ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 3 เพิ่มระดับอีกแล้ว?
“ในที่สุด!!”
ตอนนี้แววตาของซู่เสี่ยวไป่ทอแสงเป็นประกาย
เขาได้อยู่ในระดับกึ่งผู้ฝึกยุทธแล้ว เรียกว่าขาข้างหนึ่งก้าวจะเป็นผู้ฝึกตนเต็มตัว
“พี่ นี้มัน….”
นัยน์ตาของซู่หลิงเกอท่อเป็นประกายกับดวงดาวยามค่ำคืน
“เห็นไหม ว่าพี่ไม่ได้พูดโกหก”
ซู่เสี่ยวไป่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งอย่างภูมิใจ
“ตะ-แต่พี่ไม่เคยแม้แต่จะฝึกหรือทำการบ่มเพาะเลยนะ อยู่ๆ ทำไมถึงบรรลุได้ล่ะ”
ซู่หลิงเกอกระพริบตาดวงโตของเธอด้วยความอยากรู้และสงสัย
“เอาเป็นว่าเวลานี้พี่ของน้องนั้นมีความสามารถที่ในการฝึกบ่มเพาะหรือก้าวข้ามเขตแดนได้โดยไม่ต้องฝึกฝนยังไงละ”
“ผู้ฝึกยุทธเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น วันข้างหน้าพี่คนนี้จะเป็น จอมยุทธ และสูงขึ้นไปอีกแม้แต่ระดับจ้าวยุทธก็เป็นได้”
“และเมื่อเวลานั้นมาถึง น้องจะได้กลายเป็นคุณหญิง”
คำพูดของซู่เสี่ยวไป่ทำให้ซู่หลินเกองั้นหน้าแดงไปด้วยความเขินอายอีกครั้ง
“นับแต่นี้ไป น้องหลิงอยู่บ้านให้สบาย เรื่องเงินปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่เอง”
ซู่เสี่ยวไป่ยิ้มก่อนที่จะลูบหัวซู่หลิงเกอ
“ยอมได้..ในใจของน้องนั้นพี่เสี่ยวไป่เก่งที่สุด”
ซู่หลิงเกอยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเธออย่างมีความสุข
…
เอส!!!
ซู่เสี่ยวไป่ชกลมไปหนึ่งครั้ง
จนเกิดเสียงของหมัดที่แวกอากาศออกอย่างรวดเร็ว
เขาพึ่งจะข้ามเขตแดนมาเป็นกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
เขาต้องสำเร็จเป็นขั้นกลางและขั้นสูงเพื่อไปให้ถึงเขตแดนผู้ฝึกยุทธ
ถึงจะอยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธ แต่กำลังของหมัดเขาก็เพียงพอที่จะล้มวัวทั้งตัวได้สบายๆ
ซึ่งคนธรรมดาๆ ไม่มีทางทำได้
และเมื่อได้ก้าวสู่กึ่งผู้ฝึกยุทธแล้วนอกจากความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น ยังสามารถดูดซับกระแสพลังได้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
“เป็นอย่างที่คิดไว้เลย โลกใบนี้มีแต่เพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะได้ครอบครองทุกอย่าง”
ซู่เสี่ยวไป่ถอนหายใจ
ดูเหมือนว่าเวลานี้เขาจะรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างคนธรรมดากับผู้ฝึกยุทธแล้ว มันต่างราวฟ้ากับเหว
ก่อนที่เขาจะมองดูสถานะข้อมูลของตัวเอง
มนุษย์ : ซู่เสี่ยวไป่
เขตแดน : กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
ระดับพละกำลัง: กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
ระดับความคงทน: กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
ระดับความว่องไว: กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
พรสวรรค์บ่มเพาะ: ขั้นต่ำ
วิชา: ไม่มี
ความสามารถของระบบที่เปิดใช้งาน: พื้นที่ฝึกฝนในคลิกเดียว[ระดับ 1]
“ดูเหมือนทุกอย่างจะเพิ่มขึ้นตามขั้นการบ่มเพาะ”
“และเวลานี้ในฐานะกึ่งผู้ฝึกยุทธก็สามารถไปรับเงินได้แล้ว”
สำหรับผู้ฝึกตนนั้นเมื่อรายงานตัวจะมีเงินสนับสนุนทุกเดือน
ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งได้เงินมากขึ้น
สำหรับเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธแบบซู่เสี่ยวไป่ตอนนี้ แม้ไม่ทำอะไรเลยก็ยังได้รับเงินสนับสนุน 100 เหรียญจิตทุกเดือน มันมากกว่ารายได้ทั้งเดือนของคนธรรมดาทั่วไปเสียอีก
“นั่นมัน…เสี่ยวไป่นี้ เดียวนะ โอ้แม่เจ้า นี้เขาเป็นกึ่งผู้ฝึกยุทธตั้งแต่เมื่อไร?”
“ว้าย! ตายแล้วดูสิ มีกึ่งผู้ฝึกยุทธอยู่ในชุมชนเราด้วย”
“...”
ทันทีที่ซู่เสี่ยวไป่ออกไปเดินนอกถนนแถวบ้าน กลิ่นไอและกระแสพลังของเขาทำให้เหล่าเพื่อนบ้านประหลาดใจ
ในพื้นที่เขต 18 มีประชากรทั้งหมด 5 ล้านคน มีจำนวนผู้ฝึกตนอยู่แค่ 1 % เท่านั้น ในพื้นที่ชุมชนยากจนเช่นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่ของคนธรรมดาทั่วไป การปรากฏตัวของเด็กหนุ่มที่เป็นกึ่งผู้ฝึกยุทธนั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
“แค่บังเอิญโชคดีเฉยๆ ครับแหะๆ”
ซู่เสี่ยวไป่ยิ้มรับอย่างเขินๆ
=เขต 18 หอผู้ฝึกยุทธ=
ซู่เสี่ยวไป่เดินเข้ามาในหอผู้ฝึกยุทธ ความโดดเด่นของซู่เสี่ยวไปก็หมดลง
เพราะที่นี้เต็มไปด้วยกึ่งผู้ฝึกยุทธและอาจจะได้เห็นผู้ฝึกยุทธเดินปะปนอยู่ด้วย ส่วนระดับที่สูงกว่านี้ล้วนพบเจอได้ยากในสถานที่นี้
“นี้บัตรประจำตัวของผม ผมต้องการมารับเงินสนับสนุน”
ซู่เสี่ยวไป่วางบัตรประชาชนลงที่เคาเตอร์
“นั่นมัน..ซู่เสี่ยวไป่ไม่ใช่หรอ? นี้เขาสามารถบรรลุจนเป็นกึ่งผู้ฝึกยูทธได้แล้วงั้นหรอ?”
ที่มุมหนึ่งในห้องโถงของหอผู้ฝึกยุทธ หน้าร้านขายอาวุธมีชายผู้หนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว และกำลังจ้องมองซู่เสี่ยวไป่
เขามีชื่อว่า จางเหิงซิง
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนไม่กี่คนที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกับซู่เสี่ยวไป่
เขานั้นได้แสดงถึงความสามารถของตัวเองตั้งแต่เมื่อรู้ตัว และใช้เวลาฝึกฝนบ่มเพาะอีกราวสองสามเดือน พร้อมทั้งได้ทรัพยากรในการฝึกฝนที่ครอบครัวหามาให้ซึ่งมาราคาสูงลิบ ทำให้เขาก้าวสู่เขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธได้
และเขาไม่คิดเลยว่าซู่เสี่ยวไป่จะสามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธได้เช่นกัน
ก่อนปิดเทอมซู่เสี่ยวไป่ยังเป็นแค่คนธรรมดาๆ อยู่เลย
นี้ผ่านไปเดือนเดียวเขากลับสามารถก้าวสู่เขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อมากและเหนือกว่าเขา
“ฉันไม่รู้มาก่อนว่าซู่เสี่ยวไป่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลไหน หรือว่าพรสวรรค์ของเขาจะสูงกว่าฉัน?”
แววตาของจางเหิงซิงเริ่มส่อแววอย่างสนใจ
เวลานี้ซู่เสี่ยวไป่นอกจากจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นแล้วยังจะเป็นคู่แข่งของเขา
การเติบโตของซู่เสี่ยวไป่ไปสะกิดต่อมความสนใจของจางเหิงซิง
แต่ถึงยังงั้นจางเหิงซิงก็ไม่ได้ออกหน้า
แต่เฝ้าดูซู่เสี่ยวไป่อยู่อย่างเงียบๆ จนกระทั้งซู่เสี่ยวไป่ออกจากหอยุทธไป
“ต้องตั้งใจฝึกแล้ว อยากรู้จริงๆ ว่าระหว่างฉันกับซู่เสี่ยวไป่ใครเจ๋งกว่ากัน”
จาเหิงซิงได้ละสายตาจากซู่เสี่ยวไป่ก่อนที่จะหันมายังร้านอาวุธและเลือกซื้อของต่อ
….
ตอนนี้ทั้งซู่เสี่ยวไป่และซู่หลิงเกอรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับเงินสนับสนุนที่ได้รับมา
“พี่ ทำไมพี่ไม่เอาเงินนี้ไปซื้อทรัพยากรในการฝึกล่ะ”
“เวลานี้พี่เป็นถึงกึ่งผู้ฝึกยุทธแล้ว พี่ต้องการเงินมากกว่าใคร”
ซู่หลิงเกอรู้ว่าทรัพยากรต่างๆ ที่ใช้ในการฝึกฝนนั้นแพงมาก
เพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะต้องใช้เงิน
มีอีกหลายอย่างที่ต้องซื้อเพื่อฝึกบ่มเพาะและฝึกร่างกาย
ไหนจะเงินที่ต้องเก็บไว้ซื้ออาวุธอีก
เงินสนับสนุน 100 เหรียญจิตที่ได้รับทุกเดือนนั้น จะเพียงพอสำหรับการซื้อสิ่งของที่จำเป็นในการฝึกฝนในวันข้างหน้า หากว่าโชคเข้าข้างอาจจะได้เป็นผู้ฝึกยุทธ
“ไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้น้องหลิง ทรัพยากรพวกนั้นมันไม่จำเป็นสำหรับพี่เลยแม้แต่นิดเดียว!”
“ในเมื่อเรามีเงินแล้ว ก็ใช้กันดีกว่า!!”
ซู่เสี่ยวไป่พูดอย่างสบายใจ
ตอนนี้เขามีระบบช่วยในการฝึกบ่มเพาะอยู่ไม่ว่าจะนั่งจะยืนจะนอนจะทำอะไรก็ตาม เขาก็เหมือนฝึกบ่มเพาะตลอดเวลา แล้วจะให้มาหาซื้อทรัพยากรช่วยฝึกบ่มเพาะอะไรอีกเสียเงินเปล่า
ด้วยความสามารถนี้ เขาจะขอใช้ชีวิตสุขสบายเต็มที่
“แต่พี่…”
“อย่ามาตงมาแต่อะไรกับพี่ วันข้างหน้าเธอจะเป็นภรรยาฉัน ดังนั้นต้องฟังคำพูดฉันสิ!!”
เมื่อคำว่าภรรยาออกมาจากปากของซู่เสี่ยวไป่ก็ทำให้ใบหน้าของซู่หลิงเกอแดงขึ้นมาอีกครั้ง
เธอไม่พูดอะไรพยักหน้างกๆ อย่างเชื่อฟัง
ทำให้ทั้งเดือนต่อจากนี้ซู่เสี่ยวไป่และซู่หลิงเกอนั้นหมดไปกับการกินนอนและเที่ยวเล่น
=วันที่ 7 ของการกินนอนเล่น=
เพล้ง!
เสียงที่ไพเราะสำหรับซู่เสี่ยวไป่ดังขึ้นในจิตใจของเขา ตอนนี้เข้าอยู่ขั้นกลางของกึ่งผู้ฝึกยุทธแล้ว
“ความรู้สึกที่ทะลวงผ่านขั้นบ่มเพาะโดยที่ไม่ต้องฝึกบ่มเพาะเลย มันรู้สึกโครตดีเลยเว้ย”
ในเมื่อระดับของซู่เสี่ยวไป่เพิ่มขึ้นเขาจะได้รับเงินรายเดือนมากขึ้นไปอีก
“คุณซู่ นี่คือเงินสนับสนุนจำนวน 200 เหรียญจิต รับไว้ด้วยครับ”
พนังงานที่เคาเตอร์ในหอยุทธได้มอบ 200 เหรียญจิตกับซู่เสี่ยวไป่อย่างนอบน้อม
“โอ้ ขอบคุณมาก”
ซู่เสี่ยวไป่เดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินออกจากหอยุทธไป
“หือ?”
เวลานั้นจางเหิงซิงที่มายังหอยุทธก็เห็น ซู่เสี่ยวไป่เดินสวนออกมาจากหอฝึกยุทธพอดีทำให้เขาถึงกับคิ้วย่นชนเข้าหากัน
แต่เขาเองก็มีเรื่องหลายอย่างที่ต้องทำในหอฝึกยุทธจึงไม่ได้สนใจมากนัก
“คนที่เพิ่งออกไปเมื่อกี่ เขามาทำอะไร”
จางเหิงซิงถามกับพนักงานที่เคาเตอร์
“อ๋อ เขามารับเงินสนับสนุนสำหรับกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นกลางครับ”
พนังงานตอบกลับทันที
อะไรนะ!!
จางเหิงซิงถึงกับตกตะลึงตาแทบทะลักออกมานอกเบ้า