ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 8 ฝึกฝนวิชาระดับละเอียดอ่อนในคลิกเดียว
“แค่นี้ก็ดีจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เจ้าระบบ!!”
“ฉันขอกระทืบไลค์ให้รัวๆ เลย ฮ่ะๆๆๆ”
ซู่เสี่ยวไป่ไม่สามารถที่จะหยุดหัวเราะอย่างมีความสุขได้
เงาจะหายไปหรือจะตายอย่างไงก็ช่าง มันไม่ได้สำคัญแม้แต่น้อย!!
ในเมื่อมันสามารถเกิดใหม่ได้เอง
แม้ว่าเวลาต่อสู้กับพวกสัตว์อสูรร่างเงาอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย เพราะการสู้เองก็ดีกว่า
ซู่เสี่ยวไป่ได้ลองนึกภาพที่ระบบคอยออกล่าสัตว์อสูรให้ และซู่เสี่ยวไป่ไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย ก็ได้สิ่งของมีค่ากลับมาขายเป็นเงิน
เม็ดเงินจำนวนมากที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาแบบไม่ขาดสาย และซู่เสี่ยวไป่มีหน้าที่แค่นำสิ่งของไปแลกเงินแล้วนำเงินมาเพิ่มระดับให้กับ พื้นที่ฝึกฝน พื้นที่ฝึกวิชา และออกล่าสัตว์อสูร
ยิ่งระดับความสามารถสูงมากขึ้นเท่าไร ซู่เสี่ยวไป่ก็ยิ่งเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น
ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งล่าสัตว์อสูรที่ดุร้ายมากขึ้นได้ ของที่ได้จากสัตว์อสูรก็มีมูลค่ามากขึ้น
ได้ทั้งความแข็งแกร่งและเงิน แบบนี้เรียกว่าเสือนอนกินสบายใจเฉิบ!!!
“แล้วออกล่าอสูรในคลิกเดียวมีการเร่งเวลาเหมือนกับอันอื่นไหม?”
ซู่เสี่ยวไป่ถามต่อทันที
“-ไม่เจ้านาย แต่เมื่อเพิ่มระดับจะมีร่างเงาได้สองร่างและสามารถออกล่าคนละพื้นที่ได้ ใช้เงินค่าเพิ่มระดับ 2 ทั้งหมด 1.2 ล้านเหรียญจิต-”
“-ที่ระดับ 3 จะใช้เงิน 3.6 ล้านเหรียญจิต และมีร่างเงาทั้งหมด 3 ร่าง-”
เชรดเข้!!
ยิ่งระดับสูงยิ่งโครตโกง
ตอนแรกซู่เสี่ยวไป่คิดว่าการเพิ่มระดับความสามารถล่าอสูรในคลิกเดียว จะทำให้เวลาในการออกล่าเร็วขึ้นเหมือนกับความสามารถอื่น ไม่คิดว่าจะได้ร่างเงาเพิ่มและช่วยกันออกล่า หรือส่งไปออกล่าคนละพื้นที่ได้ เท่ากับว่าถ้ามีความสามารถล่าอสูรในคลิกเดียวระดับสอง เขาจะมีร่างเงาออกไปหาของได้มากขึ้นสองเท่า!!
ติดอยู่อย่างเดียวก็คือจำนวนเงินที่ใช้ในการเพิ่มระดับนั้นแพงมาก
มันแพงกว่าพื้นที่ฝึกฝนและพื้นที่ฝึกวิชาหลายเท่าตัว
“ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าความสามารถสุดโกงแบบนี้จะถูกๆ ได้ยังไง”
“ยิ่งค่าเปิดใช้แพงเท่าไร ค่าเพิ่มระดับก็แพง และยิ่งขี้โกงก็ยิ่งแพงขึ้นไปอีก..”
แต่ซู่เสี่ยวไป่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดี
วันใดที่เขาแข็งแกร่งขึ้นมา เงินก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา
“ยังเหลือเงินอยู่อีก 200,000 เหรียญจิต เรามีพื้นที่ฝึกวิชาอยู่ คงถึงเวลาที่ฉันต้องไปเรียนรู้วิชาใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งแล้ว”
“200,000 คงพอที่จะเรียนวิชาระดับละเอียดอ่อนได้สักสองสามวิชามั้ง…”
วิชาระดับฝึกหัดนั้นคือวิชาระดับเดียวกับฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน วิชานี้เป็นแค่วิชาทั่วไปสำหรับการเริ่มฝึก แต่นอกจากวิชาฝึกฝนร่างกายพื้นฐานแล้ว ยังมีวิชาอื่นอีกแต่ยากที่จะหามาฝึกฝน
ที่เหนือกว่าวิชาระดับฝึกหัดก็คือวิชาระดับละเอียดอ่อน
ซึ่งหาได้ยากมาก
เป็นระดับที่ใครๆ ก็ต่างต้องการไว้ในครอบครอง
อย่างตระกูลจางนั้นก็สูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากกับการซื้อหาวิชาเหล่านี้มาเก็บไว้กับตัว เพื่อให้คนภายในตระกูลได้ฝึกฝน
แต่หากว่าไม่ได้มีผลการเรียนที่ดีในโรงเรียนและขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะหัวกะทิ ไม่มีทางมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้วิชาเหล่านี้แน่
แต่ก็ยังพอหาเรียนรู้ได้ หากไปยังศาลาศาตร์แห่งการต่อสู้ที่อยู่ในหอฝึกยุทธ จะมีวิชาเหล่านี้ให้เช่าเรียนแต่ต้องจ่ายในราคาที่สูงลิบในการเรียนขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 เหรียญจิต
นี้เป็นเหตุผล ที่ทำให้ผู้ฝึกตนนั้นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการฝึกฝน
คนทั่วไปจะมีปัญญาหาเงินจำนวนมากขนาดนี้มาจากไหน?
แต่ซู่เสี่ยวไป่มีเงินเหลืออยู่ 200,000 อีกทั้งมีระบบช่วยฝึกอีก เขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอยู่ภายในนั้นนาน ขอแค่เขาจำเนื้อหาของวิชาได้ก็พอ
ทั่วไปเงิน 200,000 คงไม่พอที่จะฝึกขั้นละเอียดอ่อนได้ทันสำเร็จขั้นฝึกหัดด้วยซ้ำ
แต่ในเมื่อซู่เสี่ยวไป่มีระบบทำให้ศาลาแห่งการต่อสู้เป็นดังคลังวิชาสำหรับเขา
“วิชาขั้นละเอียดอ่อนจ้าา พี่เสี่ยวไป่มาแล้ว!!!”
……
=ในพื้นที่บ้านตระกูลจาง=
ตอนนี้จางเหิงซิงกำลังคำนับต่อหน้าชายวัยกลางคนหลายคน และเล่าว่าวันนี้เข้าไปเจออะไรมา
ในที่แห่งนั้นมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมีคิ้วแหลมคมราวกับดาบแววตาลึกล้ำชายผู้นี้คือพ่อของจางเหิงซิง นามว่าจางเหิงล่ง เป็นผู้นำตระกูลจางในตอนนี้ และอยู่ในเขตแดนยอดยุทธขั้นสูง
เขาผู้นี้อยู่ห่างจากเขตแดนจ้าวยุทธเพียงก้าวเดียว
เมื่อใดก็ตามที่เขาสามารถก้าวสู่เขตแดนจ้าวยุทธได้ ตระกูลจางจะถูกยกระดับขึ้นอีกขั้นทันทีแล้ว กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจในเขตที่18
“เหิงซิง ลูกคิดดีแล้วใช่ไหม ที่ให้เงินกับเพื่อนในชั้นเรียนของลูก แถมยังให้เขามาเป็นฑูตของตระกูลเราอีก?”
แล้วก็มีชายวัยกลางคนอีกคนพูดขึ้นแทรกอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่มันสิ้นคิดที่สุด!”
ชายผู้นี้ชื่อจางเหิงเต๋อ เป็นอาของจางเหิงซิง
เขาอยู่ในเขตแดนยอดยุทธเช่นเดียวกัน แค่น้อยกว่าจางเหิงล่ง 1 ขั้น
และรอบๆ คือผู้อาวุโสของตระกูลจางอีกหลายคน ทั้งหมดล้วนอยู่ในเขตแดนยอดยุทธทั้งสิ้นอยู่ในขั้นแรกถึงกลาง ทุกคนในที่แห่งนี้คือขุมอำนาจของตระกูลจาง
“ท่านอา ความสามารถในการฝึกบ่มเพาะของเขาสูงมาก ผมเห็นมากับตา ว่าเขาทะลวงผ่านจากกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นแรกไปขั้นสูงในเวลาเดือนกว่า ผมมั่นใจว่าพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขาต้องอยู่ในขั้นสูงอย่างแน่นอน!!”
จาเหิงซิงรีบอธิบายทันที
“เขาเหมาะสมที่จะเป็นฑูตของตระกูลจางได้ ผมเชื่อว่าเขาต้องมีพรสวรรค์ที่แอบแฝงไว้อีก และจะเป็นกำลังให้กับตระกูลจางของเรา”
“กับอีกแค่พรสวรรค์ในการบ่มเพาะสูงจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ พูดก็พูดเถอะ ให้เด็กน้อยอายุเท่านี้มาเป็นฑูตของตระกูลจางของเรา เรื่องนี้หากหลุดออกไปแล้วละก็สกุลจางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้!!”
จางเหิงเต๋อด่าจางเหิงซิงทันที
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของจางเหิงเต๋อ
ผู้ที่ดำรงตำแหน่งฑูตของตระกูลจางทุกคนล้วนอยู่ในเขตแดนยอดยุทธทั้งหมด
ยิ่งฑูตแข็งแกร่งเท่าไร ก็ไม่มีใครกล้าที่จะยุ่งหรือคิดร้ายกับตระกูล
แล้วที่จางเหิงซิงไปเอาเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนมาเป็นฑูตของตระกูลจาง แถมยังอยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธอีก นี้มันเรื่องบ้าบอคอแตกขนาดไหนกัน
“น้องสอง..”
จางเหิงล่งยกมือขึ้นปรามจางเหิงเต๋อให้หยุด ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ จางเหิงซิงด้วยสายตาที่คมดุจใบมีด
“เหิงซิง หากว่าเพื่อนร่วมชั้นของลูกมีพรสวรรค์ในการฝึกบ่มเพาะในขั้นสูงจริง พ่อจะยอมรับเขาในฐานะฑูตของตระกูล แต่หากว่าต่ำกว่านั้นเราจะไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไปตกลงไหม..”
การจเฟ้นหาผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะขั้นสูงในพื้นที่เขต 18 นั้นเป็นเรื่องยากลำบากมาก ใครกันจะไม่ชอบหากสามารถดึงตัวผู้นั้นมาอยู่ฝั่งตัวเองได้
ขั้นกลางก็ถือว่าเป็นหัวกะทิแล้ว มีโอกาสที่พวกเขาจะเติบโตเป็นจ้าวยุทธ
ส่วนพรสวรรค์ขั้นพื้นฐานนั้นไร้ประโยชน์
“พ่อ ไม่ต้องห่วงซู่เสี่ยวไป่จะมาที่ตระกูลในไม่ช้านี้ เมื่อเขามาถึงพวกท่านจะดีใจที่เขาอยู่กับตระกูลจาง”
จางเหิงซิงยิ้มอย่างมั่นใจ
เขาเชื่อว่าเขามองคนไม่ผิด!!
…
=วันรุ่งขึ้นที่หอฝึกยุทธ ที่ชั้นสามของหอฝึกยุทธ ณ ศาลาศาตร์แห่งการต่อสู้=
“*ย่างก้าวใต้พิภพ* วิชาฝึกฝนร่างกายระดับละเอียดอ่อน เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหว 15,000 เหรียญจิตต่อชั่วโมง”
“*เพลงดาบทำลายล้าง* วิชาศาสตร์แห่งอาวุธระดับละเอียดอ่อน รวมเป็นหนึ่งกับดาบเพิ่มพลังทำลายขึ้น 50% 30,000 เหรียญต่อชั่วโมง”
“*อัสนีม่วง* วิชาควบคุมธาตุระดับฝึกหัด สามารถสร้างสายฟ้าออกมาได้ 100,000 เหรียญจิตต่อชั่วโมง”
“พระบิดาเถอะ!! แพงขนาดนี้ใครมันจะเรียนได้วะ!!”