ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 11 หากไม่ชนะก็ต้องคืนเงิน
“อะไรนะ!!!”
เสียงอุทานดังไปทั่วห้องรับแขกพร้อมกับเสียงพูดคุยกันอย่างโกลาหลไปหมด
เมื่อผลตรวจสอบออกมา ทำให้สีหน้าของทุกคนในที่แห่งนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ไม่จริง ทำไมเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”
จางเหิงซิงเมื่อเห็นแสงสีเทาจากหินตรวจสอบ พร้อมกับคำพูด 5 คำนั้น ทำให้เขานั้นแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง อีกครั้งที่ซู่เสี่ยวไป่ทำให้เขารู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?
จางเหิงซิงมั่นใจว่าซู่เสี่ยวไป่นั้นทะลวงผ่านจากขั้นแรกถึงขั้นสูงสุดภายในเดือนกว่า
สิ่งที่เขาเห็นคือเรื่องจริง
แต่ทำไมผลการตรวจสอบถึงออกมาเช่นนี้
เป็นไปไม่ได้
“ระดับต่ำ?”
“ผมรู้ว่าผมพูดสิ่งใดออกไป ดูท่าแล้วนายน้อยจะมีปัญหาใหญ่”
“ไม่จริงถ้าระดับต่ำ ไม่มีทางที่จะมาถึงเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงแน่”
“มีอะไรไม่ถูกต้อง หากเป็นระดับต่ำ เป็นเรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าสู่เขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธได้”
“.....”
เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าพรสวรรค์บ่มเพาะขั้นต่ำนั้นไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไป และไม่มีทางเลยที่จะเข้าสู่หนทางของผู้ฝึกตนได้ หรือต่อให้เป็นผู้ฝึกตนได้การมาถึงเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงนั้นอาจใช้เวลาทั้งชีวิต
แต่ถึงยังงั้น ซู่เสี่ยวไป่ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาไม่ใช่อยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง แต่ยังอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น
เป็นกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงได้ด้วยอายุ 17 ปี
คุณสมบัติทุกอย่างมันบ่งชี้ว่าเขาต้องมีพรสวรรค์บ่มเพาะที่สูงมาก
แม้ว่าอาจจะมีพรสวรรค์อไม่สูงหรือมีเทคนิคฝึกบ่มเพาะ แต่อย่างน้อยสุดก็ต้องมีพรสวรรค์ระดับสูง
“ระดับต่ำ…”
จางเหิงล่งและเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของตระกูลจางถึงกับคิ้วขมวดชนเข้าหากันและมองหน้ากันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
พวกเขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าซู่เสี่ยวไป่อาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์ระดับสูงแต่แรก เหมือนที่จาเหิงซิงกล่าวเอาไว้
แต่ไม่คิดว่ามันจะระดับต่ำที่ไร้ค่าขนาดนี้
“ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ เขาบ่มเพาะจนเป็นผู้ฝึกตนได้อย่างไง”
ผู้คนจากตระกูลจางต่างรู้สึกสงสัย
พรสวรรค์ที่ระดับนี้ถือว่าเป็นตัวตนที่ไร้ค่าสำหรับพวกเขา และไม่มีทางที่จะเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตนได้ แม้ว่าจะฝึกฝนเคี้ยวเข็ญขนาดไหนหรือทุ่มเททรัพยากรณ์ให้มากขนาดไหนก็ตาม
“คุณซู ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม คุณเข้าสู่เขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงได้ด้วยพรสวรรค์ระดับต่ำได้อย่างไร”
จางเหิงล่งถามด้วยน้ำเสียงที่ดังและจริงจัง
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังซู่เสี่ยวไป่ และกำลังรอคำตอบจากเขา
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน….”
“ก็แค่ เออ…ฝึกๆ ไป ฝึกแบบที่ทุกคนฝึกแล้ว ผมก็ทะลวงผ่านเขตแดนขึ้นมาเอง…”
ซู่เสี่ยวไป่ตอบแบบเหมือนไม่มีอะไรมากมาย พร้อมกับกางมือทำท่ายักไหล่
เกิดเสียงดังของความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ทุกคนต่างพูดกันไม่หยุด
จางเหิงล่งและเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ต่างคุยกันซุบซิบเบาๆ
“คุยกันเสร็จรึยัง”
“ถ้าต้องการจะยกเลิกฐานะฑูตของผมก็แล้วแต่เลย”
ซู่เสี่ยวไป่พูดออกมา
การได้เป็นฑูตของตระกูลจางนั้นจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ไม่สำคัญอะไรกับซู่เสี่ยวไป่เลย มันแค่เป็นทางลัดให้เขาสามารถหาเงินเพื่อเพิ่มความสามารถให้ระบบได้เท่านั้น
หากไม่ได้เป็นฑูตของตระกูลจาง ซู่เสี่ยวไป่ก็ยังออกไปล่าสัตว์อสูรและหาเงินมาเพิ่มความสามารถให้กับระบบได้ ถึงจะช้าหน่อยก็ตาม
“คุณซูอย่างพึ่งใจร้อน เราแค่มีข้อสงสัยนิดหน่อย”
จางเหิงล่งมองไปยังซู่เสี่ยวไป่พร้อมกับกระพริบตาอย่างไม่เชื่ออยู่หลายครั้ง
เขาคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะตัดสนใจพูดออกไป
“ผู้มีเกียรซู่”
จางเหิงล่ง ยืนขึ้นช้าๆ พร้อมกับโค้งคำนับให้กับซู่เสี่ยวไป่
“นับจากนี้ คุณจะเป็นฑูตของตระกูลจางอย่างเป็นทางการแล้ว”
“พี่ใหญ่!!”
“ท่านผู้นำ!!”
“ไม่จริงใช่ไหม!”
เมื่อจางเหิงล่งกล่าวออกมาทำให้ทั้งจางเหิงเต๋อ และเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลถึงกับตกใจกันไปเป็นแถบๆ และแทบไม่เชื่อสิ่งที่พวกเขาได้ยิน
เด็กผู้นี้มีพรสวรรค์ระดับต่ำเองนะ
อยู่เขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธอีก
จะให้เขาเป็นฑูตของตระกูลจางไม่พอ พวกเขาจะต้องก้มหัวให้กับเด็กผู้นี้ด้วยยังงั้นหรอ?
ในโลกใบนี้ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะถูกเคารพ ใครกันจะเต็มใจเคารพเด็กผู้นี้ลง
“ฉันคือผู้นำตระกูลฉันตัดสินใจแล้ว!! ฉันจะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้อีก!!”
จางเหิงล่งส่งสายตามองขวางใส่ทุกคนที่อยู่ในห้อง
ซู่เสี่ยวไป่นั้นได้แต่พยักหน้าอย่างชื่นชมอยู่ภายในใจ
ชายผู้นี้สามารถเผชิญหน้ากับเรื่องดังกล่าวได้ และกล้าที่จะตัดสินใจในทันที แปลว่าชายผู้นี้สมกับเป็นผู้นำตระกูลที่ชาญฉลาดไม่น้อย
จางเหิงล่งนั้นคิดอย่างรอบคอบแล้วว่าสิ่งนี้ ตระกูลจางไม่ได้เสียหายอะไร ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่ได้เสื่อมถอยลง
“ท่านผู้นำ ผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้”
ชายผู้หนึ่งในชุดดำบนใบหน้ามีบาดแผล อายุอานาก็น่าจะสัก 30 ปีกว่าๆ เดินแหวกฝูงชนออกมา พร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“หากให้เด็กน้อยผู้นี้เป็นฑูตคงไม่เหมาะสม เขายังอยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธอยู่เลยด้วยซ้ำ ท่านผู้นำโปรดคิดไตร่ตรองใหม่อีกครั้ง หากเรื่องนี้หลุดออกไป สกุลจางคงได้อับอายขายขี้หน้าเป็นแน่”
คนอื่นๆ ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา แต่ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายผู้นี้พูด
ซู่เสี่ยวไป่ได้มองไปที่ชายผู้นี้
มนุษย์ : จางเฟยอัง
เขตแดน : ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
ระดับพละกำลัง: ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
ระดับความคงทน: ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
ระดับความว่องไว: ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
พรสวรรค์บำเพ็ญเพียร: ขั้นกลาง
วิชา: กำลังอสูรสีรุ้ง (พื้นฐาน) เงาอสูรสังหาร (พื้นฐาน)
“ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก”
“มีสองวิชาอยู่ในขั้นพื้นฐานแล้ว”
“พอตัวเหมือนกันนี้หว่า”
ซู่เสี่ยวไป่คิดอยู่ภายในใจ
“จางเฟยอัง แล้วคิดว่าจะให้ฉันทำเช่นไรงั้น”
จางเหิงล่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“กระผมไม่ได้มีเจตนาที่จะรังแกคุณซู่”
“แต่หากว่าเขาสามารถที่จะสู้ชนะกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงของตระกูลจางได้ กระผมจะยอมรับเขาเป็นฑูตของตระกูลจาง”
“แต่ถ้าไม่สามารถชนะได้…นายท่านไม่เพียงแค่กระผมคนเดียวที่จะไม่ยอมรับ เกรงว่าจะเป็นคนทั้งตระกูลจางก็ไม่อาจไม่ยอมรับได้เช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว กระผมคงต้องให้คุณซู่ ชดใช้เงิน 1 ล้านเหรียญจิตคืนมา และทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
จางเฟยอังกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแล้วและเคร่งขรึม
ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ต่างเห็นด้วยทั้งสิ้น
แม้แต่จางเหิงเต๋อก็ให้ท้ายเช่นเดียวกัน
“พี่ผมก็เห็นด้วยกับความคิดนี้”
ทำให้จางเหิงล่งนั้นคิดหนัก
“ฑูตซู่ ยินดีที่จะรับข้อเสนอนี้หรือไม่”
จางเหิงล่งหันไปถามกับซู่เสี่ยวไป่
“พ่อ!!”
“ฑูตซู่เพิ่งทะลวงผ่านมาอยู่ในขั้นสูงของกึ่งผู้ฝึกยุทธได้ไม่นาน เขายังไม่มีเวลาไหนไปฝึกฝนวิชาเลยด้วยซ้ำ หากสู้กันมันก็ไม่ยุติธรรมกับเขา”
จางเหิงซิงรีบค้านข้อเสนอนี้ทันทีเพื่อช่วยซู่เสี่ยวไป่
เขาเห็นแค่ความสามารถในการบ่มเพาะของซู่เสี่ยวไป่ จึงได้ชวนเขามาเป็นฑูตของตระกูล เมื่อเห็นว่าซู่เสี่ยวไป่นั้นเติบโตได้รวดเร็วจนเขานั้นไม่อาจจะชนะได้
เขาไม่รู้ว่าซู่เสี่ยวไป่จะมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชาหรือไม่ หรือแท้จริงที่มีพรสวรรค์บ่มเพาะขั้นต่ำ แต่ถึงยังงั้นเขาก็ถึงทะลวงขึ้นมาเป็นกึ่งผู้ฝึกยุ่ทธขั้นสูงได้เมื่อไม่กี่วัน จะให้ต่อสู้เลยมันไม่ยุติธรรมกับซู่เสี่ยวไป่
ซู่เสี่ยวไป่เป็นคนที่เขาเชิญชวนมากับมือ
แน่นอนว่าเขาย่อมยืนอยู่ข้างซู่เสี่ยวไป่
“ใช่…มันไม่ยุติธรรมสักเท่าไร!!”
ก่อนที่จางเหิงล่งจะพูดอะไร ซู่เสี่ยวไป่ก็พูดแทรกขึ้น
“จะให้คนอื่นมาสู้กับผมไปทำไม”
“ตั้งแต่ผมได้ถูกเชิญมาเป็นฑูตของตระกูลจาง ผมก็ต้องแสดงถึงความเด็ดเดี่ยวของฑูต เช่นนั้นทำไม เจ้าตัวที่เสนอเรื่องนี้ถึงไม่มาเป็นคู่ต่อสู้ให้ผมเลยล่ะ”
คำพูดของซู่เสี่ยวไป่ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายอีกครั้ง
กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง จะสู้กับผู้ฝึกยุทธขั้นแรกได้งั้นหรอ
ช่องว่างระหว่างสองเขตแดนนั้นกว้างอยู่ การสู้ข้ามเขตแดนกันนั้นถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
ตอนแรกซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรมาก
แต่เรื่องให้คืนเงิน….ไม่มีทางอะ
นี้แกกำลังล้อฉันเล่นอยู่รึไง
ฉันเล่นใช้เงินไปจนหมดแล้ว จะเอาที่ไหนมาคืน!!!
เดิมทีเขาอยากจะผูกมิตรกับทุกคน แต่เวลานี้คงทำไม่ได้อีกแล้ว ซู่เสี่ยวไป่แกล้งทำเป็นนิ่งเฉยไม่ได้อีกแล้ว เขาต้องสู้เท่านั้น