ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 9 สำเร็จมันวันละวิชา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 11 หากไม่ชนะก็ต้องคืนเงิน

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 10 พรสวรรค์บ่มเพาะขั้นต่ำ


“โครตเจ๋งงง”

ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับอุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นสภาพของหินที่ละลายเพราะโดนฝ่ามือของเขาอีกทั้งพื้นรอบๆ ยังกลายเป็นสีแดงราวกับพื้นดินบนดาวอังคารและมีรอยฝ่ามือสีดำเป็นจุดศูนย์กลาง

วิชาควบคุมธาตุแม้ว่าจะพึ่งสำเร็จในขั้นฝึกหัด แต่ก็ทรงอนุภาพอย่างมาก หากสำเร็จถึงขั้นพื้นฐาน หรือขั้นสูง จนไปถึงสูงสุด มันจะทรงอานุภาพขนาดไหน และยิ่งถ้าเป็นวิชาระดับละเอียดอ่อนด้วยแล้ว

แค่คิดก็รู้สึกขนลุกสู้ไปด้วยความสยอง

เวลานี้ซู่เสี่ยวไป่ยิ่งเข้าใจมากขึ้นไปอีกว่าทำไมเหล่าตัวตนที่แข็งแกร่งที่ออกทีวีหรือตามสื่อต่างๆ ที่เขาเคยเห็น ที่พูดกันว่าเขาผู้นั้นสามารถเคลื่อนภูผาพลิกสมุทรได้ดั่งใจนึก ละทิ้งความเป็นมนุษย์และกลายเป็นดั่งเทพเจ้า

ซู่เสี่ยวไป่ก็รีบตรวจสอบสถานะของตัวเองในตอนนี้ทันที

มนุษย์ : ซู่เสี่ยวไป่

เขตแดน : กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง

ระดับพละกำลัง: ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก

ระดับความคงทน: ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก

ระดับความว่องไว: ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก

พรสวรรค์บำเพ็ญเพียร: ขั้นต่ำ

วิชา: กายาเพชร(ฝึกหัด) เหยี่ยมย่ำข้ามนภา (ฝึกหัด) หัตถ์อัคนีเที่ยงแท้ (ฝึกหัด)

ความสามารถของระบบที่เปิดใช้งาน: พื้นที่ฝึกฝนในคลิกเดียว[ระดับ 2] พื้นที่ฝึกวิชาในคลิกเดียว[ระดับ 2]

“เห้ย!!! เห้ย!!!”

ซู่เสี่ยวไป่หลุดอุทานอีกครั้ง

ทั้งกำลัง ความคงทน ความเร็ว เขานั้นเหนือกว่าเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงไปแล้ว และอยู่ในเขตแดนผู้ฝึกยุทธขั้นแรกแล้ว

หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ เขาสามารถที่จะรับมือหรือสู้กับผู้ฝึกตนที่อยู่ในเขตแดนผู้ฝึกยุทธได้แล้ว

ถึงยังงั้นผู้ฝึกยุทธในระดับเดียวกันกับเขาก็ไม่สามารถที่จะเรียนรู้วิชาได้มากเท่าเขาเช่นกัน และยิ่งเป็นวิชาควบคุมธาตุด้วยแล้ว

“ไม่แปลกใจเลยทำไมวิชาเหล่านี้ถึงแพงนัก”

“และไม่สงสัยแล้วว่าทำไมผู้ฝึกตนจำนวนมากถึงยอมอดทนฝึกฝนทั้งวันทั้งคืน”

“ผลที่ได้รับจากการฝึกฝนนั้นมันคุ้มค่ากับเวลาและแรงที่ลงไป”

ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับถอดหายใจเฮือกใหญ่

วิชาพวกนี้แค่อยู่ในขั้นฝึกหัดยังแสดงอานุภาพได้มากขนาดนี้

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากอยู่ในขั้นพื้นฐาน หรือสูง? กระทั้งสูงสุด?

ซู่เสี่ยวไป่แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็เก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่ไหวแล้ว เมื่อวันนั้นมาถึงวันที่เขาก้าวข้ามผ่านเขตแดนของพลังไปอยู่จุดสูงสุด เขาจะสามารถจัดการกับทุกคนได้อย่างง่ายดายขนาดไหน?

“ถ้าฉันมีเงินละก็..”

“มาเพิ่มระดับพื้นที่ฝึกฝนและพื้นที่ฝึกวิชาได้สูงขึ้น ฉันก็ยิ่งฝึกฝนได้เร็วขึ้นไปอีก”

แต่สิ่งเดียวที่ขวางทางเขาไว้คือตอนนี้ เขายังหาเงินไม่ได้

มีแต่เงินเท่านั้นที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

เงินเป็นสิ่งเดียวในตอนนี้ ที่สามารถเพิ่มระดับให้กับความสามารถที่เย้ยกฏเกณฑ์ของฟ้าดิน

มีแต่เงินเท่านั้นที่จะสามารถเปิดใช้งานความสามารถใหม่ๆ ได้

“เอาเถอะ ค่อยว่ากันอีกทีตอนนี้คงถึงเวลาที่ฉันต้องไปบ้านสกุลจางแล้วสินะ”

เมื่อคิดถึงเรื่องเงินเขาก็คิดถึงตระกูลจาง

“ตอนนี้ฉันเป็นฑูตของตระกูลจางแล้ว ถ้าฉันต้องการเงินอีกสักสองสามล้านเหรียญจิตเขาคงจะให้ฉันได้อย่างไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

ตระกูลจางนั้นมีธุรกิจมากมายและได้เงินจำนวนมาก

แค่เริ่มทำสัญญาก็ให้เงินเขามาแล้ว 1 ล้านเหรียญจิต

ถ้ายิ่งแสดงความแข็งแกร่งให้ตระกูลเห็นมากเท่าไร ก็อาจจะได้รับเงินเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก

“เพื่อความสามารถออกล่าอสูรในคลิกเดียว พื้นที่ฝึกฝนในคลิกเดียว และพื้นที่ฝึกวิชาในคลิกเดียว ฉันต้องไปที่ตระกูลจาง!!”

ช่วงบ่าย

ในฐานะฑูตของตระกูลจาง ซู่เสี่ยวไป่พึ่งเคยจะมาที่ตระกูลจางครั้งแรก

“บ้านแถวนี้ใหญ่โตชะมัด!!”

ซู่เสี่ยวไป่นั้นรู้สึกอิจฉาในความรวยของตระกูลจาง

ในเขตพื้นที่ 18 ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือพื้นที่ส่วนนอกและพื้นที่ส่วนใน

พื้นที่ของผู้คนส่วนใหญ่กว่า 90% อยู่คือพื้นที่ส่วนนอก มีเพียง 10% เท่านั้นอยู่ในพื้นที่ส่วนใน อีกทั้งพื้นที่ส่วนในนั้นได้รับการดูแลอย่างดีไม่ว่าจะเรื่องความปลอดภัย อุปกรณ์ป้องกัน พร้อมคนรักษาความปลอดภัยและอื่นๆ ที่ดูแน่นหนาปลอดภัยกว่าพื้นที่ส่วนนอก

นอกจากสิ่งต่างๆ ที่เอาไว้รับมือภัยพิบัติต่างๆ ภายในพื้นที่ส่วนในนั้นยังอุดมสมบูรณ์ เพื่อทำให้มั่นใจว่าพื้นที่ส่วนในนั้น จะเป็นพื้นที่เมื่อเมืองถูกปิดล้อมจะสามารถอยู่รอดได้

ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนในนั้นล้วนจะเป็นตระกูลที่ร่ำรวยหรือมีอำนาจหรืออาจจะเป็นข้าราชการระดับสูงของเมือง ไม่มีคนธรรมดาๆ เข้ามาในพื้นที่ส่วนในได้

“ในวันข้างหน้าฉันจะพาหลินเกอย้ายมาอยู่ที่นี่ให้ได้!!”

ซู่เสี่ยวไป่ปฏิญาณกับตัวเองเบาๆ

การอาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนในนั้นมีความปลอดภัยที่สูงกว่า

ที่พื้นที่ส่วนนอก ชีวิตของคนธรรมดาๆ นั้นจะไม่ได้รับการดูแลนัก หากถูกผู้ฝึกตนฆ่าตาย ผู้ฝึกตนผู้นั้นจะถูกทางรัฐบาลงโทษแค่ติดคุกหรือปรับ ไม่มีทางที่จะประหารชีวิต เพราะผู้ฝึกตนเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป

ชีวิตของผู้คนชาวบ้านทั่วไปหรือคนธรรมดาๆ นั้นไร้ค่าหากเทียบกับผู้ฝึกตน

มันคือความจริงอันแสนโหดร้ายของโลกใบนี้

แต่เมื่อใดที่คนธรรมดาทั่วไป ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนในแล้ว จะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป คือมียศถาหรือศักดิ์ที่มากกว่า ที่ทางรัฐบาลให้การยอมรับและจะได้รับการปกป้องจากรัฐบาล

แล้วซู่เสี่ยวไป่ก็กำลังยื่นอยู่หน้าบ้านตระกูลจาง

ไม่นานหลังจากเรียกหา จางเหิงซิงก็รีบวิ่งออกมาอย่างลิงโลด

“ฑูตซู่ คุณมาแล้ว!!”

จางเหิงซิงรีบทักซู่เสี่ยวไป่อย่างมีความสุข

“เชิญๆ เข้ามาก่อน ท่านพ่อกับท่านอาของผมกำลังรออยู่พอดี..”

“กำลังรอฉัน?”

ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกใจไม่ดีเท่าไรนัก

คนตัวเล็กๆ เช่นเขาทำไมถึงไปสร้างความสนใจได้มากขนาดนั้น

ซู่เสี่ยวไป่ประเมินฐานะฑูตของเขาต่ำเกินไป

อำนาจของตระกูลใหญ่นอกจากความแข็งแกร่งจากบุคคลภายในตระกูลแล้ว ยังต้องเทียบกันที่ฑูตประจำตระกูลอีกด้วย จะสามารถชี้วัดได้ว่าตระกูลนั้นมีขุมอำนาจขนาดไหน

ยิ่งตระกูลมีฑูตมาก และฑูตของตระกูลแข็งแกร่งมาก จะทำให้ตระกูลนั้นทรงอำนาจ

และการเป็นฑูตของตระกูลก็เท่ากับเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเช่นเดียวกัน

แม้แต่ผู้นำตระกูลก็ยังต้องมีมารยาทเมื่ออยู่ต่อหน้าฑูต

หลังจากนั้นไม่นาน

ซู่เสี่ยวไป่ก็ถูกพามายังห้องรับแขก

คนที่อยู่ในห้องแห่งนี้ทุกคนล้วนเป็นเป็นคนตระกูลจางที่มีตำแหน่ง

และกำลังจ้องมองสำรวจเขาทุกระเบียบนิ้ว

“แค่กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง..ยังไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธด้วยซ้ำ ไหนถูกรับเชิญให้เป็นฑูตของตระกูลได้ละเนี่ย?”

“อย่าพึ่งดูถูกเขาเกินไป ได้ยินว่าเด็กผู้นี้มีพรสวรรค์บ่มเพาะสูง ความสำเร็จของเขาในวันข้างหน้าอย่างน้อยๆ ก็ต้องจ้าวยุทธ และหากมีโชคชะตาที่ดีเขาอาจจะเติบโตไปถึงขั้นจ้าวยุทธภพ”

“โถ่ คิดไปไกลเกินว่าไม่ว่าจะอัจฉริยะหรือพรสวรรค์สูงส่งมาจากไหน หากยังไม่เติบโตก็เท่านั้น เวลานี้เขานั้นไร้ซึ่งพลัง ไม่ต้องพูดถึงว่าหาตระกูลจางของเราต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหยวน เขาเป็นแค่กึ่งผู้ฝึกยุทธ จะช่วยอะไรได้?”

“....”

ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างนินทาซุบซิบกัน

แต่พวกเขาคุยกันผ่านพลังภายในและอัดเสียงส่งถึงกัน ทำให้ซู่เสี่ยวไป่นั้นไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูด แต่สามารถเห็นได้จากสีหน้าที่พวกเขาแสดงออกว่าคิดเช่นไรกับเขา และจากสายตาที่จ้องมา

ทุกอย่างนั้ซู่เสี่ยวไป่เข้าใจได้ในทันที

ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ ล้วนอยู่เหนือเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธหมดแล้ว แม้ว่าซู่เสี่ยวไป่เองพึ่งจะเข้าสู้หนทางฝึกตนได้ไม่นาน แต่เขาก็ยังพอสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอที่แผ่ออกมาจากร่างของแต่ละคน ความร้อนจากกระแสเลือด เหงื่อที่ไหลออกมา ทุกอย่างแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางร่างกายทั้งสิ้น

“คุณซู ผมชื่อจางเหิงล่ง เป็นผู้นำตระกูลจาง”

“ลูกชายของผมได้เชิญให้คุณมาเป็นฑูตของตระกูลเรา ซึ่งผมไม่ได้รับรู้และยังไม่ได้รับการยินยอมจากทางตระกูลก่อน ทำให้ผมไม่สามารถยอมรับคุณให้เป็นฑูตได้ในตอนนี้”

น้ำเสียงของจางเหิงล่งนั้นดูสุขุมและเยือกเย็น

“มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตระกูลจางของผม ดังนั่มผมต้องการจะทดสอบคุณซู ว่ามีคุณสมบัติเพียงพอกับการเป็นฑูตของตระกูลจางหรือไม่”

เมื่อพูดจบจางเหิงล่งก็ได้ส่งสัญญาณมือให้คนของเขานำของชิ้นหนึ่งเข้ามา มันมีรูปร่างเหมือนหิน

และวางต่อหน้าซู่เสี่ยวไป

ตัวตรวจสอบพรสวรรค์บ่มเพาะ?

ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

แต่ถึงยังงั้นซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ เพราะมีสายตาที่กำลังจ้องมองเขาอย่างไม่กระพริบ ทำให้ซู่เสี่ยวไป่ยอมนำมือไปวางไว้บนหินก้อนนั้น

หินก้อนนั้นส่องแสงออกมาเป็นสีเทาเมื่อมือของซู่เสี่ยวไป่ไปสัมผัส

“พรสวรรค์บ่มเพาะระดับต่ำ…”

เสียงของผู้ตรวจสอบดังไปทั่วทั้งห้องรับแขก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด