ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 6 พื้นที่ฝึกวิชาในคลิกเดียว
เหมือนฟ้ากำลังประทานโชคลาภแกซู่เสี่ยวไป่
เขามีความคิดที่ว่ามารับเงิน 300 เหรียญจิตแล้วกลับ และต่อจากนี้ต้องรู้จักใช้เงินให้ประหยัด แต่ถึงยังงั้นเขาก็ไม่อยากจะปฏิเสธข้อเสนอของจางเหิงซิงที่จะมอบเงินให้เข้า 1 ล้านเหรียญจิตเช่นกัน
ด้วยเงินจำนวนนี้ไม่ใช่แค่เขาจะเปิดใช้ความสามารถใหม่ได้ แต่จะสามารถเพิ่มระดับระบบได้อีกด้วย
ยิ่งทำเพิ่มความเร็วให้การบ่มเพาะของเขาราวกับก้าวกระโดดเป็นสองเท่า
หวานเจี๊ยบ!!!!
แล้วซู่เสี่ยวไป่ก็่ได้เซ็นลงนามในสัญญาการเข้าร่วมกับตระกูบจาง
โดยในสัญญาสถานะของซู่เสี่ยวไป่คือฑูตของตระกูลจาง ต่างจากเป็นคนของตระกูล
1.คือฑูตไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งจากตระกูลต้นสังกัดทั้งหมด
2.ถ้าทางตระกูลที่สังกัดต้องการความช่วยเหลือจากฑูต ผู้เป็นฑูตมีสิทธิ์ที่จะช่วยหรือไม่ช่วยก็ได้แล้วแต่การตัดสินใจของฑูต
แค่สัญญาสองข้อนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ซู่เสี่ยวไป่นั้นยอมเซ็นสัญญาด้วย
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความความจริงใจของจางเหิงซิงว่ามีมากแค่ไหน
หากเป็นสัญญาแบบที่ต้องมอบทั้งชีวิตและทำตามคำสั่งอย่างถวายหัวเพื่อแลกเงินแล้ว ซู่เสี่ยวไป่คงปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่เมื่อได้อ่านข้อตกลงแล้วทำให้ซู่เสี่ยวไป่ตกลงอย่างไม่ลังเล
ถึงยังงั้นในข้อสัญญาบางข้อก็ยังมีระบุอยู่บ้าง
ว่าหากตกลงเป็นฑูตของตระกูลต้นสังกัดแล้ว จะไม่สามารถไปเข้าร่วมกับตระกูลอื่นได้ หากทำจะถือเป็นการผิดและละเมิดสัญญา
และฑูตเองต้องช่วยเหลือตระกูลอย่างหน่อย 1 ครั้งต่อเดือน ค่าตอบแทนจะขึ้นอยู่กับว่าช่วยเหลือตระกูลมากน้อยแค่ไหน
“จางเหิงซิง ขอคารวะผู้มีเกียรซู่”
หลังจากลงนามเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว จางเหิงซิงก็ทำการโค้งคำนับให้กับซู่เสี่ยไป่
“ไม่เอาๆ เรากับนายก็อายุไล่ๆ กันแถมยังเรียนอยู่ชั้นเดียวกันอีก จะมาเรียกท่าน ๆ คุณๆ ไม่เอาหรอกเรียกฉันเสี่ยวไป่ก็พอ”
เวลานี้ซู่เสี่ยไป่รู้สึกดีจนบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยสนเรื่องยศถามาก่อนก็ตาม
“ไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้ผู้มีเกียรเป็นฑูตของตระกูลจางแล้ว การเรียกเช่นนี้ถือเป็นการให้เกียร”
ในฐานะคนตระกูลจางแล้ว จางเหิงซิงนั้นถือว่าได้รับการอบรบสั่งสอนเรื่องมารยามาดีมาก
“โอเคๆ ฉันไม่เถียงกับนายแล้วก็ได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันกลับบ้านก่อนนะ”
ซู่เสี่ยวไป่รีบบอกลาเพื่อจะกลับบ้าน เวลานี้เขาอยากจะกลับไปเปิดใช้ความสามารถใหม่จะแย่อยู่แล้ว
“ผู้มีเกียรซู่ ไหนๆ ก็ได้เข้าร่วมกับตระกูลจางแล้ว ไม่ทราบว่าผู้มีเกียรจะไปเยี่ยมเยียนตระกูลจางได้ไหม”
ก่อนซู่เสี่ยวไป่จากไป จางเหิงซิงก็รีบถามก่อน
“ได้แล้วอยู่”
ซู่เสี่ยวไป่รีบตอบตกลง
อีกฝั่งให้เงินฉันต้อง 1 ล้านเหรียญจิต แล้วต้อนนี้ฉันก็จะเป็นฑูตของตระกูลเขา จะไม่ให้ไปเลยได้ยังไง
“ยินดีอย่างยิ่ง ผมจะรอการมาของผู้มีเกียรซู่ครับ”
แล้วจางเหิงซิงก็ได้มองดูซู่เสี่ยวไป่เดินจากไป
“ฮะ-ฮะๆๆ ยอดเยี่ยม ตอนนี้ฉันคว้าตัวอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะสูงแบบนี้มาเข้าร่วมกับตระกูลจางได้แล้ว ต่อจากนี้ตระกูลจางจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่อย่างแน่นอน”
จางเหิงซิงเวลานี้ดูภาคภูมิใจอย่างมาก
ซู่เสี่ยวไป่จะกลายเป็นไพ่ลับบนมือของตระกูลจางในวันข้างหน้า
และต้องกล่าวเลยว่าจางเหิงซิงนั้นคิดไม่ผิด
ในวันข้างหน้าซู่เสี่ยวไป่จะเป็นมากกว่าอสูรร้ายของตระกูลจาง
แต่ซู่เสี่ยวไป่นั้นจะเป็นเหมือนระเบิดปรามณูที่พร้อมจะกวาดล้างทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากอง
….
ทั้งเดินทั้งวิ่งมาตลอดทาง ซู่เสี่ยวไป่นั้นรีบกลับบ้านโดยที่ไม่สนใจทักทายเพื่อนบ้านสักคน
“กลับมาแล้วหรอพี่”
“ฉันเตรียมข้าวไว้ให้แล้ว มากินก่อนสิ”
ซู่หลิงเกอนั้นอยู่ในห้องครัวพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนสดใสของเธอ เมื่อได้เห็นซู่เสี่ยวไป่
“ได้เลย เดียวพี่มากินนะ!!”
ซู่เสี่ยวไป่ตอบกลับพร้อมกับวิ่งเข้าห้องไป
“-ติ๊ง ระบบตรวจเจอว่าเจ้านายมีเงิน!!!-”
“-เจ้านายที่รัก ต้องการใช้เงิน 200,000 เหรียญจิตเพื่อเปิดใช้งานความสามารถใหม่หรือไม่?-”
ระบบส่งเสียงดังถามอยู่ตลอดเวลา
“โอ้ยรู้แล้วๆ นี้แกเล่นแจ้งเตือนมาตลอดทางเลยนะ ไอ้ระบบหน้าเลือด”
ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
ระบบนี้จะคอยแต่สูบเงินจากเขาจริงๆ
เวลาไม่มีเงินนี้เงียบกริบ
พอเห็นมีเงินให้หน่อย ก็โผล่หัวออกมาพูดไม่หยุดเลย
“-เจ้านายที่รัก ต้องการใช้เงิน 200,000 เหรียญจิตเพื่อเปิดใช้งานความสามารถใหม่หรือไม่?-”
ระบบก็ยังถามไม่หยุดเช่นเดิม
“นี้ที่ด่าไปไม่ได้ช่วยให้สำนึกเลยใช่ไหม เออๆ เปิดใช้เปิดใช้”
แม้ว่าน้ำเสียงเสียงของซู่เสี่ยวไป่นั้นจะดูรำคาณก็ตาม แต่ใบหน้าของเขากลับแสดงสิ่งที่ตรงข้ามกับน้ำเสียงของเขา
“-ติ๊ง เปิดใช้งานความสามารถ-”
“-ขอแสดงความยินดีด้วยเจ้านาย เจ้านายได้ความสามารถ *พื้นที่ฝึกวิชาในคลิกเดียว*-”
เมื่อสิ้นเสียงของระบบ สติของซู่เสี่ยวไป่ก็ดำดิ่งลงไปในมิติภายในจิตใจทันที
วินาทีต่อมาเขารู้สึกตัวอีกครั้ง
ซู่เสี่ยวไป่มาอยู่ในพื้นที่โล่งและว่างเปล่า
ที่ด้านหน้าของเขามีเงาที่กำลังฝึกบ่มเพาะอยู่ และมีอีกเงาก่อร่างขึ้น
เงานั้นยืนตรงแข็งทื่อราวกับท่อนเหล็ก และก็เช่นเดิมรูปร่างของเงาคือเงาของซู่เสี่ยวไป่
“-ติ๊ง เจ้านายระบบไม่พบวิชาที่ไว้สำหรับใช้ฝึก โปรดใส่วิชาในการฝึก-”
ระบบแจ้งเตือนอีกครั้ง
“งั้น เอาเป็นวิชา[ฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน] เพิ่มลงไป”
ซู่เสี่ยวไป่ตอบกลับไป
[ฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน] เป็นหลักสูตรการฝึกฝนออกกำลังกายของโรงเรียน เป็นการออกกำลังกายแบบพื้นฐานสำหรับเตรียมเป็นผู้ฝึกตน ที่จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนที่จะเป็นผู้ฝึกตนควรมี
เหตุผลที่ซู่เสี่ยวไป่ไม่มีวิชาติดตัวเลย เพราะเขานั้นสมองทึบเกินไปไม่สามารถที่จะเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ และเขาเองก็ไม่ขยันฝึกฝนอีกด้วย ทำให้เขานั้นไม่ถึงขั้นไหนของวิชา[ฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน] เลยแม้แต่ขั้นเดียว
แต่จะโทษซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่ได้
เพราะเขารู้ตัวเองดี ว่าเขานั้นไร้ซึ่งพรสวรรค์จะฝึกไปก็ไร้ค่า ตอนนั้นเขาจึงเลือกเส้นทางสายวิชาการที่จะทำให้เขาได้มีงานดีมีหน้ามีตาในสังคมในวันข้างหน้า ทำให้เขาละทิ้งเส้นทางของผู้ฝึกตนไปช่วงแรกของวัยเรียน
“-ค้นหาความทรงจำของเจ้านาย-”
“-พบวิชาฝึกฝนร่างกายพื้นฐานแล้ว……ทำการเรียนรู้……เรียนรู้สำเร็จ-”
“-ใส่การฝึกวิชาเรียบร้อยแล้ว-”
ทันทีที่เสียงของระบบสิ้นสุดลง เงาของซู่เสี่ยวไป่ที่ยืนนิ่งอยู่ก็เริ่มขยับ และออกทางท่าต่างๆ
“ออกท่าได้ตรงกับตำราเลย”
ภายในแววตาของซู่เสี่ยวไป่นั้นแสดงออกถึงความชื่นชม
[วิชาฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน] ที่ร่างเงานั้นกำลังออกท่าทางนั้น เรียกได้ว่าถูกต้องทุกระเบียบนิ้วจนแม้แต่ครูผู้ฝึกสอนมาเห็นยังต้องอาย
ใช้เวลาเพียง 5 นาที ของการฝึก [ฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน] ก็บรรลุถึงขั้นพื้นฐาน
“สบายจัง…”
เมื่อร่างเงาฝึกเสร็จแล้ว ซู่เสี่ยวไป่ก็รู้สึกราวกับแช่อยู่ในกระแสน้ำอุ่นอีกครั้ง และรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของร่างกายได้
“-ติ๊ง วิชาฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน ถึงขั้นพื้นฐานแล้ว-”
ทันใดระบบก็แจ้งข้อมูลให้รู้
“ว่าไงนะ ทำไมเร็วขนาดนี้!?”
ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับตกตะลึง
ต้องเข้าใจก่อนว่าการฝึกฝนวิชานั้นต่างจากการฝึกบ่มเพาะ
การฝึกวิชาจะกินเวลาและพละกำลังมากกว่า และต้องฝึกฝนอน่างสม่ำเสมอพร้อมตั้งเข้าใจวิชาอย่างถ่องแท้ด้วย
คนอื่นๆ ที่ฝึกวิชาฝึกฝนร่างกายพื้นฐานให้อยู่ในขั้นพื้นฐานนั้น ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเข้าใจและต้องฝึกอย่างต่อเนื่องทุกวัน
แต่เขาร่างเงาของเขากลับใช้เวลาฝึกเพียงนิดเดียว
“พื้นที่ฝึกฝนวิชาในคลิกเดียว การฝึกทุกๆ 5 นาที จะเทียบเท่ากับฝึก 24 ชั่วโมงแบบต่อเนื่อง!! ด้วยความเร็วในการฝึกนี้ คงไม่เกิน 2 - 3 วัน วิชาฝึกฝนร่างกายพื้นฐานต้องอยู่ในขั้นสูงสุดอย่างแน่นอน”
ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งนี้มาก
ความสำเร็จในการฝึกฝนวิชานั้นแบ่งออกเป็น 4 ขั้น คือ ฝึกหัด,พื้นฐาน,สูง,สูงสุด
อย่างที่รู้กันว่าวิชาฝึกฝนร่างกายพื้นฐานนั้นเป็นวิชาฝึกหัดเริ่มต้นที่มีระดับต่ำสุด
แต่หากว่าฝึกจนถึงขั้นสูงสุดแล้วละก็จะเห็นผลต่างที่มากมาย
และที่สำคัญเลยซู่เสี่ยวไป่ไม่ต้องฝึกเอง…..