ตอนที่ 791+792 ไม่กลับคำพูดหรอก
ตอนที่ 791 ไม่กลับคำพูดหรอก
เจียงเหยาได้ตอบตกลงกับเขา เธอคิดว่าไม่จำเป็นต้องโต้เถียงกับลู่ชิงสีเพียงเพราะเรื่องของคนนอก
หลังจากที่เขาได้รับคำตอบจากเจียงเหยาแล้ว ลู่ชิงสีก็เติมน้ำชาให้เธอด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “เฉินเฟยถังถูกกำจัดในตอนบ่ายเมื่อการประเมินเริ่มต้น เธอเป็นคนแรกที่ถูกกำจัดในรอบที่สาม เธออาจจะป่วยหนักมั้ง เธอเลยไม่ได้ออกจากกองบัญชาการทันที คุณบอกผู้อาวุโสเฉินหรือเปล่าว่าเฉินเฟยไป่ต้องการพบเฉินเฟยถัง”
“ค่ะ” เจียงเหยาพยักหน้า “ผู้อาวุโสเฉินก็เห็นด้วย เขาบอกว่า เขาจะให้เฉินเฟยถังมาที่เมืองหนานเจียงเพื่อพบกับเฉินเฟยไป่ หลังจากเสร็จกระบวนการประเมิน”
“ในเมื่อผู้อาวุโสเฉินรับปากแล้ว เขาไม่คืนคำหรอก ปล่อยให้เฉินเฟยไป่รอไปก่อน” ลู่ชิงสีตอบส่ง ๆ
เมื่ออาหารถูกนำมาเสิร์ฟ เขาคีบอาหารลงในจานของเจียงเหยาและพูดว่า “ต่อไปไม่ต้องรอผม ถ้าถึงเวลาทานข้าวก็กินไปก่อนเลย เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”
“ก็ไม่บ่อยเสียหน่อย” เจียงเหยาพึมพำ “โอ้ ใช่แล้ว น้องชายคนที่ห้าโทรหาฉันเมื่อวันก่อน เขาขอให้ฉันตรวจคอให้ฉู่เซิง นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว แปลกอยู่นิดหน่อยที่เขายังไม่มาอีก นี่คุณรู้ไหม ว่าเขารู้จักกับเจ้าของร้านน้ำชาตรอกลึกและเขาก็ตามหาเธอมาหลายปีแล้วด้วย”
“บางทีอาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่น้องห้าถูกลักพาตัวไปตอนที่เขายังเด็กก็ได้ ตามที่พี่ใหญ่บอก ไม่ใช่แค่น้องห้าคนเดียวที่ถูกจับในเวลานั้น ยังมีเด็ก ๆ มีหลายคน หลังจากที่เขากลับมา เขาก็ตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ระหว่างนั้นมีคนถูกทรมานจนตายอย่างไร้ความปรานีด้วย ตระกูลเฉินเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังตามหาใคร พวกเขาค้นหามาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ใช่เธอ หลังจากนั้นก็เรื่องมันก็จบลง ดูเหมือนว่าฉู่เซิงอาจจะเป็นเด็กผู้หญิงที่น้องห้ากำลังตามหาอยู่” ลู่ชิงสีกล่าว
“ทรมาน หมายความว่ายังไงคะ” เจียงเหยาสังเกตคำที่ลู่ชิงสีเลือกใช้
“ผมเองก็ไม่รู้ พวกเราไม่มีใครรู้เรื่องนี้” ลู่ชิงสีเหลือบไปที่เจียงเหยา เขามีความรู้สึกว่าตั้งแต่พี่น้องของเขาคุ้นเคยกับเจียงเหยา พวกเขามักจะพูดถึงเรื่องของตัวเองทุกครั้งที่เจอเธอ
นั่นมันทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
“น้องห้าโตพอที่จะจัดการเรื่องของตัวเอง ถ้าเขามาหาคุณ ก็พยายามช่วยเขาอย่างเต็มที่ก็แล้วกัน ถ้าเขาไม่มาก็อย่าไปสนใจมันมาก ผมจะกลับเมืองจินพรุ่งนี้ กว่าจะได้พบกับคุณอีกก็คงจะเป็นช่วงวันหยุดฤดูหนาวเลยนะ” ลู่ชิงสีบอกเธอ
“งั้นก่อนปีใหม่ ฉันจะกลับบ้านพักหนึ่งนะคะ ตั้งแต่มาเรียนมหาวิทยาลัย ฉันไม่ได้กลับบ้านเลย ฉันคิดถึงครอบครัวค่ะ” เจียงเหยาพูดกับเขา เธอรู้ว่าลู่ชิงสีหึง เขามักจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่ใส่ใจที่จะพูดถึงสิ่งที่ไม่สำคัญสำหรับเขา เขาอยากให้เธอมีเขาเพียงคนเดียวในใจ
หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว ทั้งสองคนก็ตรงกลับไปที่โรงแรม
ห้องของลู่ชิงสียังอยู่ที่เดิม และคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่โรงแรมนั้นด้วย แม้ว่าพวกเขาจะได้บ้านพักแล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาในการซ่อมแซม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้ในทันที
เมื่อลู่อี้ชิงและกู้ฮ่าวอวี้รู้ว่าทั้งสองคนกลับมาแล้ว พวกเขาไปที่ห้องของลู่ชิงสี
ลู่ชิงสีทักทายทั้งสองคนในขณะที่เขาให้ความสนใจกับสิ่งที่เจียงเหยากำลังทำ เมื่อเขารู้ว่าเธอต้องการช่วยเขาจัดเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทาง เขาก็รีบไปหาเธอ “ภรรยา ยังไม่ต้องทำหรอก พรุ่งนี้นู้นผมถึงจะกลับเมืองหลวง”
__
ตอนที่ 792 โกรธจนอาย
“มีเสื้อผ้าสกปรกอยู่ในนี้ด้วย คุณน่าจะเอาออกมาซักก่อนนะคะ” เจียงเหยากล่าว
“อีกสามวันข้างหน้า คุณก็ไม่มีเวลาซักผ้าหรอก ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรทำ ให้ฉันซักให้คุณนะคะ กลับไปที่กองทัพคุณก็ยุ่งอีก จะได้ไม่จำเป็นต้องหารเวลามาซักผ้าด้วย”
“ทำไมผมต้องยุ่งด้วย แค่เสื้อผ้าสองชุด มานั่งคุยกับพวกเราตรงนี้เถอะ” หลังจากที่ลู่ชิงสีนำสัมภาระออกไป เขาจับมือเจียงเหยาและออกไปข้างนอก
ลู่อี้ชิงยืนอยู่ที่นั่น ขณะที่เธอหันไปหาเจียงเหยาและกล่าวว่า “จากความเข้าใจของฉันนะ เจ้าน้องชายจะต้องซ่อนบางอย่างที่น่าอายไว้ให้กระเป๋าและไม่ต้องการให้เธอเห็น” คำพูดสบาย ๆ ของลู่อี้ชิงดึงเสียงคำรามโกรธของลู่ชิงสีออกมา “ลู่อี้ชิง หุบปากไปเลย”
“อายจนโกรธไปเลย น่ากลัวจริง ๆ” ลู่อี้ชิงเลิกคิ้วขึ้นไปที่เจียงเหยา จากนั้นเธอก็หันหลังกลับด้วยรอยยิ้มและออกไปนั่งคุยกับกู้ฮ่าวอวี้ที่ด้านนอก
“พี่อี้ชิง ถ้าชิงสีโกรธ เขาจะไล่พี่ออกไปนะ” กู้ฮ่าวอวี้รินชาให้กับลู่อี้ชิงแล้วยิ้ม “แม้ว่าพี่จะเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขาก็เถอะ แต่เขาก็ยังไร้ความปรานีกับพี่ได้”
“ฉันรู้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย ฉันแค่คิดว่า น่าสนใจดีที่จะได้เห็นเขาโกรธ ใช่ไหมล่ะ” ลู่อี้ชิงหัวเราะ “เขาทำตัวเหมือนชายหนุ่มที่โตเต็มที่ตั้งแต่ที่เขายังเด็ก ในฐานะพี่สาว ฉันไม่มีโอกาสได้แกล้งเขาเลยด้วยซ้ำ สนุกดีออกที่ได้ชดเชยในตอนนี้”
ลู่ชิงสีได้ยินคำพูดของลู่อี้ชิง เมื่อเขาจับมือเจียงเหยา และพาเธอเดินออกมาที่ข้างนอก เขาพยายามควบคุมอารมณ์ไว้ ถ้าเธอไม่ใช่พี่สาวของเขา เธอจะมีโอกาสได้มานั่งคุยกับกู้ฮ่าวอวี้ได้อย่างไร
“ผลเป็นไงบ้าง” กู้ฮ่าวอวี้ตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ระหว่างพี่น้อง
เจียงเหยาไม่มีโอกาสได้ถามลู่ชิงสี เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงโล่งใจที่ได้ยินคำถามของกู้ฮ่าวอวี้ เธอยังมองไปที่ลู่ชิงสีอย่างระมัดระวัง ในขณะที่เธอต้องการสังเกตการแสดงออกของเขา
ในวินาทีต่อมา ฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาแตะหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา จนปิดดวงตาเธอจนมิด
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของเขาจากเหนือศีรษะของเธอ “คุณไม่มั่นใจในตัวของผู้ชายของคุณเหรอ”
“ฟังจากน้ำเสียงแล้ว เขาผ่านสินะ” ลู่อี้ชิงยิ้ม
“ใช่” ลู่ชิงสีพยักหน้า “ถ้าฉันเป็นอันดับสอง คงไม่มีใครกล้าเป็นอันดับหนึ่ง”
เขาทะนงตนเสียจนไม่แม้แต่จะพยายามปิดบัง ทั้งสามคนเชื่ออย่างนั้น
“จูฉีซานมาที่เมืองหนานเจียงเป็นการส่วนตัว เขาต้องการพบนายและเจียงเหยา เขาติดต่อผ่านผู้กำกับเยว่ แต่ฉันสกัดเขาไว้แล้ว” กู้ฮ่าวอวี้กล่าว “สองวันแล้ว ฉันคิดว่าฉันระงับความเย่อหยิ่งของเขามากพอแล้วล่ะ”
“ไม่จำเป็นต้องไปพบเขา” ลู่ชิงสีกล่าว “ผู้กำกับเยว่บอกกับครอบครัวจูไปแล้ว ว่าหากพวกเขาไม่อยากให้จูเฉียนหลานอยู่ในคุกของเมืองหนานเจียงต่ออีกสองปี พวกเขาก็ควรจะไม่ให้เธอมาเหยียบที่ประเทศ z ไปตลอดชีวิต หรือปล่อยให้ฉันได้เจอเธออีก”
ลู่อี้ชิงอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดของน้องชาย เธอหันกลับไปมองเขา อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกราวกับว่าเธอจำน้องชายของเธอไม่ได้อีกต่อไป
เขาหยิ่งผยองในกองทัพเพราะเขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยม เขาภูมิใจแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในนั้น นั่นคือความสามารถของน้องชายเธอ
ครอบครัวลู่มีภูมิหลังที่ดี แต่ถูกจำกัดอยู่แค่เมืองเล็ก ๆ มานอกเมืองไม่มีใครรู้จักพวกเขาด้วยซ้ำ
กู้ฮ่าวอวี้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ครู่หนึ่ง “ฉันจะโทรบอกที่บ้าน ให้พวกเขาออกหน้าให้ก็แล้วกัน” หากต้องการบังคับให้ใครสักคนออกจากตระกูล การให้ครอบครัวของเขาเป็นฝ่ายออกหน้า มันน่าจะง่ายกว่า