ตอนที่ 67 เสี่ยวเฮย
ตอนีน้ที่กึ่งเทพของอาณาจักรลับหายไป กู่ฉางเกอถึงได้มีเวลาเพ่งมองง้าวมารในมือ คมดาบของง้าวเป็นสีดำสนิท และมีเส้นเลือดสีแดงเต้นอยู่บนคมดาบ
มันแผ่แสงเย็น และดูน่ากลัวมากภายใต้พลังมารหนาแน่นที่ล้อมรอบมัน
น้ำหนักมันไม่เบาเลย
กู่ฉางเกอเดาว่ามันคงหนักสอง สามหมื่นชั่ง และผิวสัมผัสมันก็เย็นมาก ทำให้ดูเหมือนจะหลอมโดยทองเซียนมืด
ยิ่งกู่ฉางเกอมองมันนาน เขายิ่งพึงพอใจ
ร่างกายของเขาถือว่าดีมากในหมู่อัจฉริยะของอาณาจักรเบื้องบน แต่แม้กระทั่งเขาก็ยังรับรู้ได้ถึงน้ำหนักของง้าว
แน่อนน เขาสามารถถือมันได้เพราะใจมารของเขามีสายสัมพันธ์กับง้าวมาร นับประสาอะไรกับการถือมันในมือ ผู้บ่มเพาะธรรมดาคงโดนกำจัดทันทีที่ยพายามแตะมัน
น้ำหนักที่เขารับรู้ตอนนี้ถูกกำหนดโดยง้าวมารเพื่อให้เขาใช้มันได้คล่อง น้ำหนักจริงมันต้องเหนือจินตนาการ มันสามารถบดขยี้ผ่านมิติได้สบายๆ
“มันดูเหมือนเจ้าจะมองข้าเป็นหนึ่งในพวกของเจ้า และจะติดตามข้านับจากนี้ไป..”
กู่ฉางเกอพูดด้วยความพึงพอใจ และเรียกขวดสมบัติเต๋าเหนือหัวเขากลับ
วิญญาณของกึ่งเทพสูงสุดสามารถพัฒนาฐานบ่มเพาะเขาได้อย่างก้าวกระโดดหลังเขาย่อยมัน ตอนนี้ มันเปลี่ยนเป็นพลังบริสุทธิ์และทำให้เขารับรู้ถึงพลังที่วิ่งแล่นทั่วกาย
แน่นอน มันเพิ่มพลังซ่อนเร้นที่เขาไม่อาจนำออกมาได้เว้นแต่เขาจะไร้ทางเลือก ในฐานะราชาหนุ่มจากอาณาจักรเบื้องบน กู่ฉางเกอย่อมไม่ขาดไพ่ตาย และนี่ก็คือหนึ่งในอาวุธลับมากมายของเขา
ในทางกลับกัน ง้าวมารแปดทิศกำลังสั่นด้วยความตื่นเต้นกับคำพูดของกู่ฉางเกอ ราวกับมันเข้าใจคำพูดเขา ในเวลาเดียวกัน กู่ฉางเกอก็รู้สึกถึงความยินดี หลงใหลและตื่นเต้นจากง้าวมาร ไม่ว่าเขาจะมองมันยังไง มันก็ดูไม่คล้ายอาวุธมารที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร นำพาความโกลาหลมาสู่สวรรค์เลย
มันกลับดูเหมือนเพื่อนบ้านที่เป็ฯมิตร
อารมณ์ประหลาดของมันทำให้กู่ฉางเกอตกตะลึงไปชั่วขณะ แตไม่ช้าความแปลกใจก็กลืนกิน
เขาได้ยินข่าวลือมาว่าง้าวมารแปดทิศไม่ใช่อาวุธที่หลอมขึ้น แต่เป็นอาวุธที่เกิดมากับนายมันที่ครอบครองใจมาร แน่นอน ข่าวลือนั้นเก่าแก่มาก และความถูกต้องก็ไม่อาจยืนยันได้
ยังไงซะ เขาก็มีความสุขที่รับรู้ได้ถึงอารมณ์จากง้าวมาร ทุกอย่างในโลกล้วนมีจิตวิญญาณของมัน และอาวุธก็ไม่เว้น
มันเป็นปกติสำหรับอาวุธที่จะรวบรวมสติปัญญาหลังอยู่รอดมา
เหนือสิ่งอื่นใด มีตระกูลโบราณมากมายที่มีสมบัติของบรรพชนซึ่งส่งต่อกันมา สมบัติเหล่านี้จะถูกปลุกขึ้นในช่วงเวลาวิกฤตเท่านั้น
ง้าวมารแสนดุร้ายได้ถูกผนึกไว้มานานปี และมันก็ได้พัฒนาสติปัญญาของมัน
นี่ทำให้กู่ฉาเงกอแปลกใจและอดรู้สึกชื่นชมมันไม่ได้
“มันดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจคำพูดข้า?’
กู่ฉางเกอพูดกับง้าวมารและรอการตอบสนองของมัน
มันสั่นตอบ
มันแค่ว่าง้าวมารทำได้แค่ถ่ายทอดอารมณ์ให้เขา และไม่พูด
“เจ้าเข้าใจข้าจริงๆ!เจ้าเข้าใจไหมว่าข้าจะเป็นนายของเจ้านับจากนี้ไป?”
กู่ฉางเกอถามอีกครั้ง
แน่นอน เขาต้องหลอมมันก่อน เว้นแต่เขาจะหลอมมัน เขาจะไม่สามารถดึงพลังแท้จริงของมันออกมาได้แม้เขาจะควบคุมมันได้ตอนนี้ก็ตาม
ง้าวมารสั่นอย่างมีความสุข ราวกับมันกำลังแสดงให้เห็นว่ามันดีใจแค่ไหนที่มีกู่ฉางเกอเป็นนาย มันปลดปล่อยพลังมารไปทั่ว
“เจ้าเป็นอาวุธที่ดีเช่นนี้ แต่ก็ยังโดนผนึกไว้ที่นี่เป็นเวลานาน ในฐานะนายของเจ้า ข้าอดรู้สึกเจ็บปวดใจแทนเจ้าไม่ได้... จงติดตามข้า และข้าจะฆ่าใครก็ตามที่หมายทำร้ายเจ้า ถ้ามีคนทำให้เจ้าไม่พอใจ งั้นก็แค่บอกข้ามา”
กู่ฉางเกอพูดเล่นอย่างมีความสุขและตระหนักว่ามันคงผ่านมาไม่นานที่มันให้กำเนิดจิตสำนึก เพราะตอนนี้ มันทำได้แค่ถ่ายทอดอารมณ์ง่ายๆ มีความสุข โกรธและเศร้า
พอได้ยินคำพูดเขา ความตื่นเต้นของง้าวก็พุ่งทะยาน และปลายคมดาบมันก็สั่น มิติโดยรอบมันปั่นป่วน
“จากนี้ไป ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวเฮยก็แล้วกันในเมื่อเจ้าดูงดงามขนาดนี้”(แปลว่าดำน้อย ดูงดงามตรงไหนฟะ)
“…”
กู่ฉางเกออดหัวเราะในใจไม่ได้ สำหรับเขา เสี่ยวเฮยดูยั่วส้นเท้ามากกว่าความงาม
...
พอกุ่ฉางเกอออกวัง เย่หลิวลี่ก็เดินตามเขามาด้วยใบหน้าซับซ้อน ทั้งสองเดินไปทางขอบนอกของเมืองโบราณใต้ดินเงียบๆ
ระหว่างทาง การแจ้งเตือนระบบดังขึ้น
[ติ้ง!ขอแสดงความยินดีด้วยสำหรับการกำราบง้าวมารแปดทิศ!ท่านได้ปลดล็อคคลังอาวุธของระบบ!]
การแจ้งเตือนนี้ทำให้กู่ฉางเกอประหลาดใจ และสงสัยว่าคลังอาวุธนี้เหมือนกับสมบัติมิติหรือเปล่า?
เขาเรียกหน้าต่างสถานะ
เจ้าของ : กู่ฉางเกอ
รัศมี : วายร้ายสวรรค์ลิขิต
อาวุธ : ง้าวมารแปดทิศ
ตัวตน : ศิษย์แท้จริงวังเต๋าเซียนสวรรค์
เส้นชีพจร : ใจมาร กระดูกเต๋า
ฐานบ่มเพาะ : ราชาเซียน(ขั้นสูง)
ความสามารถลี้ลับ : เคล็ดเต๋าเซียนสวรรค์(ขั้นเจ็ด) วิหารจิตเทพบรรพกาล(พรสวรรค์) กายหมื่นปีศาจจำแลง(พรสวรรค์) เคล็ดเซียนปีศาจกลืนกิน
ค่าโชคชะตา : 9000
ค่าโชคลาภ : 1880(มืด)
ร้านค้าระบบ : เปิด
คลัง : เครื่องรางทำลายเขตแดนx1 หนึ่งในสามชิ้นส่วนเมล็ดพันธุ์โลกx3 การ์ดปล้นโชคx3
ไม่ช้าเขาก็พบง้าวมารแปดทิศในรายการ ด้วยลักษระของระบบ เขามั่นใจว่ามีแค่สมบัติเช่นมันถึงมีเกียรติแสดงในหน้าต่างสถานะของเขา
พูดง่ายๆ’ระบบจะไม่สนใจบันทึกของธรรมดาต่อให้กู่ฉางเกอจะเข้าใจเคล็ดบ่มเพาะบางอย่างหรือหลอมอาวุธ’
มันดูถูกและมองเป็นของไร้ค่า
ในเมื่อต้นกำเนิดของง้าวมารไม่ธรรมดา ระบบจึงปลดล็อคคลังอาวุธให้มัน
ของธรรมดาที่กู่ฉางเกอเป็นเจ้าของอยู่แล้ว เช่นกระบี่ ดาบ หม้อหลอม อื่นๆจะไม่แสดงบนหน้าต่างสถานะเขา ของทั้งหมดยังต้องเก็บไว้ในแหวนของเขาหรืออย่างอื่น
จากนั้น กู่ฉางเกอก็ออกคำสั่งในหัว และรู้สึกว่าง้าวมารหายไปจากแหวนเขา
ในเวลาเดียวกัน เขาก็เห็นมิติไร้ขอบเขตในหัวเขา
[ฮึ่ม!]
ง้าวมารปรากฏในนั้น สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยทำให้มันตกใจ และปลดปล่อยพลังมารน่ากลัวที่พวยพุ่งไปทุกทิศทาง เหมือนแมวโดนเหยียบหาง
โชคดี ไม่ช้ากู่ฉางเกอก็สัมผัสได้ว่ามันสงบลงแล้ว
‘มิตินี้ไม่ได้อยู่ในมิติที่ดำรงอยู่รอบเรา และมีแค่ข้าถึงเชื่อมต่อกับมันได้ ดี! ยังไงซะ มันก็ไม่ง่ายสำหรับข้าที่จะปกปิดง้าวมาร..’
‘ถ้าพวกยอดฝีมือบางคนสัมผัสได้ว่ามันอยู่กับข้า ข้ามั่นใจว่าพวกเขาจะใช้กำลังแย่งชิงมันไปจากข้าแน่โดยไม่สนภูมิหลังของข้า..’
กู่ฉางเกอไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อการดำรงอยู่ของง้าวมารเปิดเผยต่อโลก สัตว์ประหลาดเฒ่าโลภมากจะออกมาหามัน สำหรับพวกเขา มันไม่ใช่อาวุธแห่งการเข่นฆ่า แต่เป็นสมบัติฟ้าประทานที่สามารถเพิ่มพลังพวกเขาได้
คลังออาวุธนี้จากระบบคือสมบัติอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน พวกเขาก็จะสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นอายของง้าวมาร
ไม่เพียงมันจะปกปิดกลิ่นอายง้าวมารได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันยังถือเป็นไพ่ตายอีกใบของเขา พอความคิดนี้แวบผ่านหัว กู่ฉางเกอก็ตระหนักว่าเขามีไพ่ตายมากมาย แต่ก็นึกได้ว่าหายนะที่เขาเผชิญจะร้ายแรงกว่า
ความกังวลของเขาคือเคล็ดเซียนปีศาจกลืนกิน สำหรับพวกลูกสาวฟ้าประทานคนอื่นที่เจ้าของร่างนี้ไปทำให้เคียดแค้นในอาณาจักรเบื้องบน เขาได้คิดหาทางจัดการไว้แล้ว
เขาจะจัดการกับพวกนั้นอย่างระมัดระวังหลังกลับไป
..
“นายน้อย โปรดอภัยให้บ่าวด้วย บ่าวทำได้ไม่ดี!คนของแม่นางเย่หลิวลี่รั้งข้าไว้และทำให้ข้าไม่สามารถหยุดนางได้’
ทันทีที่เฒ่าหมิงเห็นกู่ฉางเกอกลับมา เขาก็คุกเข่ากับพื้นและขอความเมตตา
ตอนนี้ พวกเขาจัดการกับฝูงสัตว์อสูรไปจนเกือบหมดแล้ว
แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้เฒ่าหมิงตกใจคือความจริงที่เย่หลิวลี่ ผู้อดใจไม่ไหวที่จะแทงคุณชายของเขากลับเดินตามหลังมาเงียบๆ
เกิดอะไรขึ้น?
“ไม่เป็นไร มันไม่สำคัญว่านางจะตามข้าทันไหม นางไม่สามารถหยุดข้าได้อยู่แล้ว”
กู่ฉางเกอไม่สนใจเรื่องนี้มาก“กลับกัน ข้าหมดธุระที่อาณาจักรเบื้องล่างแล้ว มันถึงเวลาที่เราจะกลับไป”
“ตามบัญชา นายน้อย!”
ใบหน้าของเฒ่าหมิงดูจริงจังพอได้ยินคำพูดของกู่ฉางเกอ จากน้ำเสียงของนายน้อย มันชัดเจนว่าเขาได้รับสิ่งที่เขาต้องการแล้ว และทุกอย่างก็ราบรื่นด้วย
เฒ่าหมิงอดรู้สึกยินดีไม่ได้
ในทางกลับกัน เย่หลิวลี่กลับเผยใบหน้าไม่พอใจขณะไปคุยกับผู้ติดตามที่นางพามา
ใบหน้าขาวเนียนของนางไร้สีเลือด ราวกับมีคนรังแกนาง ป้าเสวี่ยกับคนอื่นอดงุนงงไม่ได้พอเห็นใบหน้าบูดของนาง
“คุณหนู เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหนูเย่เฉิน?”
ป้าเสวี่ยถาม
“เขาตายแล้ว กู่ฉางเกอฆ่าเขา!”
เย่หลิวลี่ตอบ
ว่าไงนะ?!
สีหน้าของป้าเสวี่ยเปลี่ยนไป จากนั้นก็รู้สึกดีใจ นางคิดว่าคุณหนูของนางจะโจมตีคุณชายกู่เพื่อเย่เฉินนั่นซะอีก แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ถึงจุดนั้น
สำหรับเย่เฉิน?ใครสนใจมัน?เขาสมควรตาย!
สำหรับว่าทำไมคุณหนูนางถึงหน้าบึ้ง?ความตายของเขาคงเป็นสาเหตุ
แม้ป้าเสวี่ยจะรู้สึกฟุ้งซ่านกับสภาพของคุณหนูนาง แต่นางเชื่อว่าเวลาจะเยียวยาเอง
..
พอออกเมืองโบราณใต้ดิน กลุ่มของเย่หลิวลี่ก็ไม่อยู่กับกู่ฉางเกอต่อ กู่ฉางเกอเองก็มไสนใจ ตอนนี้ที่ขวดสมบัติเต๋าของเขาอยู่ในจิตสำนึกนางแล้ว มันไม่สำคัญว่าเย่หลิวลี่จะหนีไปไหน
“นายน้อย ถ้าบ่าวไม่ได้อุกอาจ งั้นบ่าวขอถามว่าท่านจะพาแม่นางชิวหานกลับไปกับท่านไหม?’
เฒ่าหมิงถามอย่างเคารพ
ถ้ากู่ฉางเกออยากพานางไปด้วย งั้นเขาก็จะได้ดูแลนางในอาณาจักรเบื้องบน แน่นอน มันเป็นไปได้ว่าหลินชิวหานจะเป็นคนที่ดูแลเขาเองซะมากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน หญิงงามก็มักประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าคนชรา
แถมหลินชิวหานยังเป็นลูกหลานของเขา ไม่จำเป็นที่เขาต้องอิจฉานาง ถ้านางสามารถถวายตัวให้นายน้อยได้ งั้นนายน้อยของเขาจะต้องไม่ลืมเขาแน่
“ข้าชอบแม่นางชิวหานมาก ข้าจะพานางไปด้วย”
เขาได้เตรียมแผนการไว้ให้หลินชิวหานแล้วและจะพานางกลับไปใช้งานด้วย
มันดันว่าหนึ่งในสำนักหลอมโอสถใหญ่ของอาณาจักรเบื้องบนยังไม่เจอคนมีพรสวรรค์ที่คู่ควรหลังค้นหามาหลายปี พวกเขาไม่ขาดทรัพยากร แต่กลับกระหายศิษย์ที่มีพรสวรรค์ พวกเขาต้องการคนอย่างหลินชิวหานเป็นพิเศษ
เขาเดาว่าพวกเขาจะเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวนางแน่!
พรสวรรค์กับเจตจำนงเม็ดยาแต่กำเนิดและฝีมือด้านการหลอมนั้นส่วนใหญ่จะเกิดในบางเผ่าที่ใกล้ชิดกับระบบนิเวศ มีไม่มากนักในหมู่มนุษย์
แม้อาณาจักรเบื้องบนจะกว้างใหญ่ไพศาล แม้จะเชื่อมต่อกับอาณาจักรเบื้องล่างขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ มนุษย์ก็ไม่ใช่เผ่าที่เป็นใหญ่ขนาดนั้น
ในอาณาจักรเบื้องล่าง พูดได้ว่ามีเผ่านับพัน แต่ในอาณาจักรเบื้องบน จำนวนนั้นกระโดดไปเป็นล้าน
ท่ามกลางมนุษย์ นักหลอมโอสถมีสถานะสูงส่งยิ่งกว่าผู้บ่มเพาะ ทรัพยากรของเผ่ามนุษย์ที่วพกเขาควบคุมไม่อาจประเมินได้
กู่ฉางเกอแค่ต้องส่งหลินชิวหานให้พวกเขา ตอนนั้น ก็จะมีคนเต็มใจทุ่มเททรัพยากรเพื่อเลี้ยงนางเอง และสำนักพวกเขาก็จะเป็นหนี้เขาด้วย
แถมหลินชิวหานก็ยังเป็นของเขาอยู่ดี นี่มีแต่คุ้มกับคุ้ม