643 - เกาะเทพแห่งตระกูลเฟิง
643 - เกาะเทพแห่งตระกูลเฟิง
อัศวินหัวขาดตอนนี้ปรากฏขึ้นถึงสิบคน ชุดเกราะเหล็กของพวกเขาส่องประกายเย็นเยียบ และรัศมีพลังอันน่ากลัวก็ล้นหลาม ราวกับภูเขาสูงตระหง่านที่กดทับลงมา!
พวกเขาเป็นเหมือนเทพที่สูญเสียศีรษะและอำนาจของพวกเขาครอบงำสวรรค์ปฐพี แม้แต่ท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน ภูเขาสีดำขนาดใหญ่หลายลูกส่งเสียงดังกึกก้องคล้ายจะแตกออกจากกัน
พวกเขาถือทวนสีดำและม้าของพวกเขาก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้าความตั้งใจในการต่อสู้อันทรงพลังของเขามุ่งตรงไปที่เสี่ยวหนานหนานราวกับเทพโบราณที่ต้องการสังหารเด็กหญิงตัวเล็กๆให้ได้!
อัศวินหัวขาดในตอนแรกระดมกำลังสหายของเขาเพื่อมาจัดการกับเสี่ยวหนานหนาน มันคล้ายกับว่าพวกเขามองเด็กหญิงตัวเล็กๆคนนี้เป็นศัตรูผู้ยิ่งใหญ่
“บูม…”
อัศวินแห่งความตายก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้า ความว่างเปล่าก็แตกออก และรอยแยกสีดำไม่มีที่สิ้นสุดกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง ทำให้ภูเขาอมตะอันยิ่งใหญ่แตกออกจากกันอย่างน่าสยดสยอง
สุนัขสีดำตัวใหญ่ตกใจกลัวจนใบหน้าซีดเผือด อัศวินหัวขาดคนนี้คือสิ่งมีชีวิตอมตะอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าทวนยาวในมือของเขากวาดเข้ามาทางนี้รับรองได้เลยว่าพวกเขาทุกคนจะต้องตายอย่างอนาถแน่นอน
ในทันใดนั้นกรงเล็บของจักรพรรดิดำก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันพยายามเปลี่ยนทิศทางที่จะส่งพวกเขาออกจากที่นี่ โดยไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ไหน
“เจ้าหมาน้อยช่วยด้วย!” เสี่ยวหนานหนานรู้สึกประหม่ามาก โดยซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ฟ่าน มองดูชายขี่ม้าหัวขาดที่ยังคงควบม้าอยู่ในรัศมีวาโดยไม่ได้คุกคามเข้ามามากกว่านั้น
สุนัขสีดำตัวใหญ่ต่อสู้กับรูปแบบค่ายกลด้วยสีหน้าดำคล้ำ ในที่สุดกรงเล็บขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็ตบลงไปอย่างแรง ความสดใสที่ไม่รู้จบยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าและพวกเขาทุกคนก็หายตัวไปจากที่นี่
ในที่สุดหลายคนก็ประสบความสำเร็จในการข้ามความว่างเปล่าในช่วงเวลาสุดท้าย อัศวินแห่งความตายเหล่านั้นส่งเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธ คล้ายกับรู้สึกเสียใจที่ตัวเองไม่ตัดสินใจบุกเข้ามาตั้งแต่ตอนแรก
แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่มีใครเทียบได้พลุ่งพล่านราวกับคลื่นยักษ์ ทำให้ทั้งป่าเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ถูกเผาผลาญกลายเป็นทะเลเพลิงอันไม่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม ต่อให้มันเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะที่แข็งแกร่งมากแค่ไหนมันก็ไม่มีทางเทียบได้กับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งความว่างเปล่าได้ และการโจมตีของมันไม่สามารถทำอันตรายต่อค่ายกลนที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทิ้งไว้
ไม่รู้ว่าห่างออกไปกี่ลี้เย่ฟ่าน หลี่เหอซุยและคนอื่นๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น สายตาของพวกเขามองไปรอบด้วยความสับสน
มีเม็ดทรายสีทองอยู่ทุกหนทุกแห่ง แดดก็ร้อนแรง และความแห้งแล้งก็แผดเผาร่างกายของพวกเขาจนแทบจะไหม้
นี่คือทะเลทรายสีทองขนาดใหญ่ที่มีเส้นขอบฟ้าไม่มีที่สิ้นสุดและเม็ดทรายทั้งหมดก็ร้อนมากภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาความร้อนที่ลุกลามทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ที่นี่ไม่มีลม คลื่นความร้อนเปรียบเหมือนเตาอบ คนถูกไฟแผดเผาทนจนไม่ได้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนทุกที่ก็เต็มไปด้วยทะเลทรายสีทองสุดลูกหูลูกตา
“โอ้ เจ้าหมา เจ้าจะไม่พาเราไปที่ทะเลทรายตะวันตกจริง ๆ เหรอ?” เสี่ยวหนานหนานถามเสียงเบา
เย่ฟ่านและหลี่เหอซุยตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ทะเลทรายที่ไม่มีที่สิ้นสุดภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผานั้นกำลังไหลไปด้วยแสงสีทองราวกับเตาเผา ทั้งคู่กรีดร้องอย่างประหลาด
“ไอ้สาระเลว ข้าจะถลกหนังเจ้า!”
“มันช่างเลวร้าย เจ้าส่งพวกเราออกจากตงหวงยังพอว่า ตอนนี้มันข้ามจงโจวมาถึงทะเลทรายตะวันตกแล้ว เจ้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร”
สองคนรีบจับสุนัขสีดำตัวใหญ่ไว้ และบีบมันคล้ายกับจะบีบจนร่างกายของมันบี้แบน
"ข้าไม่ระวัง...มันเป็นความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย" สุนัขสีดำตัวใหญ่ไม่มีทางยอมรับความผิดนี้
“พวกเรามาจากสุดของฝั่งตะวันออกจนถึงสุดฝั่งตะวันตก เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง!”
“จักรพรรดิคนนี้จะทำเรื่องงี่เง่าแบบนั้นได้อย่างไร?” สุนัขสีดำคำราม
“นี่ยังไม่งี่เง่าพอหรือ!”
“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาใส่ร้ายจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนนี้!” จักรพรรดิดำดูเหมือนจะคุ้มคลั่งไปแล้วเช่นกัน
หลังจากต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่พักใหญ่ในที่สุดจักรพรรดิดำก็ส่งเสียงโหยหวนขึ้นว่า
“ที่นี่คือใจกลางของดินแดนรกร้างตะวันออก ไม่ใช่ทะเลทรายตะวันตก เจ้าสองคนกล้าดียังไงถึงปฏิบัติตัวเช่นนี้กับข้า?!”
“เจ้าอย่ามาหลอกเรา ทะเลทรายที่ใหญ่โตขนาดนี้มันจะอยู่ในดินแดนรกร้างตะวันออกได้อย่างไร!”
“ก็ได้ที่นี่คือทะเลทรายตะวันตก แต่ทะเลทรายตะวันตกก็เป็นที่ตั้งของเขาพระสุเมรุ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าอยากเห็นพระพุทธเจ้าหรือ” สุนัขสีดำตัวใหญ่กล่าว
เย่ฟ่านและหลี่เหอซุยต้องการจะฆ่ามันตอนนี้ แต่สุดท้ายเรื่องทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้วพวกเขาจึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
“เจ้าส่งผังป๋อไปที่จงโจว เจ้าส่งตู้เฟยไปที่เป่ยหยวน และพาพวกเราไปที่ซีโม่ และเจ้ายังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในชีวิตของข้าไม่เคยเห็นคนหน้าด้านเช่นเจ้ามาก่อน!”
“ผังป๋อยังพอจะบอกได้ว่ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าคนอื่น แต่ตู้เฟยกลับต้องเจอความโชคร้าย บางทีเขาอาจจะต้องเดินอยู่ในเป่ยหยวนนานนับทศวรรษ เจ้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร”
ทั้งสองดุด่าจักรพรรดิดำด้วยกัน ในขณะที่เสี่ยวหนานหนานมีมารยาทดีมาก นางเล่นกับทรายที่ด้านข้างโดยปราศจากความขุ่นข้องหมองใจหรือกังวลใดๆ
“ยาอายุวัฒนะที่เขาครอบครองอยู่เพียงพอจะให้เขามีชีวิตต่อไปได้เป็นพันปี หรือต่อให้เขาเดินอยู่ที่นั่นสี่ห้าพันปีเขาก็ไม่มีทางตายอย่างแน่นอน”
สุนัขสีดำตัวใหญ่ยังคงดื้อรั้นและในเวลาเดียวกัน มันก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องแบ่งยาศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นให้กับเพื่อนๆ
“ข้าว่าเราควรถลกหนังมันตอนนี้ดีกว่า!” หลี่เหอซุยคำรามด้วยความโกรธ
"ว้าว!"
สงครามคนกับสุนัขได้ปะทุขึ้นในทะเลทรายสีทอง
เสียงเห่าดำเนินต่อไปเป็นเวลานานก่อนที่พวกเขาจะสงบลง และในที่สุดพวกเขาก็บินออกจากทะเลทรายอันยิ่งใหญ่ มองหาทวีปสีเขียวและเมืองที่เจริญรุ่งเรือง
"นี่ ไม่ถูกต้อง"
ทันทีที่พวกเขาบินออกไปหลายร้อยลี้พวกเขาก็มองเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาจินตนาการไว้
“พวกเจ้าเป็นใคร เข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเฟิงได้อย่างไร” ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังมาจากพื้นที่สีเขียว
“เจ้าพูดอะไร ตระกูลเฟิง ตระกูลเฟิงเดียวกับเด็กหญิงตัวเล็กๆเฟิ่งหวง” สุนัขสีดำตัวใหญ่ถาม
ในที่สุดพวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ทะเลทรายขนาดใหญ่นี้เป็นสมบัติของตระกูลเฟิง ทุกคนไม่คิดว่าพวกเขาจะเข้ามาในดินแดนลึกลับแห่งนี้ได้
“เจ้าคือร่างเซียนเย่ฟ่าน นั่นคือสุนัขร้ายตัวนั้นเหรอ!” มีคนจำพวกเขาได้ และการแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
“บัดซบ เจ้าเรียกเขาว่าร่างเซียนแต่กลับเรียกข้าว่าสุนัข ข้าจะให้โอกาสเจ้าพูดใหม่เรียกข้าว่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้!” สุนัขสีดำตัวใหญ่โชว์ฟันขาวของเขา ทำให้คนเหล่านั้นตกใจมาก
ผู้คนของตระกูลเฟิงต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึงและสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ร่างเซียนเย่ฟ่านคนนี้เพิ่งตัดศีรษะของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งจงโจว โดยธรรมชาติแล้วมันไม่มีปัญหาอะไรที่เขาจะกวาดล้างทุกคนที่นี่
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเราถึงเข้าสู่ดินแดนลับของตระกูลเฟิง?” หลี่เหอซุยสงสัย
เย่ฟ่านจึงเดินออกไปสอบถามด้วยความสุภาพจนรู้สาเหตุว่าแท้ที่จริงแล้วนี่คือดินแดนลับของตระกูลเฟิง และวันเกิดปีที่ 1,505 ราชันศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลกำลังจะมาถึง ดังนั้นดินแดนลับแห่งนี้จึงถูกเปิดขึ้นเพื่อเป็นที่ชุมนุมให้กับทายาทของตระกูลและแขกผู้มาร่วมงาน
“พี่เย่ พี่หลี่ พี่ไม่ได้เจอกันนาน!” ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากระยะไกล
เซี่ยอี้หมิงองค์ชายของต้าเซี่ยและแม่ชีตัวน้อยเซี่ยอี้หลินบินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ที่ติดตามหลังของพวกเขาคือกลุ่มชายชราที่มีความแข็งแกร่งอันน่ากลัว
“พี่เซี่ย เจ้ามาที่นี่ด้วยหรือ” เย่ฟ่านถามด้วยรอยยิ้ม
“วันเกิดของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเฟิงใกล้เข้ามาแล้ว แน่นอนว่าจะขาดพวกเราได้อย่างไร” เซี่ยอี้หมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไปกันเถอะ” องค์ชายต้าเซี่ย ทักทายด้วยรอยยิ้ม
เย่ฟ่านครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเห็นด้วย ปรมาจารย์แห่งตระกูลเฟิงมีเมตตาต่อเขา ตอนนี้เขามาที่นี่แล้วเขาควรมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆออกไป ไม่เช่นนั้นอาจถูกครหาได้
ตระกูลเฟิงเป็นตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดของดินแดนรกร้างตะวันออก บรรพบุรุษของพวกเขาเกิดก่อนยุคสมัยของจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าด้วยซ้ำ
หากพวกเขาไม่มีความยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ราชาสวรรค์ผู้เฒ่าจะคัดเลือกตระกูลนี้ให้แต่งงานกับเย่ฟ่าน
แม้ว่าตระกูลเฟิงจะไม่เคยเปิดเผยอาวุธเต๋าสุดขั้วออกมา แต่คนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่ามรดกอันเก่าแก่เช่นนี้จะขาดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในการปกป้องตระกูลได้อย่างไร
“ตระกูลเฟิงนั้นน่าประหลาดใจจริงๆ มีตำนานของเกาะเทพทั้งแปดร้อย มันเป็นเรื่องจริงหรือ!” หลี่เหอซุยกล่าวชม
เกาะแปดร้อยเกาะไม่เคลื่อนไหว พวกมันล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า ด้วยหมอกเซียนพลุ่งพล่านดุจดินศักดิ์สิทธิ์ที่สวยงาม
บางทีพวกเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าการที่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่แห่งนี้ไม่มีอะไรเลย บางทีพวกมันอาจจะถูกผลักขึ้นไปบนท้องฟ้าและกลายเป็นเกาะเทพที่พวกเขาเห็นอยู่ตอนนี้