Ep.39 - เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
1/3
Ep.39 - เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
การแทรกซึมจากโลกวิญญาณเข้าสู่โลกมนุษย์ยังไม่ได้หนักหนาถึงขั้นนั้น ทำให้สิ่งของหรือสัตว์ประหลาดที่มีพลังงานทางวิญญาณอัดแน่นในปริมาณมากไม่สามารถเข้ามาได้
อย่างไรก็ตาม ผลไม้ห้าสีแห่งปัญญาเป็นอะไรที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะแม้คุณภาพของมันจะสูงมาก เรียกได้ว่าอาจอยู่เหนือระดับมหากาพย์ ทว่าพลังงานทางวิญญาณที่อัดแน่นอยู่ข้างในกลับต่ำ สรรพคุณหลักของมันคือช่วยพัฒนาสมองเท่านั้น ไม่ได้มีเอฟเฟกต์ใหญ่โตอะไร
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มันสามารถปรากฏขึ้นบนโลกมนุษย์ตั้งแต่ช่วงแรกๆเช่นนี้
แต่ถึงปรากฏขึ้นได้ ก็ใช่ว่าจะหากันง่ายๆ ต้องยอมรับว่าหมาฮัสกี้โชคดีมากจริงๆ
ฮังอวี่โน้มน้าวให้ผังต้าไห่ใจเย็นๆ บอกให้เขายอมรามือจากฮัสกี้แล้วพามันไปกินอาหาร
ความอยากอาหารของสุนัขตัวนี้เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก มันซัดไก่ฟ้าไปสิบตัว แทะเนื้อจนเกลี้ยง เหลือแต่กระดูกขาวๆ
โชคดีที่ฮัสกี้สามารถกินอาหารดิบที่ไม่ต้องปรุงก็ได้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิครวบรวมวัตถุดิบแล้วนำไปทอดให้เสียเวลาและปริมาณ
ห้ามลืมนะว่าหากใช้เทคนิคนี้ แม้จะได้รับเนื้อที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานวิญญาณมา แต่ปริมาณเนื้อจะลดลง ซึ่งหากเลี้ยงฮัสกี้ด้วยวิธีนี้ เกรงว่าค่าใช้จ่ายคงสูงจนน่าหวาดกลัว
ฮัสกี้เมื่อกินดื่มจนหนำใจ มันก็ถูกลูกน้องของพวกเขาจับพาไปอาบน้ำ
“มา มา สหาย ชนกันซักแก้ว” อ้วนต้าไห่ยกเบียร์เย็นๆยื่นให้ฮังอวี่ แล้วกระดกมันหมดในอึกเดียว “อ้อจริงสิ พี่อ้วนสะสมแต้มวิญญาณได้ 40 แต้มแล้วนา เจ๋งไปเลยใช่ไหม? ตกใจจนเยี่ยวราดเลยอะดิ?”
ฮังอวี่กล่าว “ก็พอใช้ได้”
“เฮ้ๆ นายหมายความว่ายังไงกันไอ้ ‘พอใช้ได้’ เนี่ย ฉันสู้สุดชีวิตเลยนะ นายไม่รู้หรอกว่าฉันพยายามมากแค่ไหน” ผังต้าไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงเกินจริง “ไปโลกวิญญาณครั้งหน้า ฉันขึ้นเป็นเลเวล 2 ได้แน่ๆ ฉันจะกลายเป็นตัวท็อป! เพราะตอนนี้มีผู้เล่นเลเวล 2 อยู่น้อยมากๆ”
ต้าไห่ค่อนข้างพอใจกับความสามารถของตัวเอง ขณะนี้เขามีแต้มวิญญาณอยู่ 40 แต้มแล้ว บวกกับสามารถได้รับแต้มวิญญาณวันละ 2 แต้มจากการทานอาหารวิญญาณ ต่อให้ไม่ไปโลกวิญญาณยังไงก็สามารถอัพเลเวลได้แน่ๆ
โดยปกติแล้ว ปริมาณแต้มวิญญาณในอาหารจะเกี่ยวของกับเกรดและคุณภาพของอาหารวิญญาณ ระดับสามัญจะมีแต้มวิญญาณแฝงอยู่ราวๆ 1-3 แต้ม เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อาหารวิญญาณแม้กินง่าย แต่มันมีระยะเวลาในการย่อย ส่งผลให้แต้มวิญญาณที่อยู่ในอาหารระดับสามัญ วันนึงสามารถดูดซึมได้เพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะดูดซึมแต้มวิญญาณซ้ำๆ
ทว่าแม้ปริมาณแต้มวิญญาณที่ได้รับจากอาหารในปัจจุบันจะค่อนข้างน้อย แต่ยุงยังไงก็มีเนื้อ ถือว่าพอช่วยเพิ่มมันได้ระดับหนึ่ง และเมื่อถึงเวลาเข้าสู่โลกวิญญาณครั้งต่อไป จำนวนแต้มวิญญาณที่ใช้ในการอัพเลเวลของอ้วนต้าไห่จะเหลือแค่หลักเดียว
ตราบใดที่ไม่โชคร้ายจนเกินไป เขาย่อมสามารถอัพเลเวลได้อย่างแน่นอน!
ฮังอวี่อดลอบกลอกตาไม่ได้ เขาคร้านเกินกว่าจะชวนเจ้าอ้วนทะเลาะ
อัพเลเวล 2 ได้มีอะไรน่าภูมิใจกัน! นายต้องฝันให้ไกลกว่านี้เพื่อน! ยิ่งอีกเดี๋ยวต้องเป็นเจ้าคนนายคนยิ่งแล้วใหญ่!
เพราะด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากผู้นำมีพลังรบไม่เพียงพอ แล้วคนข้างล่างจะรู้สึกปลอดภัยได้อย่างไร?
หากไม่รู้สึกถึงความปลอดภัย คงไม่มีทางมั่นใจได้ว่าในทีมจะเกิดความสามัคคี ดังนั้นฮังอวี่จำเป็นต้องหาหนทางช่วยให้เจ้าอ้วนอัพเลเวลโดยเร็วที่สุด!
อ้วนต้าไห่พอเริ่มเมาก็เริ่มพูดเรื่องลามก “เหอ เหอ ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ เทพธิดาซูไม่ใช่แค่หน้าอกใหญ่ แต่เธอยังร่ำรวยมาก ทั้งยังใจปล้ำจนน่ากลัว วันก่อนเธอเสนอคำสั่งซื้ออาหารทั้งสัปดาห์ด้วยเงิน 2.5 ล้านหยวน เหมาอาหารทั้งร้านของสำนักงานเรา”
ฮังอวี่เอ่ยถาม “แล้วนายตอบเธอไปว่ายังไง?”
“ไร้สาระน่า! ขืนพี่อ้วนตอบตกลง แผนของพวกเราก็พังกันพอดี” อ้วนต้าไห่หัวเราะ
“ฉันได้ยินข่าวมา ว่าเทพธิดาซูก็กำลังรับสมัครพ่อครัวอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพอจ้างพวกเราไม่ได้ เธอก็คิดพึ่งพาตัวเอง พยายามผลักดันตัวเองเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารอันไร้ขีดจำกัดนี้”
หรือง่ายๆก็คือ เจ้าอ้วนกระจ่างแจ้งแก่ใจ ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการชิงเปิดตลาดก่อนเพื่อสร้างชื่อเสียง หากเขารับออเดอร์ของซูหยุนปิงทั้งหมด แม้มองตื้นๆจะเหมือนกับว่าสามารถสร้างรายได้อย่างเก็บกอบเป็นกำ แต่พวกเขาจะพลาดช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเข้าสู่ตลาดไป
เจ้าอ้วนนี่แม้ดูเซ่อๆ แต่อันที่จริงเมก้าเคลฟเวอร์(รายการอัจฉริยะรายการหนึ่งบนทีวี) เป็นคนฉลาดสุดๆ แล้วเขาจะตกลงได้อย่างไร?
“ฉันยอมรับออเดอร์รายสัปดาห์ของเธอแค่ 1 ล้านหยวนเท่านั้น จะเสิร์ฟอาหารเลเวล 1 จำนวน 30 จานต่อวัน หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว พวกเราจะได้กำไรกันราวๆ 600,000 หยวน”
รายรับ 600,000 ต่อสัปดาห์ เป็นจำนวนเงินก้อนมหาศาล หากทำแบบนี้ก็จะสามารถรับประกันเรื่องทุนหมุนเวียนของร้านได้ ระหว่างนั้นอ้วนต้าไห่ก็จะคอยสร้างชื่อเสียง และมองหาพันธมิตรเพิ่มเติม
เขาต้องการปั้น ‘สำนักงานพี่อ้วน’ ให้มีชื่อเสียง ซึ่งกรณีนี้ไม่สามารถทำได้โดยการพึ่งพาลูกค้ารายเดียว
ฮังอวี่พอได้ฟังก็โล่งใจ “ดีมากเจ้าอ้วน ดูเหมือนนายจะไม่ได้หลงคารมเทพธิดา”
“เหอ เหอ ฉันน่ะมันคนชั่ว เอาจริงๆก็ชอบทั้งเงินและผู้หญิงนั่นแหละ แต่ถ้าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็ต้องเป็นเงินอยู่แล้ว!”
“ทำไมล่ะ?”
“ถามอะไรไร้สาระ ถ้าได้เงินมา นายก็สามารถเอาเงินนั่นไปเปย์สาวๆได้น่ะสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ฮังอวี่กะไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องพูดแบบนี้
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนใจแข็งกว่าที่คิด ฮังอวี่ก็รู้สึกโล่งใจยิ่งกว่าเดิม
“ตอนนี้นายทำได้ดีมากแล้ว ยังไงก็ตาม อย่าทะเยอทะยานจนเกินไป ตลาดอาหารมีขนาดใหญ่มาก ในอดีตที่ผ่านมา ไม่มีใครเคยผูกขาดมันได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการวางรากฐานของตัวเองให้ดี สร้างความได้เปรียบให้ตกมาอยู่ฝั่งเรา”
อ้วนต้าไห่ปกติเป็นคนเกียจคร้าน แต่หากเป็นเรื่องธุรกิจหรือทำเงินแล้วล่ะก็ จิตวิญญาณของเขาจะลุกโชนขึ้นมาทันที
ฮังอวี่กล่าวต่อว่า “อีกไม่นานฉันจะแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนค่าพลังจิตได้ หลังจากนี้นายไม่จำเป็นต้องรับคนเยอะ แต่พวกเราจะเน้นฝึกฝนพนักงาน ช่วยให้พวกเขามีประสิทธิภาพมากกว่าเจ้าอื่น เน้นแข่งขันในด้านคุณภาพ!”
“ฝึกฝนพนักงาน? แล้วพวกเราจะฝึกฝนยังไง?”
“นายน่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าสกิลสายการผลิตสามารถยกระดับได้ ยิ่งมีความชำนาญมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำอาหารได้เร็วขึ้น รสชาติก็ดีขึ้น และถ้าเลเวลสกิลทำอาหารสูงขึ้นเท่าไหร่ อาหารที่ปรุงก็จะคุณภาพสูงและได้รับแต้มวิญญาณมากขึ้นเท่านั้น”
“ยังไงก็ตาม การยกระดับสกิลผลิตอาหารที่ว่า มันต้องผ่านฝึกฝนและใช้แต้มวิญญาณค่อนข้างมาก”
“เหอ เหอ ฉันพอจะเข้าใจที่นายจะสื่อแล้ว” ผังต้าไห่พูดสิ่งที่อยู่ในสมอง “ที่พวกเราต้องทำก็คือ ไม่เน้นรับสมัครคนเหมือนกับเทพธิดาซู ตรงกันข้าม พวกเราจะคงพนักงานในปริมาณน้อย จะได้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสมาชิกทุกคนเชื่อถือได้ไหม ระหว่างนั้นช่วยพวกเขายกระดับ คุณภาพอาหารจะได้สูงกว่าคู่แข่งเจ้าอื่น และนั่นคือสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้”
“ถูกต้อง นั่นแหละสิ่งที่ฉันต้องการจะบอก เอาไว้ภายหลัง ประโยชน์ของการทำแบบนี้จะปรากฏออกมาให้เห็นเอง”
“เอาไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ นายเป็นเถ้าแก่ใหญ่ ฉันเชื่อฟังคำสั่งนาย”
ฮังอวี่กระจ่างแก่ใจดี ไม่ว่าจะเป็นในด้านเงินตรา คอนเนคชั่น หรือทรัพยากรทางสังคม เขาสู้ซูหยุนปิงไม่ได้อย่างแน่นอน
อีกฝ่ายสามารถจ้างพ่อครัว 50-80 คนเพื่อขยายฐานการผลิตอาหารวิญญาณได้ ทว่า ฮังอวี่ไม่มีความสามารถแบบนั้น
เมื่อผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของอาหารพลังงานวิญญาณ ราคาว่าจ้างพ่อครัวโลกวิญญาณจะต้องพุ่งสูงขึ้น
ซึ่งเขาไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น และมันเป็นเรื่องที่โง่มากหากคิดใช้ข้อเสียเปรียบของตัวเองไปงัดกับข้อได้เปรียบของผู้อื่น!
แม้จะกล่าวแบบนั้น แต่ฮังอวี่เองก็มีข้อได้เปรียบบางอย่างกับเขาเหมือนกัน และมันคือข้อได้เปรียบที่พิเศษมากเสียด้วย!
ก่อนหน้านี้เขาเริ่มปลูกสมุนไพรโลกวิญญาณแล้ว นอกจากนี้ยังมีสูตรโพชั่นฟื้นฟูค่าพลังจิตอยู่ในมือ
กล่าวคือ ในไม่ช้าเขาจะสามารถกลั่นยาได้
ด้วยโพชั่นเพิ่มค่าพลังจิตนี้ อ้วนต้าไห่จะสามารถปรุงอาหารได้มากขึ้น 10-20 จาน ต้นทุนการผลิตอาหารจะลดลงเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันพวกพนักงานก็เหมือนได้รับการฝึกฝนไปในตัว ทำให้ทักษะความชำนาญของพวกเขานำหน้าคู่แข่ง
หากใช้วิธีนี้ต่อไปเรื่อยๆ ร้านของพวกเขาจะสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันได้เป็นอย่างมาก ทิ้งห่างคนอื่นชนิดไม่เห็นฝุ่น
ฮังอวี่กับอ้วนต้าไห่ทานอาหารเย็นด้วยกันเสร็จ ฮัสกี้ก็ถูกพาตัวมาหลังจากอาบน้ำเสร็จพอดี
ตัวมันในตอนนี้ราวกับได้เกิดใหม่ อาจเป็นเพราะได้กินผลไม้ห้าสีแห่งปัญญาเข้าไป ขนเลยนุ่มลื่นกว่าหมาปกติทั่วไป ให้ความรู้สึกเหมือนผ้าซาติน
มองไปยังฮัสกี้ขนสีขาวดำ หูสามเหลี่ยม จมูกยาว ตาสีฟ้าม่านตาสีดำ แววตาเฉียบคม เวลามันยืนอยู่นิ่งๆ ให้ความรู้สึกราวกับเป็นหมาป่าแสนดุร้าย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดีๆ คุณจะพบว่าในความเฉียบคมนั้นฉายแววตลกโปกฮา
“ฉันชอบอาบน้ำ! ขนนุ่มดี ฮ่ง ฮ่ง!”
ฮัสกี้กระโดดไปรอบๆอย่างสนุกสนาน
ผังต้าไห่เหม่อมองไอ้หมานี่ เขายื่นหน้าไปกระซิบกับ ฮังอวี่แล้วพูดว่า “เสี่ยวฮัง ฟังคำแนะนำของพี่อ้วนหน่อยนะ ไอ้หมาอยู่ไม่สุขนี่ไม่ควรเก็บไว้ ตอนนี้ยังไม่สายที่จะเปลี่ยนใจ”
ฮัสกี้หยุดฝีเท้าทันที ตาสุนัขของมันจับจ้องผังต้าไห่ “ฮ่ง! มนุษย์อ้วน! อย่าคิดนะว่าเปิ่นหวังไม่ได้ยิน เชื่อไหมว่าเปิ่นหวังสามารถกัดตูดอ้วนๆนั่นได้ 5 ครั้งใน 1 วินาที!”
ฮังอวี่ยิ่มแห้งแล้วส่ายหัว
แต่ในตอนนั้นเอง รายการข่าวบนทีวีติดผนังได้ดึงดูดความสนใจของเขา
“ข่าวด่วน! ไม่กี่นาทีก่อน สถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งมีสัตว์ประหลาดอันตรายปรากฏตัวขึ้น”
“ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 ราย เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ทางการตัดสินใจปิดตายสถานีรถไฟใต้ดินทุกแห่งในเมือง กรุณาอย่าเข้าใกล้สถานีรถไฟใต้ดินเด็ดขาด”
“ขอย้ำ อยู่ให้ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน!”
“...”
จากนั้น ทีวีก็เริ่มฉายวิดีโอที่ถูกพลเมืองถ่ายเอาไว้ได้ ใกล้ๆกับสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในเมืองเจียงเฉิง ทุกอย่างตกอยู่ในความวุ่นวาย เสียงหวอของรถพยาบาลดังลั่น ผู้คนต่างพากันหลบหนีด้วยความตื่นตระหนก
ฮังอวี่แสดงสีหน้าครุ่นคิด ก่อนโบกมือให้ฮัสกี้ข้างหลังเขา
“มาเถอะหวังเอ๋อ นายมีงานต้องทำ”