ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 5 1 ล้านเหรียญจิต
หากว่าไม่เห็นกับตาจางเหิงซิงไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้เเด็ดขาด
ใช้เวลา 20 วัน จากขั้นกลางไปขั้นสูงเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธ
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะสูงระดับไหนกัน!!!
“แม่งเอ่ย!! ใช่การฝึกบ่มเพาะจริงๆ ดิ.. เขาทำมันราวกับเป็นเรื่องง่ายๆ ยังกับหายใจเข้าออกยังงั้นแหละ!!”
จางเหิงซิงถึงกับปาขวดน้ำในมือทิ้งทันที
ตอนแรกเขานั้นถูกกระตุ้นให้มีไฟในการฝึกฝนจากซู่เสี่ยวไป่
แต่กลายเป็นว่าผลของการฝึกฝนอย่างหนัก และใช้ทรัพยากรไปมากมายเพื่อเร่งการฝึกบ่มเพาะของตัวเขาเอง เพื่อที่จะได้เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเขาเทียบกับซู่เสี่ยวไป่ทำให้เขารู้สึกท้อแท้จนแทบเอาเชือกผูกคอตัวเองตาย
“เดี๋ยว…ถ้านั้นคืออัจฉริยะตัวเป็นๆ แปลว่าฉันเป็นคนเจอเขาก่อน ฉันจะไม่ยอมให้ตระกูลไหนมาคว้าตัวเขาไปก่อนแน่”
จางเหิงซิงตั้งสติแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนเขานั้นใจเย็นลง
“ถ้าเกิดเราตีสนิทกับเขาได้ และขอให้ค่อยช่วยเหลือตระกูลของเรา ที่นี่และตระกูลจางจะมีหน้ามีตาในเขต 18 เสียที”
ที่เขต 18 มีประชากรทั้งหมด 5 ล้านคน
แม้ว่าตระกูลจางจะเป็นตระกูลที่ร่ำรวยก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงเรื่องอำนาจของตระกูลจางแล้วนั้นน่าอัปยศอดสู
ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่มาที่หอฝึกยุทธหรอก
เพราะโลกใบนี้พวกชนชั้นสูงนั้นไม่ต่างจากราชา
หากใครมีพรสวรรค์ที่ดีและอยู่ในตระกูลมีฐานะ นั้นก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลไปสู่ความรุ่งโรจน์ในวันข้างหน้าได้แล้ว
ทำให้หากตระกูลใดพบเจอเหล่าอัจฉริยะที่ไหนก็ตาม พวกเขาจะพยายามแย่งชิงและทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อซื้อตัวเหล่าอัจฉริยะเหล่านั้นให้มาอยู่กับตระกูลทันที
“ซู่เสี่ยวไป่!!!”
เมื่อคิดได้จางเหิงซิงก็โยนความคิดทุกอย่างออกไป และวิ่งไล่ตามซู่เสี่ยวไป่ไปในทันที
“หือ?”
ซู่เสี่ยวไป่หันกลับมาตามเสียงเรียก และเห็นจางเหิงซิงที่ตอนแรกเขาเองก็ยังจำหน้าไม่ค่อยได้ว่าเป็นใคร ก่อนที่ข้อมูลของจางเหิงซิงจะเข้ามาในหัวของเขา
มนุษย์ : จางเหิงซิง
เขตแดน : กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
ระดับพละกำลัง: กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
ระดับความคงทน: กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นกลาง
ระดับความว่องไว: กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
พรสวรรค์บ่มเพาะ: พื้นฐาน
วิชา: เพลงทวนผีเสื้อมายา(ฝึกหัด) ,ราชาพยัคฆ์ (พื้นฐาน)
“อยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นแรก แต่กลับมาความคงทนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นกลาง?”
“เจ้านี้มีพอจะมีของ!”
ซู่เสี่ยวไป่มองพิจารณาจางเหิงซิงเงียบๆ
“จางเหิงซิง…งั้นหรอ มีอะไรรึเปล่า?”
ซู่เสี่ยวไป่ถามออกไป
“ซะซู่เสี่ยวไป่ นี้นายเป็นกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงแล้วงั้นหรอ?”
จางเหิงซิงลังเลอยู่แวบหนึ่งก่อนจะถามออกไป
“??!”
ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับคิ้วกระตุก พริบตานั้นแววตาของเขาฉายออกถึงความตกใจอยู่แวบหนึ่ง
แม้ว่าสังคมแห่งนี้จะนับถือผู้แข็งแกร่ง แต่ในขณะเดียวกันความแข็งแกร่งที่มากจนเกินไปก็อาจจะสร้างความอิจฉาขึ้นมาได้
ทำให้บางตระกูลหรือผู้มีอำนาจบางกลุ่มที่ต้องการรักษาฐานอำนาจของตนเองไว้ ก็มักจะส่งมือสังหารจัดการกับใครสักคนที่วันหนึ่งอาจจะมาทำลายอำนาจของพวกเขาได้
มันคืออีกด้านมืดของสังคมโลกใบนี้ที่แสนโหดร้าย
“เดี๋ยวๆ อย่าพึ่งเข้าใจฉันผิด ฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย และไม่ได้ตั้งใจจะจับตาดูนายเลยแม้แต่น้อย แค่ฉันบังเอิญเห็นนายที่หอฝึกยุทธเพื่อรับเงินสนับสนุน”
จางเหิงซิงรีบอธิบายให้ซู่เสี่ยวไป่เข้าใจก่อนที่ซู่เสี่ยวไป่จะเข้าใจผิด
ชิบหายหล่ะต้องหนี
หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องดี…
ซู่เสี่ยวไป่คิดในใจด้วยความกลัวและตกใจ
ถึงพอจะรู้อยู่แล้วว่าควรจะมารับเงินแบบทิ้งระยะสักหน่อย แต่นี้เรามารับเงินสนับสนุน 3 ครั้งในเดือนเดียว หากจะมีคนสังเกตุเห็นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
ถึงยังงั้นก็เลี่ยงไม่ได้ ก็ในเมื่อเราใช้เงินจนหมดเกลี้ยงแล้ว ถ้าเราไม่มารับเงินก็ต้องออกไปทำงานนะสิ
ไม่มีทางที่เราจะออกไปทำงานข้างนอกเด็ดขาด และจะไม่ขอทำงานตลอดชีวิต
“ถ้างั้นมีธุรอะไรกับเรา”
ซู่เสี่ยวไป่รีบถามต่อ
“ฉันอยาจจะเชิญนายเข้าร่วมกับตระกูลจางของฉัน!”
จางเหิงซิงพูดด้วยท่าทีที่จริงจัง
“ก่อนเปิดเทอม ฉันจำได้ว่านายยังไม่ได้เป็นกึ่งผู้ฝึกยุทธด้วยซ้ำ แต่หลังจากปิดเทอมหน้าร้อนได้ 2 เดือน นายสามารถเป็นกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงได้แล้ว นายต้องมีพรสวรรค์สูงแน่ๆ”
“ฉันสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลจางได้ และสามารถออกปากชวนนายเข้ากับตระกูลของฉันได้ หากเข้าร่วมกับตระกูลของฉันแล้วละก็ ตระกูลจางของฉันจะสนับสนุนนายทุกอย่างอย่างดีที่สุดที่เราจะทำได้!!”
เวลานี้ซู่เสี่ยวไป่เข้าใจสิ่งที่จางเหิงซิงคิดแล้ว
จางเหิงซิงเห็นถึงการเติบโตที่รวดเร็วของเขา และคิดว่าเขานั้นมีพรสวรรค์สูงส่งอีกทั้งยังคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะอีก
ก็จริงหากใครเห็นการเติบโตของซู่เสี่ยวไป่ก็คงคิดไม่ต่างจากจางเหิงซิงแน่นอน
แต่ในขณะเดียวกันซู่เสี่ยวไป่ก็ลองเล่นตัวดูเชิงอีกหน่อย
“คือ…ฉันยังไม่มีความคิดจะเข้ากับตระกูลไหนเลยตอนนี้”
ทันทีที่ซู่เสี่ยวไป่ตอบกลับมา แววตาที่เต็มไปด้วยความหวังของจางเหิงซิงก็ดูหม่นหมองลงไป
“แต่………..ถ้าตระกูลจางของนายแสดงความจริงใจที่มีให้ฉันเห็น ฉันอาจจะคิดดูใหม่”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ทำให้ไฟแห่งความหวังของจางเหิงซิงลุกขึ้นมาอีกครั้ง
“นายต้องการอะไรแค่บอกมา ตราบได้ที่ตระกูลจางของฉันหามาได้ เพียงแค่บอกมา!!”
“งั้น…จริงๆ หรอ…. ฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายก็แค่เงินสักล้านเหรียญจิต ฉันจะยอมเขาร่วมกับตระกูลจาง นายว่านายโอเคไหมหล่ะ”
ซู่เสี่ยวไป่พูดอย่างลังเลใจที่จะพูดออกมา
แต่เขาไม่ต้องการเข้าร่วมกับตระกูลไหนเลยจริงๆ
หากว่าคนมายืนเงินให้ถึงหน้าประตูบ้าน มีหรือจะปฏิเสธ
ตอนนี้เขาอยากได้เงินมาซื้อความสามารถเพิ่มจากระบบอีก 200,000 เหรียญจิต
เมื่อคิดว่าในเมื่อจะซื้อความสามารถ 200,000 เหรียญแล้วทำไมไม่ขอเผื่อซื้อไว้เพิ่มระดับความสามารถอีก
“ล้านเหรียญจิต?!”
“ไม่มีปัญหา!!”
จางเหิงซิงตอบตกลงทันที ด้วยใบหน้าที่แสนจะยินดี
เดี๋ยวๆ ตกลงเร็วไปไหม
มันง่ายดายแบบนี้เลยงั้นหรอ
รู้งี้น่าจะเรียกมากว่านี้!
เมื่อเห็นว่าจางเหิงซิงตอบตกลงอย่างง่ายดาย เขาน่าจะเปิดตัวให้ตระกูลอื่นแย่งตัวเขาเพื่อจะหาคนที่ให้เงินเขามากที่สุด
ช่างมันแล้วก็แล้วกันไป คิดว่าขาดทุนนิดหน่อย แต่ด้วยเงินจำนวนนี้เราก็ไม่ต้องออกไปทำงาน
หากไม่มีคำเชิญชวนจากจางเหิงซิง ซู่เสี่ยวไป่นั้นก็รอวันที่เขาจะเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัว และเข้าร่วมกับทีมล่าอสูรออกไปล่าสัตว์อสูรที่ด้านนอก และนำชิ้นส่วนของสัตว์อสูรเหล่านั้นมาขายจนได้เงินครบ 200,000 เหรีนญจิต
แต่หากทำตามแผนนั้นเขาคงใช้เวลาหลายเดือน
อีกอย่างการออกไปสู้กับสัตว์อสูรนั้นมีความเสี่ยงมากที่จะบาดเจ็บล้มตาย และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทำให้คำเชิญชวนของจางเหิงซิงนั้นช่วยชีวิตซู่เสี่ยวไป่ไว้ได้มากจริงๆ
“นี้เสี่ยวไป่ นี่คือบัตรเงินสดของหอฝึกยุทธ ในบัตรนี้มีเงินทั้งหมด 1 ล้านเหรียญจิต รหัสเบิกของบัตรคือ เลข 0 หกตัว”
จางเหิงซิงยื่นบัตรให้กับซู่เสี่ยวไป่ด้วยท่าที่นอบน้อม
แม้ว่าจะเป็นคนรุ่นเดียวกัน แต่สิ่งนี้ก็เป็นมารยาทที่ต้องมีกับผู้ซึ้งเป็นแขกของตระกูล
ซู่เสี่ยวไป่นั้นมองบัตรเงินสดด้วยด้วยแววตาที่ส่องเป็นประกายหากมองเข้าไปในนัยต์ตาอาจจะเห็นสัญลักษณ์รูปเงินก็ได้