642 - อัศวินหัวขาด
642 - อัศวินหัวขาด
สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้เพียงเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆก่อนจะมาถึงภูเขาลูกที่ยี่สิบเจ็ดที่มีสีดำสนิท บนเขาลูกนี้แม้แต่ต้นไม้โบราณก็ยังเป็นสีดำทั้งสิ้น
“พวกเราเพิ่งมาถึงภูเขาลูกที่ยี่สิบเจ็ด ที่นี่มีภูเขาทั้งหมดมีทั้งหมด 108 ลูก พวกเราคงต้องไปต่ออีกสักหน่อยถึงจะไปถึงภูเขาอมตะที่อยู่ตรงกลาง”
"เส้นทางของพวกเราอยู่ที่ไหน" ถึงตอนนี้พวกเขาเกือบจะสิ้นหวังแล้ว ยิ่งพวกเขาเดินตามเส้นทางสีทองนี้ไปมากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งเข้าใกล้ภูเขาอมตะมากขึ้นเท่านั้น
"ที่นั่นมีกระดานหมากรุก เต็มไปด้วยแสงสีทอง..." หนานหนานชี้ไปที่ป่าโบราณ
“กระดานหมากรุกที่เต็มไปด้วยแสงสีทอง…” สุนัขสีดำตัวใหญ่กระโดดขึ้นและพูดว่า “มันต้องเป็นประตูแห่งชีวิตที่จักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าทิ้งไว้”
ภายใต้การชี้ทางของหนานหนานพวกเขาเข้าไปในป่าเก่าแก่ดึกดำบรรพ์นี้ และพวกเขาเห็นกระดานหมากรุกขนาดใหญ่ ที่ถูกแกะสลักลงบนพื้น
หากไม่มีเด็กหญิงตัวเล็กๆนี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะมาถึงที่นี่อย่างแน่นอน
“ดีมากนี่ต้องเป็นประตูสู่ชีวิต พวกเราค่อยๆสำรวจหาประตูที่จะนำออกไปสู่โลกภายนอกกันดีกว่า” จักรพรรดิดำตื่นเต้นมาก เรียงตัวอักษรที่ถูกขีดเขียนอยู่บนพื้นมันก็มั่นใจว่านี่คือลายมือของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
สุนัขสีดำตัวใหญ่นั่งยองอยู่ข้างกระดานและเริ่มครุ่นคิดหาวิธีเอาชนะกระดานหมากเพื่อเปิดประตูสู่โลกภายนอก
“อย่าบอกนะว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตในภูเขาอมตะ”หลี่เหอซุยมองเห็นอะไรบางอย่างและใบหน้าของเขาซีดขาวไร้สีเลือด
“มีสิ่งมีชีวิตปรากฏอยู่จริงๆ” ผังป๋อรู้สึกประหลาดใจ
สิ่งมีชีวิตตัวนั้นกำลังมุ่งเข้ามาในทิศทางนี้อย่างรวดเร็ว ร่างกายของมันถูกโอบล้อมไปด้วยหมอกสีดำ แต่ก็ยังพอจะมองเห็นได้ว่านั่นคือนักรบขี่ม้าคนหนึ่ง
“เขาไม่มีหัว” ดวงตาของเย่ฟ่านหดตัวลงอย่างกะทันหัน และสิ่งที่เขาเห็นก็น่าเหลือเชื่อเกินไป
มันเป็นอัศวินหัวขาด สวมเสื้อเกราะเหล็กสีดำ ตัวสูงและอาวุธที่อยู่ในมือก็คือหอกสีดำสนิท ท่าทางของเขาองอาจกล้าหาญแต่น่าเสียดายที่ไม่มีศีรษะและบริเวณบาดแผลตรงลำคอก็ยังมีเลือดไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา
เขานั่งอยู่บนม้าหินร่างกายสูงใหญ่ ม้าหินตัวนั้นคือสิ่งมีชีวิตจริงๆ เพราะมันสามารถเคลื่อนไหวและส่งเสียงคำรามได้ ด้วยเสียงสั่นสะเทือนที่ดังเข้ามาอย่างรวดเร็ว กีบหินซึ่งมีขนาดใหญ่โตมากกว่าชามข้าวกำลังบดขยี้โทรหาพื้นดินอย่างรุนแรง
การปรากฏตัวของอัศวินไร้ศีรษะในใจกลางของภูเขาอมตะนั้นน่ากลัวจริงๆ สิ่งเดียวที่พอจะทำให้พวกเย่ฟ่านเบาใจได้เล็กน้อยก็คืออัศวินคนนี้เพียงวนเวียนอยู่รอบๆภูเขาและไม่กล้าเข้าใกล้ทุกคนเพราะการดำรงอยู่ของหนานหนาน
“อัศวินแห่งความตายในตำนาน” จักรพรรดิดำพึมพำกับตัวเอง
“ดูไม่ออกว่าอัศวินคนนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ม๊าของเขาจะต้องเป็นระดับผู้สูงสุดอย่างแน่นอน” หลี่เหอซุยผู้มีสายตาเฉียบคมวิเคราะห์อย่างจริงจัง
อัศวินหัวขาดนั้นช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะยังอยู่ห่างไกลเกือบสิบลี้ แต่พลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขานั้นยังสร้างความกดดันให้กับพวกเย่ฟ่านตลอดเวลา
“ยังไม่เสร็จอีกหรือ?”
เย่ฟ่านเร่งเร้าจักรพรรดิดำ พวกเขาไม่รู้ว่าอัศวินขี่ม้าคนนี้หวาดกลัวหนานหนานมากแค่ไหน จากท่าทีของเขาเห็นได้ชัดว่าเขากำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเข้ามาสังหารทุกคนที่นี่หรือไม่
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบออกจากภูเขาอมตะให้เร็วที่สุด ไม่ว่าหนานหนานจะลึกลับสักแค่ไหน สุดท้ายนางก็เป็นเพียงแค่เด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง มันไม่มีทางที่พวกเขาจะหวังพึ่งพาให้นางมาปกป้องทุกคนอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ จักรพรรดิคนนี้คิดออกแล้ว นี่เป็นลวดลายที่จักรพรรดิโบราณทิ้งไว้ให้เราจริงๆ เราสามารถใช้สิ่งนี้ข้ามความว่างเปล่าได้”
สุนัขสีดำตัวใหญ่กล่าว มันเต็มไปด้วยความปิติยินดี ไม่เพียงแต่จะหนีจากที่นี่ได้เท่านั้น แต่ยังได้รูปแบบค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ทรงพลังชนิดใหม่อีกด้วย
“เจ้าแน่ใจนะ?” เย่ฟ่านถาม เขารู้สึกว่าสุนัขที่น่าตายตัวนี้ไม่น่าเชื่อถือเกินไป ทุกครั้งที่มันข้ามความว่างเปล่า มันจะเบี่ยงเบนไปนับล้านลี้ เขากลัวจริงๆว่ามันจะสร้างปัญหาให้พวกเขาสักวัน
“จักรพรรดิคนนี้เป็นใคร ไม่ต้องห่วง” สุนัขสีดำตัวใหญ่พูดอย่างภาคภูมิใจ แต่สุดท้ายก็ยังรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อย แล้วพูดว่า
“อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย พวกเราเข้าไปทีละคนกันดีกว่า”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้กลับไม่มีใครก้าวเดินไปข้างหน้าแม้แต่คนเดียว
หลังจากเห็นท่าทีของทุกคนสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็โกรธมากและมันส่งเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั้งภูเขาอมตะ
"จักรพรรดิคนนี้เชื่อถือไม่ได้อย่างนั้นหรือ?"
"ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นข้าขอเริ่มก่อนก็แล้วกัน" ผังป๋อเสนอตัวเอง
“ไม่ เราไปด้วยกัน” เย่ฟ่านห้าม
ผังป๋อยิ้มแล้วพูดว่า "เจ้าหมาตัวนี้บอกแล้วไงว่าไปทีละคนปลอดภัยกว่า”
สุนัขสีดำตัวใหญ่ยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม "ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้าแบบนี้"
"ข้าเชื่อในตัวเจ้า เจ้าต้องส่งผังป๋อไปยังที่ปลอดภัย" เย่ฟ่านกล่าว
“ไม่ต้องกังวล ถ้ากำหนดให้มันส่งพวกเรากลับไปยังวังกงก่อนหน้านี้” สุนัขสีดำตัวใหญ่ดูเหมือนจะมีความหลังฝังใจบางอย่างกับวังกง แต่ไม่ว่าจะถามอย่างไรมันก็คงไม่ตอบอย่างแน่นอน
มันเลือกตำแหน่งบนกระดานหมากรุก แล้วปล่อยให้ผังป๋อยืนอยู่บนนั้น หลังจากที่เกิดแสงสว่างวาบผังป๋อก็หายวับไปในทันที
แต่หลังจากที่ค่ายกลทำงานแล้วมันก็ส่องสว่างมากยิ่งขึ้นหลายเท่า หลังจากที่เห็นฉากนี้ สุนัขสีดำตัวใหญ่ก็อ้าปากกว้าง ลิ้นของมันแทบจะแตะพื้นด้วยซ้ำ
“ให้ตายสิ ทำไมถึงผิดไปไกลขนาดนั้น”
เย่ฟ่านรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ สักพักเขาก็คว้าคอจักรพรรดิดำและถามว่า
"เจ้าส่งผังป๋อที่ไหน"
"ไม่ต้องห่วง ในอนาคตพวกเราจะได้พบกันอย่างแน่นอน" สุนัขสีดำตัวใหญ่อธิบายด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ
เมื่อได้ยินที่พูด เย่ฟ่านยิ่งมั่นใจมากขึ้น และเขาส่งเสียงคำรามขึ้นด้วยความโกรธ
“ผังป๋ออยู่ที่ไหนกันแน่”
“ไม่ต้องห่วงเขาไปทางทิศตะวันตกเท่านั้น” สุนัขสีดำตัวใหญ่อธิบาย
“เจ้าคิดว่าป่าตะวันตกมันใกล้หรือ? ต่อให้เขาใช้เวลาบินกลับมาเพียงอย่างเดียวก็ไม่รู้ว่าต้องบินกี่ปี” เย่ฟ่านโกรธ
“แค่กๆ” สุนัขสีดำตัวใหญ่ไอแห้งๆยิ่งรู้สึกผิด “เจ้าเข้าใจผิด ข้าหมายถึงว่าไม่ได้ตั้งใจ...ส่งเขาไปทางตะวันตกของตงหวง ไอ บอกตรงๆเขาน่าจะไปถึง…จงโจวแล้ว”
"ข้าจะฆ่าเจ้า" เย่ฟ่านบีบคอของสุนัขสีดำตัวใหญ่ด้วยความโกรธ
ผังป๋อถูกส่งไปที่ จงโจวต่อให้เขาใช้เวลานับร้อยปีบินกลับมามันก็ไม่มีทางที่เขาจะมาถึงอย่างแน่นอน
“สุนัขตัวนี้ชั่วร้ายเกินไปแล้ว” ตู้เฟยและหลี่เหอซุยก็ตกตะลึงเช่นกัน
“ปล่อย” สุนัขสีดำตัวใหญ่พยายามแสดงความโกรธ แต่เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความอับอายอย่างแท้จริง
“ต่อให้เป็นแคว้นภาคกลางแล้วจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยๆเขาก็ออกจากภูเขาอมตะได้” สุนัขสีดำตัวใหญ่พยายามเรียกร้องความชอบธรรมให้กับตัวเอง “น่าเสียดายที่ใบชาแห่งการรู้แจ้งของพวกเราต้องหายไปแล้ว!”
เย่ฟ่านยื่นแส้ศักดิ์สิทธิ์และใบชาแห่งการรู้แจ้งห้าสิบใบให้ผังป๋อเป็นคนถือ ดังนั้นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเขาที่ได้จากวันนี้จึงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
สุนัขสีดำตัวใหญ่กรีดร้องและหงุดหงิดมาก แต่เย่ฟ่านกลับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผังป๋อไปที่จงโจวคนเดียว ด้วยสมบัติมากมายระดับนี้มันคงเพียงพอให้เขาปกป้องตัวเองได้
“ก่อนจะออกไปพวกเราต้องแบ่งใบชากันก่อน” สุนัขสีดำตัวใหญ่ตะโกน
ในมือของเย่ฟ่านมีใบชาอยู่ประมาณห้าสิบใบ ซึ่งพวกเขาก็แบ่งกันอย่างเท่าเทียม
“คราวนี้ใครจะไป” สุนัขสีดำตัวใหญ่ถาม
“แม้ว่าข้าจะฆ่าเจ้าข้าก็ไม่เชื่อเจ้า”หลี่เหอซุยและตู้เฟยส่ายหัวพร้อมกัน
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าจะติดอยู่ในภูเขาอมตะเท่านั้น” สุนัขสีดำตัวใหญ่มุ่ย
ในตอนท้ายตู้เฟยก็เดินออกไปข้างหน้าและคำรามด้วยความโกรธ "หากเจ้าส่งข้าไปถึงจงโจว รับรองได้เลยว่าข้าจะต้องกลับมาฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน"
"อย่ากังวล มันเป็นแค่ความผิดพลาด ข้าสัญญาว่าครั้งนี้มันจะไม่เกิดขึ้น" สุนัขสีดำตัวใหญ่สาบาน
วาบตู้เฟยก็หายตัวไปและมีรูปแบบแปลกๆ ปรากฏขึ้นที่ค่ายกลอีกครั้ง
สุนัขสีดำตัวใหญ่อ้าปากค้างใบหน้าของมันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นการแสดงออกนี้เย่ฟ่านและหลี่เหอซุย ต่างก็รู้ว่าเกิดความผิดพลาดกี่ครั้งแล้ว
"เจ้าส่งตู้เฟยไปที่ไหน? "
“แค่กๆ คราวนี้ไม่ไกลเท่าไหร่ แค่ที่ราบแดนเหนือ(เป่ยหยวน)เท่านั้น” สุนัขสีดำตัวใหญ่พูด
"ที่ราบแดนเหนือ?"
"ข้าจะฆ่าเจ้า" หลี่เหอซุยเริ่มลงมือต่อสู้ด้วยความโกรธ
ที่ราบแดนเหนือแม้จะไม่ไกลเหมือนภาคกลาง แต่นั่นคือดินแดนซึ่งเป็นที่ตั้งของตระกูลจินซึ่งถือได้ว่าอยู่นอกดินแดนรกร้างตะวันออกเช่นกัน
“ที่ราบแดนเหนือไม่มีผู้คนอาศัยอยู่แม้จะเดินทางเป็นระยะทางหลายร้านลี้ เจ้าส่งตู้เฟยไปแบบนั้นก็เหมือนส่งเขาไปตาย”หลี่เหอซุยคำรามด้วยความเศร้าโศก
"บูม"
อัศวินหัวขาดดูเหมือนจะตัดสินใจแล้วหลังจากที่เห็นพวกเขากำลังจะเคลื่อนย้ายออกจากภูเขาอมตะ และตอนนี้เขากำลังพุ่งมาด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าสีดำ
“เร็วเข้าครั้งนี้พวกเราต้องไปพร้อมกัน” สุนัขสีดำตัวใหญ่กรีดร้องและเปิดใช้งานค่ายกลทันที!