650 - ต่อสู้เป็นตาย
650 - ต่อสู้เป็นตาย
ในเวลานี้ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเฟิง รวมทั้งบุคคลสำคัญอื่นๆต่างตื่นตระหนกและเดินเข้าไปด้วยตนเอง นี่คือชิ้นส่วนร่างกายของสิ่งมีชีวิตอมตะโบราณอย่างแน่นอน
“ใช่ นี่คือเขาศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งมีชีวิตอมตะระดับราชวงศ์โบราณ มันสามารถเปิดท้องฟ้าและแยกปฐพีได้ มันเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบ!” บุคคลระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ยกย่อง
“ของชิ้นนี้ต่อให้อยู่ในมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังถือเป็นสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุด”
“แม้ว่าจะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย แต่นี่ก็เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้!” ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนกล่าวด้วยความอิจฉา
ในขณะเดียวกันผู้คนจากนิกายจื่อเว่ยล้วนอยากอาเจียนเป็นเลือด สมบัติศักดิ์สิทธิ์นี้ตั้งอยู่ในลานพนันหินของพวกเขามานับหมื่นปีแต่พวกเขากลับไม่เคยให้ความสนใจ
เฟิ่งหวงและลูกศิษย์ของตระกูลเฟิงแสดงท่าทีตกใจ หินสีดำนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ล้ำค่าจนพวกเขาไม่สามารถหาคำพูดใดๆมาตำหนิได้
“นี่ไม่ใช่แค่สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดามันสามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะการบดเป็นผงจะทำให้ผู้รับประทานสามารถถอนพิษร้ายได้ทุกชนิด ส่วนวิธีการใช้งานอย่างอื่นมันแล้วแต่ความรู้ของผู้นำไปใช้!”
ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้รับความเคารพอย่างสูงในดินแดนรกร้างตะวันออก ดังนั้นคำพูดของพวกเขาจึงเชื่อถือได้ และพวกเขาประเมินว่าสมบัติชิ้นนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าต้นกำเนิดบริสุทธิ์สองล้านจิน
แม้แต่เย่ฟ่านก็ยังตกตะลึง เขาไม่ได้ตั้งใจจะส่งเครื่องรางอันล้ำค่าเช่นนี้ออกไป ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง
“ของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่าเกินไป ข้ารับไม่ได้” ราชันศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลเฟิงเป็นชายวัยกลางคนผู้สูงศักดิ์ เขาส่ายหน้าและไม่ยอมรับของขวัญวันเกิดที่เย่ฟ่านมอบให้
เย่ฟ่านยิ้มและกล่าวว่า "ผู้อาวุโสโปรดอย่าตะขิดตะขวงใจ ครั้งก่อนเมื่อท่านให้ต้นกำเนิดสามล้านจินแก่ข้าทำไม่ขมวดคิ้วด้วยซ้ำ สมบัติชิ้นนี้เป็นผู้เยาว์ตั้งใจจะมอบเป็นของขวัญให้ผู้อาวุโสอยู่แล้ว"
"ก็ดี แต่ถึงกระนั้นก็เหมือนข้าเอาเปรียบเจ้าอยู่" เขาพยักหน้า และในขณะเดียวกันก็ใส่ใจอาการบาดเจ็บของเย่ฟ่านอย่างยิ่ง และได้ให้ลูกหลานของตระกูลเฟิงไปนำยาศักดิ์สิทธิ์ออกมามอบให้เย่ฟ่าน
ในเวลานี้เหล่าสาวกของตระกูลเฟิงต่างเขินอายและพูดไม่ออกเฟิงเลี่ยน้องชายของเฟิ่งหวง เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า
"พี่เย่ ไม่ทราบว่าเจ้าจะสอนวิธีดูหินต้นกำเนิดให้ข้าได้หรือไม่ ข้าไม่ได้ต้องการความรู้ที่ลึกซึ้ง แต่ขอเพียงพอรู้อยู่บ้างก็พอ"
เย่ฟ่านชำเลืองมองเด็กน้อยคนนี้และรู้สึกประทับใจเล็กน้อย หลังจากไม่พบกันหลายเดือนดูเหมือนว่าเขาจะเติบโตมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่เขาต้องการสนทนากับอันเหมียวอี้และมาขอร้องเย่ฟ่านให้เป็นคนกลาง เรื่องนี้ยิ่งทำให้เย่ฟ่านหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
เย่ฟ่านพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเองและมีเสียงหัวเราะระหว่างพวกเขาดังขึ้นตลอดเวลา แต่ทันใดนั้นเฟิ่งหวงก็ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวอยู่ไม่ไกล
"เฟิงเลี่ยมานี่!"
หลี่เหอซุยที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะและกล่าวว่า "เลี่ยจื่อน้อย ถ้าเจ้าไม่ไปข้าจะให้หินต้นกำเนิดสามก้อนสำหรับเจ้า"
"จริงเหรอ ของปลอมหรือเปล่า?" ดวงตาของเฟิงเลี่ยเป็นประกาย
“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง อย่าลืมว่าเราสองคนเป็นผู้ที่ตัดสมบัติหายากจำนวนมากในเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนทางเหนือ เจ้ายังไม่เชื่อข้าอีกเหรอ?” หลี่เหอซุยหัวเราะ
“ตกลง ข้าไม่ไป ข้าจะไปเที่ยวกับพวกเจ้า” เฟิงเลี่ยนั่งลงที่โต๊ะกับพวกเขาและเพิกเฉยต่อคำพูดของเฟิ่งหวงทันที
“เฟิงเลี่ย…” เฟิ่งหวงส่งเสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง
“พี่ใหญ่อย่าบังคับข้าอีกเลย ตอนนี้ข้าโตแล้ว” เฟิงเลี่ยพึมพำ
สาวกคนอื่นๆของตระกูลเฟิงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คิดว่าเฟิงเลี่ยจะใจแข็งขนาดนี้ เขาถึงกลับหักหาญคำพูดของเฟิ่งหวงเพื่อคบหากับเย่ฟ่าน
เฟิ่งหวงชี้มาที่เย่ฟ่านด้วยความโกรธ และในที่สุดก็สะบัดหน้าจากไป
“พี่เย่จะทำอย่างไรหลังจากครึ่งเดือนข้างหน้า?” จู่ๆบุตรศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วงก็กล่าวด้วยความเย็นชา
คนคนนี้ผูกใจเจ็บต่อเย่ฟ่าน เพราะครั้งหนึ่งเย่ฟ่านเคยจับตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วงซึ่งเป็นคู่หมั้นของเขาไป เรื่องนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายเป็นอย่างมากในเมืองศักดิ์สิทธิ์
เพราะแม้แต่ผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วงก็มีทีท่าว่าจะยกนางให้กับเย่ฟ่าน หากไม่ใช่ว่าเย่ฟ่านเป็นคนอายุสั้นบางทีผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วงคงแสดงท่าทีไปแล้ว
“ถูกต้อง ข้าต้องตัดสินใจภายในครึ่งเดือน ข้าไม่มีเวลารอ ข้ามีเวลาไม่มาก” เย่ฟ่านพยักหน้า
หลายคนมีความคิดแปลก ๆ แม้ว่าเย่ฟ่านจะทำลายฐานการบ่มเพาะของเขาและกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ความรู้เกี่ยวกับต้นกำเนิดสวรรค์ของเขานั้นยังคงเพียงพอที่จะทำให้เขามีชีวิตความเป็นอยู่สุขสบายราวกับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่
"เจ้าผีอายุสั้น ในเมื่อเจ้าจะตายอยู่แล้วทำไมไม่ตายในมือของข้า"
ราชาเผิงน้อยปีกทองก้าวไปข้างหน้า นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้ายและโหดเหี้ยม
"ในเมื่อเจ้ายังมีเวลาอยู่สองสามวันถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ออกไปต่อสู้กันและให้ข้าได้ฆ่าเจ้าด้วยตัวเองจะไม่ดีกว่าหรือ!"
"นกน้อยเจ้าหมดความอดทนแล้วหรือไม่" เย่ฟ่านพูดอย่างเย็นชา
“โลกนี้ไม่มีที่จะให้เจ้ายืนอีกต่อไป แม้แต่ราชาสวรรค์ผู้อาวุโสยังช่วยเหลือเจ้าไม่ได้ดังนั้นเจ้าก็ควรออกเดินทางได้แล้ว!” ราชาเผิงน้อยปีกทองค่อนข้างหยิ่งผยอง และในดวงตาสีทองของเขา เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
“เจ้าลืมไปหรือเปล่าว่าข้าหักกระดูกเจ้าเมื่อการต่อสู้ครั้งที่แล้ว?” เย่ฟ่านหัวเราะ
“ครั้งสุดท้ายที่ข้าจะพ่ายแพ้แก่เจ้าก็เพราะข้ามัดมือมัดเท้าของตัวเอง วันนี้ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆและมอบเลือดของเจ้าให้ทุกคนที่อยู่ในงานได้ดื่มร่วมกัน!” เสียงของราชาเผิงน้อยปีกทอง แข็งแกร่งและทรงพลัง
“ดูเหมือนว่าการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับข้าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น พวกเราควรออกจากเกาะแปดร้อยเทพและอย่าสร้างปัญหาในวันสำคัญของตระกูลเฟิงจะดีกว่า!” เย่ฟ่านยืนขึ้น
“นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ!”
ราชาเผิงน้อยปีกทองเปิดเผยความรู้สึกอย่างดุเดือด ไอสังหารของเขาถูกปลดปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ราชาเผิงน้อยปีกทองเปรียบเสมือนเทพปีศาจ ทำให้คนรุ่นหลังหลายคนหวาดกลัว มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าต่อสู้กับเขา และตอนนี้เขากำลังจะเผชิญหน้ากับร่างศักดิ์สิทธิ์
จุดจบของเย่ฟ่านกำลังใกล้เข้ามา แต่พลังของเขายังคงเฟื่องฟู
ตอนนี้เขาจะต่อสู้กับราชันเผิงปีกทอง และเป็นไปได้มากว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกคนที่ถูกเขาฆ่าตาย
“นกน้อยตัวนี้หยิ่งยโสจริงๆ เจ้าอย่าลืมเอาปีกของมันมาทำน้ำแกงด้วย!” จักรพรรดิดำแยกเขี้ยว
“เจ้าหมาน้อย ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเหมือนกัน!” ราชาเผิงน้อยปีกทองกวาดสายตาอย่างเย็นชา
“ข้าหวังว่ามือของเจ้าจะแข็งเหมือนกับปาก เพราะไม่อย่างนั้นมันคงน่าเบื่อมากเกินไป” เย่ฟ่านมีรอยยิ้มที่ไม่แยแสที่มุมปากของเขา
“อย่ากังวล วันนี้แม้แต่วิญญาณของเจ้าก็จะถูกทำลาย” ดวงตาของราชาเผิงน้อยปีกทองเต็มไปด้วยความก้าวร้าว
เย่ฟ่านจ้องมองอย่างเฉยเมย การเอาชนะทางคารมนั้นเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และเขาตั้งใจแล้วว่านกน้อยตัวนี้จะต้องตายอย่างทรมานมากที่สุด
ราชาเผิงน้อยปีกทองยิ้มและส่งเสียงส่งไปยังผู้บ่มเพาะทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยง
“เชิญทุกท่านร่วมเป็นพยานการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ด้วย”
“พวกเราจะพลาดการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่แบบนี้ได้อย่างไร” บุตรศักดิ์สิทธิ์เหยากวงพยักหน้าส่งเสียงสนับสนุนขึ้นทันที
เฟิ่งหวงก็ยิ้มจางๆและเดินเข้าไปกล่าวเสียงไพเราะ "ข้าจะตั้งตาเอาใจช่วยพี่เผิง!" พูดจบนางก็หันไปมองเย่ฟ่านด้วยความเกลียดชังอีกครั้ง "ข้ารอแทบไม่ไหวแล้ว!" “
“ไปเถอะ ข้ารอที่จะฆ่าเจ้าไม่ไหวแล้ว!” เย่ฟ่านกล่าวเพียงเท่านี้ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและบินออกไปนอกเกาะ
ในเวลานี้เป็นเวลาเที่ยงวัน และดวงอาทิตย์ที่แผดเผานั้นเปรียบเสมือนเตาไฟขนาดยักษ์ และทำให้ดินแดนแถบนี้เกิดความร้อนอย่างถึงที่สุด
พวกเขาอยู่ห่างจากเกาะศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลเฟิงมากกว่า 500 ลี้ จากนั้นพวกเขาก็หยุดลง ภูเขาที่ไม่มีที่สิ้นสุดด้านล่าง มีหุบเขาตั้งอยู่มากมาย และหุบเขาก็มีระดับความสูงที่แตกต่างกันพอสมควร
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยผู้ฝึกตน ทุกคนต่างจ้องมองไปที่คนสองคนด้านล่าง นี่คือจุดสนใจของการต่อสู้ ปรมาจารย์รุ่นเยาว์คู่นี้มีความขัดแย้งกันมานานแล้ว และทุกคนต่างรอให้การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้น
ราชาเผิงน้อยปีกทองมีชื่อเสียงในหมู่รุ่นเยาว์ไม่ธรรมดา นี่คือทายาทระดับสูงของเผ่าพันธุ์อสูร กล่าวกันตามตรง แม้ว่าดินแดนรกร้างตะวันออกจะมีผู้คนมากมายแต่ในหมู่คนรุ่นเดียวกันไม่มีผู้ใดมั่นใจว่าจะฆ่าเขาได้
เย่ฟ่านก็มีชื่อเสียงเลื่องลือในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความองอาจกล้าหาญของเขาน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวขึ้นไม่ทราบว่ามียอดฝีมือรุ่นยาวมากมายแค่ไหนที่ตายอยู่ในมือของเขา