ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 13 ออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียว
ใช้กำลังคงจะเป็นการแสดงออกที่ดีที่สุด
ไม่ต้องเสียเวลาพูดให้มากมาย ภาษาที่เข้าใจง่ายที่สุดก็คือการพูดกันด้วยพลังที่เหนือกว่าเท่านั้น
ไม่พอใจใคร ก็แค่ทุบตีมัน
ถึงจะอยู่เขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง แต่สำเร็จวิชาระดับละเอียดอ่อนสองวิชา ทำให้แม้แต่ผู้ฝึกยุทธขั้นแรกยังต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างเป็นสักขีพยานของเหตุการณ์ทั้งหมด และได้ไขข้อสงสัยในตัวของซู่เสี่ยวไป่เป็นที่เรียบร้อย ทั้งอึ้ง ทั้งทึ่ง ทั้งรู้สึกยินดี และนับถือ
ก่อนหน้านี้ทุกคนไม่คิดเลยด้วยซ้ำ ว่าเรื่องจะลงเอ่ยแบบนี้
แม้แต่ขุมอำนาจที่มีชื่อเสียง ก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องที่มีตัวตนที่สามารถสำเร็จวิชาระดับละเอียดอ่อนถึงสองวิชาได้ และยังอยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธ และสามารถต่อสู้ชนะคนที่อยู่ในเขตแดนที่เหนือกว่าตน
ทั้งการบ่มเพาะและต่อสู้ รวมทั้งวิชาที่มี นับว่าสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
ผู้มีพรสวรรค์สูงมากกว่า 1 อย่างนั้น ของแบบนี้ไม่มีให้เห็นหรือได้ยินที่ไหนมาก่อน
สิ่งที่ซู่เสี่ยวไป่ได้แสดงออกมานั้น ทำให้ทุกคนในตระกูลจางถึงกับตกตะลึงและรู้สึกหวั่นเกรงถึงตัวตนของเขาที่ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่ถึงยังงั้น สิ่งที่พวกเขากำลังรู้สึกทึ่งและตกตะลึงคือการสำเร็จวิชาละเอียดอ่อน 2 วิชา สำหรับซู่เสี่ยวไป่ก็แค่น้ำจิ้มเท่านั้นยังไม่ได้โชว์จานหลักเลยด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ผู้คนเหล่านี้ ยังคิดอยู่เลยว่าเขตแดนของซู่เสี่ยวไป่ไม่ใช่ของจริง
แต่เวลานี้ทุกคนไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว
หากพวกเขารู้ว่านอกจากสองวิชาระดับละเอียดอ่อนที่ซู่เสี่ยวไป่สำเร็จแล้วนั้น ยังมีวิชาควบคุมธาตุอีกที่เขายังไม่ได้แสดงออกมา หากคนเหล่านี้รู้เข้าละก็ คงตกใจเข่าอ่อนกันเป็นแถวๆ แน่
“ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ครับ”
ซู่เสี่ยวไป่พูดพร้อมกับโบกมือเล็กน้อย แต่ภายในใจของเขานั้นกลับพองโตด้วยความยินดี
ที่จริงแล้วเขาต้องการให้คนเหล่านี้บูชาเขามากกว่านี้อีกด้วยซ้ำ
แต่ที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อไม่ต้องคืนเงินให้ก็เท่านั้นเอง
“ฑูตซู่ ก่อนหน้านี้กระผมได้กล่าวไม่ดีกับฑูตซู่ไว้ กระผมต้องขออภัยด้วย”
จางเฟยอันคุกเข่าลงต่อหน้าซู่เสี่ยวไป่พร้อมกับกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ
เขาถูกเด็กน้อยผู้นี้ทุบตีจนไม่เหลือชิ้นดี
แม้ว่าเขายังไม่ได้ใช้อาวุธประจำกายก็ตาม แต่จางเฟยอันก็เชื่อว่าต่อให้ใช้อาวุธหรือพลังทั้งหมดที่มี เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซู่เสี่ยวไป่อยู่ดี เด็กผู้นี้อยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธแต่กลับแสดงพลังได้น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
“ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีเรื่องอะไรต้องขอโทษหรอก”
ซู่เสี่ยวไป่พูดอย่างเป็นกันเอง
“ตั้งแต่วันนี้ไป ฑูตซู่ จะเป็นฑูตคนที่ 8 ของตระกูลจางของพวกเรา”
“ต่อจากนี้ทุกคนในตระกูลจางหากพบเจอฑูตซู่ที่ไหน ให้แสดงความเคารพและมีมารยาทที่ดีต่อฑูตซู่ทุกครั้ง”
“เข้าใจใช่ไหม?”
จางเหิงล่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“รับคำสั่ง!!”
ทุกคนพูดพร้อมกัน
“และเรื่องในวันนี้ จะไม่มีทางหลุดออกไปภายนอกเด็ดขาด”
จางเหิงล่งเปลี่ยนไปใช้น้ำเสียงที่ดูเย็นชาและมุ่งร้าย
“หากเรื่องในวันนี้หลุดรอดออกไป และฉันรู้ว่าใครเป็นคนทำ มันผู้นั้นจะได้รับโทษอย่างแสนสาหัส!!”
สิ่งนี้ได้ถูกสะกดและฝั่งลงไปในหัวใจของทุกคน
ทุกคนนั้นรู้ดีกว่าคนอย่างซู่เสี่ยวไป่นั้นเป็นที่ต้องการของทุกตระกูล
ด้วยความที่เขาประสบความสำเร็จมากมายในวัยเด็ก ต่อไปเขาจะเติบโตเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งจนหาตัวจับได้ยากในอนาคต
ถึงยังงั้นตัวตนเช่นนี้ก็ได้เข้าร่วมกับตระกูลจางแล้ว หากเรื่องนี้ไปเข้าหูตระกูลอื่นหรือ หรือตระกูลคู่แค้นอย่างตระกูลหยวนรู้เรื่องนี้เข้า คงไม่นิ่งเฉยแน่
“ผมว่าไม่จำเป็นต้องเคร่งขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ..”
ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินสิ่งที่จางเหิงล่งกล่าวออกมา
ยังไงเขาก็มีแผนว่าจะอยู่กับตระกูลจางอย่างเงียบๆ ไม่เปิดเผยตัวตนอยู่แล้ว
เพราะต่อให้มีพรสวรรค์หรือเก่งกาจขนาดไหน แต่อัจฉริยะหากไม่ได้เติบโตก็เท่านั้น เขาคงไม่อยากพบจุดจบเช่นนั้นแน่
ซู่เสี่ยวไป่รู้ว่าโลกใบนี้มันโหดร้ายขนาดไหน
การฆ่าคนโดยไม่ต้องพูดกันสักคำไม่ใช่เรื่องแปลกของโลกนี้
เพื่อไม่ให้ใครสักคนเติบโตมาเป็นหนามคอยทิ้มแทงพวกเขาในวันข้างหน้า บางตระกูลก็เลือกที่จะเก็บเหล่าอัจฉริยะเหล่านั้น เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้เติบโตมาเป็นศัตรูกับพวกเขา
ดังนั้นต้องแน่ใจก่อนว่าแข็งแกร่งพอแล้ว หากไม่มั่นใจก็เก็บตัวเงียบรักสันโดษเข้าไว้จะดีกว่า
“ไม่ได้!”
ทุกคนในที่นี่แทบจะพร้อมใจกันพูด
“ฑูตซู่ ผมดีใจมากที่คุณได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลจาง และได้เป็นฑูตของตระกูลในวันนี้ ซึ่งเป็นเกียรติกับตระกูลของเรามาก”
“ดังนั้นตามธรรมเนียม นี่ถือว่าเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ตระกูลจางของเรามอบให้ โปรดฑูตซู่รับไว้อย่าได้ปฏิเสธ”
จางเหิงล่งโบกมือเล็กน้อย ก่อนที่คนของเขาจะเดินเข้ามาใกล้ซู่เสี่ยวไป่พร้อมกับถือบัตรเงินสดและบัตรที่มีตราประทับสีทอง
“ทางซ้ายนี้คือบัตรเงินสดของหอฝึกยุทธ ข้างในนั้นมีเงินทั้งหมด 3 ล้านเหรียญจิต”
“ส่วนทางขวานี้คือบัตรประจำตัวของพลเมืองพื้นที่ส่วนใน เพียงลงชื่อในบัตรนี้ก็จะมีผลทันที คุณจะสามารถเดินทางเข้าออกพื้นที่ส่วนในได้อย่างอิสระ”
ตระกูลจางกำลังมอบของกำนันให้เขา
เมื่อซู่เสี่ยวไป่ได้ยิน แววตาของเขาลุกวาวทันที
ความจริงเขาก็มีความตั้งใจว่าจะมาขอเงินกับตระกูลจางอยู่แล้ว แต่นี้ซู่เสี่ยวไป่ยังไม่ทันเอ่ยปากขอ ตระกูลจางกลับยัดเงินใส่มือเขาเอง
ดูเหมือนว่าฉันจะเลือกถูกที่มาเป็นฑูตของตระกูลนี้
“ก็ถ้าเป็นความตั้งใจของท่านผู้นำ ผมก็เต็มใจรับ”
เมื่อคนที่นำของมาให้เดินออกไป จางเหิงล่งก็ได้ขอคุยกับซู่เสี่ยวไป่แบบเป็นการส่วนตัว
จากที่พูดคุยกัน ซู่เสี่ยวไป่จับใจความได้ 3 ข้อคือ
1.ตระกูลจางที่ตั้งอยู่ ณ ตอนนี้ยังไม่ใช่ตระกูลใหญ่โต เรียกได้ว่าเป็นตระกูลเล็กๆ ด้วยซ้ำ มีชื่อเสียงเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเงินเพียง 3 ล้านเหรียญจิตมันอาจดูน้อย ขอให้ซู่เสี่ยวไป่อย่าได้ไม่พอใจ
2.ตระกูลจางมีศัตรูคู่แค้นคือตระกูลหยวน แม้ว่าจะเป็นตระกูลเล็กๆ เหมือนกัน แต่อีกฝั่งสะสมขุมอำนาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และได้ขัดขวางตระกูลจางมาหลายปีแล้ว
3.หากตกอยู่ในอันตราย ให้ทำลายบัตรประจำตัวทันที จะเกิดเสียงดังขึ้นพร้อมกับจะมีคนเข้าไปช่วยเหลือทันที
การเป็นฑูตนั้นไม่ใช่เรื่องทั่วไปๆ
ขณะที่ซู่เสี่ยวไป่ได้รับผลประโยชน์มากมาย เขาก็ต้องแบกรับความเสี่ยงไว้ด้วย
แต่แค่นี้ไม่ทำให้ซู่เสี่ยวไป่เก็บไปคิดมากหรอก
ตราบใดที่มีเงินและมีเวลา จะสิบตระกูลหยวนหรือตระกูลใหญ่ก็ดาหน้าเข้ามาได้เลย
….
สุดท้ายซู่เสี่ยวไป่นั้นถูกพากลับมาส่งด้วยรถประจำตระกูลจาง
ในโลกใบนี้รถไม่ได้ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงอีกต่อไป แต่เป็นกระแสพลังภายใน
ดังนั้นทำให้รถจึงมีราคาสูงมาก หากไม่รวยจริงไม่มีทางมีไว้ในครอบครองได้
“ผมจะฝึกบ่มเพาะสักหน่อย อย่าได้กวนผมเด็ดขาด”
ซู่เสี่ยวไป่บอกคนที่นั่งมากับเขาด้วยก่อนที่เขาจะหลับตาลง
เป็นเหมือนกับเหล่าอัจฉริยะทุกคน ไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า
คนที่รับผิดชอบพาซู่เสี่ยวไป่มาส่งถึงกับชื่นชมในใจ
“-ติ๊ง ตรวจพบเจ้านายมีเงิน!!-”
“-เจ้านายที่รัก ต้องการใช้เงิน 400,000 เหรียญเพื่อเปิดใช้งานความสามารถใหม่หรือไม่?-”
เสียงที่คุ้นเคยจะมาตอนซู่เสี่ยวไป่มีเงินดังขึ้น
“เออ เปิดความสามารถใหม่เลย”
ซู่เสี่ยวไป่ตอบอย่างไม่ลังเล
“-ติ๊ง ความสามารถใหม่ถูกเปิดใช้งาน-
“-ขอแสดงความยินดีด้วยเจ้านาย เจ้านายได้ความสามารถ *ออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียว*-”