่วมมือกันสร้างขึ้น และทุกคนต้องรักษากฏข้อนี้ แม้ว่าตระกูลหยวนจะมีอำนาจเหนือกว่าตระกูลจางอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจจะเพิกเฉยต่อกฏข้อนี้ได้
จางเหิงล่งเองก็ไม่ได้ไว้วางใจเรื่องนี้อยู่ดี
เพราะพวกบ้าไม่สนโลกในตระกูลหยวนนั้นมีเยอะ
หากทำสิ่งใดแล้วได้รับผลประโยชน์ พวกตระกูลหยวนก็ไม่ลังเลที่จะลงมือทำทันที
เพราะเวลานี้พวกเขารู้แล้วว่ามีอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากเข้าร่วมกับตระกูลจาง ที่นี้ตระกูลหยวนจะต้องทำทุกวิธีทางเพื่อกำจัดอัจฉริยะของตระกูลจางให้ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าอัจฉริยะผู้นี้จะเป็นบุคคลพื้นที่ส่วนในแล้วก็ตาม
ทำให้จางเหิงล่งส่งจางเหิงเต๋อไปคอยคุมกันซู่เสี่ยวไป่เอาไว้ก่อน
แสดงให้เห็นว่าจางเหิงล่งนั้น คิดทุกเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับซู่เสี่ยวไป่อย่างรอบคอบ
…
=พื้นที่ส่วนใน เขตตะวันออก บ้านตระกูลหยวน=
“ฑูตคนที่แปดของตระกูลจาง?”
“มีอายุแค่ 17 ปี แต่อยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง อีกทั้งยังสำเร็จวิชาระดับละเอียดอ่อนสองวิชา!!”
“นี้มันอัจฉริยะของจริง”
เมื่อตระกูลหยวนได้ยินข่าวนี้ ก็รีบเรียกประชุมสมาชิกระดับสูงของตระกูลทันที
เมื่อสมาชิกระดับสูงทุกคนได้อ่านข้อมูลของซู่เสี่ยวไป่ที่สายลับส่งกลับมา เมื่ออ่านจบสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เรื่องนี้เลวร้ายมาก
อายุแค่ 17 ปีกลับอยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงแล้ว ไม่พอยังสำเร็จวิชาระดับละเอียดอ่อนมากกว่า 1 วิชา ไม่ว่าจะมองยังไงพรสวรรค์ของเด็กคนนี้ ในเรื่องการบ่มเพาะและการฝึกวิชาล้วนอยู่ในระดับสูง
แม้แต่ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งของตระกูลหยวนก็ไม่เคยมีใครทำได้แบบนี้มาก่อน
“ต้องจำกัดทิ้งเท่านั้น!!”
หยวนเฟ่ยเคอผู้นำตระกูลหยวนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ
กระแสพลังของเขาค่อยๆ ปกคลุมตัวเขา และเริ่มแผ่ออกไปปกคลุมไปทั่วทั้งห้องประชุม ทุกคนต่างรู้สึกถึงกระแสพลังที่ปล่อยออกมา
และสิ่งอื่นที่แฝงอยู่ในกระแสพลังนี้ด้วย คือจิตสังหารที่คลุ้มคลั่ง
“ท่านผู้นำ อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจเรื่องนี้!!”
“ไม่เคยมีการลอบสังหารฑูตมาก่อน นั่นก็เพราะฑูตนั้นแข็งแกร่งเกินไป และพวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนใน หากพวกเราลงมือกันแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง เกรงว่าพวกเราจะไปฝ่าฝืนกฏเหล็กของพื้นที่ส่วนในเข้า และไปกระตุกหนวดพวกรัฐบาลกับตระกูลใหญ่”
ยอดยุทธขั้นกลางของตระกูลหยวนกล่าวขึ้น
คนอื่นๆ ก็ล้วนพยักหน้าเห็นด้วย
การจะเก็บเด็กน้อยผู้นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่ราคาที่ต้องจ่ายหลังจากลงมือไปแล้วต่างหากคือประเด็น
บุคคลของในพื้นที่ส่วนในไม่สามารถฆ่าได้ตามอำเภอใจ นี่เป็นกฏเหล็กที่รัฐบาลกับตระกูลใหญ่ตั้งเอาไว้
นั้นก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ฝึกตนระดับสูงฆ่ากันเอง เป็นเหตุทำให้กำลังของฝั่งมนุษย์อ่อนแอลง
การฝ่าฝืนกฏข้อนี้ก็เท่ากับหาเรื่องรัฐบาลและตระกูลใหญ่
ตระกูลหยวนแม้ว่าจะเป็นตระกูลเล็ก แต่ก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับตระกูลใหญ่ทำให้ตระกูลหยวนนั้นไม่เกรงกลัวใคร แต่หากพวกเขาแหกกฏข้อนี้ขึ้นมา ต่อให้มีสายสัมพันธ์อันดีแค่ไหนกับตระกูลใหญ่ ตระกูลหยวนคงถูกลบออกจากผืนแผ่นดินแน่
ไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยงลงมือแหกกฏข้อนี้ เพื่อจัดการรุ่นเยาว์เพียงคนเดียว
“แล้วคิดว่าเรามีทางเลือกอื่นงั้นหรอ…”
หยวนเฟ่ยเคอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ
“หากปล่อยไปแบบนี้ตระกูลหยวนของเราก็ไม่ต่างจากล้มสลายไปแล้ว ก็รู้ๆ กันอยู่ ว่าเมื่อใดที่อัจฉริยะผู้นี้เติบโตเต็มที่แล้ว เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลจาง แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง เขาจะเป็นคนที่ทำให้ชื่อสกุลหยวนหายไป”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ทุกคนก็ต่างแข็งทื่อไปหมดด้วยความหนักใจ
กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง อายุ 17 ปี แค่สองอย่างนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงพื้นฐานพรสวรรค์ของเด็กน้อยผู้นี้แล้วว่าน่ากลัวขนาดไหน
แล้วยิ่งมีความเข้าใจในการฝึกฝนวิชาเป็นอย่างดี จนสำเร็จวิชาระดับละเอียดออ่อนได้สองวิชา หากปล่อยให้เด็กน้อยผู้นี้เติบโตอีกสัก 2 - 3 ปี เขาคงสามารถกวาดล้างทั้งตระกูลหยวนได้ในพริบตา
และตระกูลหยวนจะไม่มีอะไรเหลืออีก
“ถ้าไม่ฆ่ามันก่อน มันก็จะกลับมาฆ่าพวกเราในไม่ช้าก็เร็ว!!”
“แต่หากชิงลงมือสังหารมันก่อน ตระกูลเรายังพอมีทางรอด”
“ใครว่ากฏข้อนั้นไม่มีช่องโหว่เลย…”
“ที่ผ่านมามีอัจฉริยะมากมายถูกลอบสังหารไป ทำไมถึงไม่เคยมีใครต้องรับโทษ…”
เมื่อพูดเรื่องนี้ทำให้ทุกคนนึกอะไรออก
ที่จริงแล้วกฏเหล็กข้อนี้มีช่องโหว่อยู่
กฏห้ามที่ห้ามฆ่าบุคคลของพื้นที่ส่วนใน
แต่หากว่าอีกฝั่งเป็นคนเริ่มทำร้ายร่างกายก่อน และหากฝ่ายป้องกันตัวพลั่งมือฆ่าไปก็ไม่ถือว่ามีความผิด
แล้วถ้าเรื่องเกิดขึ้นในป่าล่ะ ในพื้นที่ไม่มีผู้คนผ่านไปหรือไร้ซึ่งสัญญาณสื่อสาร ใครหลุดเข้าไปก็ไม่มีทางรู้ว่าจะเป็นจะตายร้ายดีอย่างไง แล้วกฏข้อนี้จะตามไปสอดสองดูได้ทั่วทุกพื้นที่ได้อย่างไร
ถ้าพลาดท่าแบบนี้ก็คือตายเปล่า ไม่ต้องมีใครมารับผิด
และอีกทางคือจ้างมือสังหาร
อาชีพมือสังหารนั้นตราบใดที่คุณจ่ายให้กับพวกเขามากพอพวกเขาก็เต็มใจที่จะรับงาน
“แต่ตอนนี้เด็กน้อยผู้นั้นยังอ่อนแอเกินไป คงไม่มีทางถูกเรายั่วยุให้เริ่มหาเรื่องก่อนได้แน่นอน”
“จะล่อให้เข้าไปในพื้นที่ป่าก็ยากเกินไป”
“มือสังหารคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้”
แววตาของหยวนเฟ่ยเคอเต็มไปด้วยจิตมุ่งร้าย
“หากเป็นมือสังหาร พวกเขาชำนาญเรื่องนี้มากกว่าเรา และต่อให้งานจะสำเร็จหรือไม่ พวกเขาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหยวนของเรา ทำให้เราไม่ตกเป็นจำเลยของความคดีนี้”
“แต่เรามีข้อมูลน้อยเกินไป รู้แค่อายุกับพรสวรรค์ของมันเท่านั้น นอกจากนี้แล้วเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย”
“ตอนนี้การเชื่อมต่อของสายลับเราขาดหายไปแล้ว นั่นแปลว่าสายลับของเราถูกจับได้และถูกสังหารไปเรียบร้อย แล้วตระกูลจางก็เริ่มปิดข่าวทุกอย่างในทันที ดังนั้นเราต้องกระจายตัวกันหาข่าวสารฑูตคนที่แปดในพื้นที่เขต 18 และชี้เป้าให้มือสังหารไปจัดการ”
“ซิ่วหมิ่ง งานนี้ฉันมอบให้นายไปจัดการ!!”
1 ในสมาชิกระดับสูงตระกูลหยวนลุกขึ้นพร้อมกับตอบรับ
“รับคำสั่งท่านผู้นำ”
“ถึงจะน่าเสียดายที่ต้องฆ่าอัจฉริยะผู้นี้ด้วยมือตัวเองก็ตาม…แต่จะมาโทษพวกเราก็ไม่ได้ ในเมื่อเขาเลือกที่จะเข้ากับตระกูลจางเอง!!”
น้ำเสียงของหยวนเฟ่ยเคอนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร
….
ในเวลาเดียวกันซู่เสี่ยวไป่ก็กลับมาถึงบ้านแล้ว
เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทุกย่างก้าวของเขามีคนคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา
“พี่!! พี่กลับมาแล้ว!!”
เมื่อซู่หลิงเกอเห็นซู่เสี่ยวไป่กลับมา เธอก็ยิ้มร่าออกมาอย่างมีความสุข
“น้องหลิงมานี้เร็ว มาเขียนชื่อน้องลงไปในบัตรนี้”
ซู่เสี่ยวไป่ได้ให้บัตรประจำตัวบุคคลพื้นที่ส่วนในกับซู่หลิงเกอ
เพราะสำหรับเขาแล้ว การเป็นบุคคลคนส่วนนอกหรือส่วนในก็ไม่ได้มีความหมายแต่อย่างใด
แต่สำหรับซู่หลิงเกอนั้นต่างออกไป เพราะหากมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับเธอ ตอนที่ซู่เสี่ยวไป่ไม่อยู่ บัตรประจำตัวนี้จะเป็นหลักประกันรักษาชีวิตเธอได้