เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 25
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 25
"ลูกหลานปิงโจวทั้งหลาย แสดงให้คนถ่อยอ้วนสุดได้เห็น ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าทหารม้า บุกพร้อมกับข้า!" ลิโป้ใช้เท้ากระตุ้นท้องม้า บุกโถมออกไปคนแรก ทหารม้าจำนวนหนึ่งพันทางด้านหลังก็พุ่งติดตามไป ใช้ประโยชน์จากชัยภูมิที่อยู่สูงกว่า ควบม้าโถมลงจากเนินอย่างรวดเร็ว
"สู้!" กิเหลงไม่แสดงความอ่อนแอ สั่งให้ทหารเข้าต่อสู้
ด้วยในมือมีทวนกรีดนภา และรูปร่างที่สูงสง่าโดดเด่นเหนือคน ลิโป้ก็กลายเป็นจุดเด่นในสนามรบ กิเหลงกระชับง้าวสามแฉกนำทหารม้าเข่นฆ่าเข้าใส่ลิโป้อย่างฮึกเหิม บนวิถียุทธ์ หากไม่ประมือกันสักคราก็ยากจะชี้ชัดว่าผู้ใดเข้มแข็งผู้ใดอ่อนแอ สำหรับคนเป็นแม่ทัพแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากยอมรับว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น
"ยิงธนู!" ลิโป้ออกคำสั่ง ลูกธนูก็พุ่งออกประดุจห่าฝน ร่วงหล่นใส่ทหารทัพอ้วนสุด
ที่อีกด้านหนึ่ง ทหารม้าอ้วนสุดแม้จะยิงธนูสวนกลับไป แต่ก็มีน้อยและขาดซึ่งความแม่นยำ
ทหารม้าสองฝ่ายโถมปะทะกันอย่างรวดเร็ว ทหารม้าปิงโจวเพราะพุ่งลงจากพื้นที่สูง อานุภาพการเข่นฆ่าจึงดุจดังฝันร้ายสำหรับทหารม้าอ้วนสุด พวกเขานึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าไฉนทหารม้าปิงโจวจึงสามารถเคลื่อนไหวท่าทางได้อิสระปานนั้น ทำให้ธนูที่ยิงออกไปแทบไม่อาจทำอันตรายอีกฝ่าย
รับมือกับกลุ่มทหารราบขี่ม้า ทหารม้าปิงโจวก็คล้ายกลายร่างเป็นปีศาจจากขุมนรก ลิโป้คล้ายเป็นหัวหน้าปีศาจ ทุกทางที่พุ่งม้าผ่านล้วนไม่มีผู้ใดต้านทานติด ศัตรูที่ขวางทางล้วนตกตาย เมื่อเหล่าทหารราบของทัพอ้วนสุดเห็นเช่นนั้นก็รีบหลีกเปิดทาง
เห็นลูกน้องคนแล้วคนเล่าถูกแทงร่วงหลังม้า กิเหลงก็หน้าเครียด เขารีบชักม้าหลีกเลี่ยงลิโป้และตรงเข้าหาทหารม้าปิงโจวแทน
กิเหลงสมแล้วที่เป็นทหารเอกของอ้วนสุด เมื่อง้าวสามแฉกกวาดผ่าน ชีวิตทหารปิงโจวก็ถูกเก็บเกี่ยวไป อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในสนามรบทำให้เขากังวลอยู่บ้าง เขาคิดไม่ถึงว่าทหารม้าปิงโจรจะร้ายกาจขนาดนี้ การต่อสู้เพิ่งดำเนินไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ขบวนทัพของฝ่ายเขาก็ถูกอีกฝ่ายเจาะทะลวง หากไม่ใช่เพราะทหารที่นำมาล้วนแต่ทหารชั้นยอดแล้วล่ะก็ เกรงว่าเวลานี้พวกทหารคงแยกย้ายหลบหนีด้วยความแตกตื่นไปแล้ว
"ตาย!" เมื่อเห็นกิเหลงเข่นฆ่าโดยไร้ผู้ต้าน ลิโป้ก็คำรามก่อนควบม้าพุ่งเข้าใส่กิเหลง
"แจ้งชื่อมา ข้าไม่ฆ่าคนไร้หัวนอนปลายเท้า!" กิเหลงตะโกนเสียงดัง
"นายอำเภอจิ่วหยวน ลิโป้เฟิ่งเซียน" ลิโป้ไม่ได้ชะลอม้าลดความเร็วแต่อย่างใด ดูเหมือนการประกาศชื่อแซ่ก่อนการประมือจะเป็นที่นิยมอย่างมากในยุคนี้ และยังเป็นวิธีที่ดีที่จะสร้างชื่อให้เลื่องลือ
"เจ้าก็คือลิโป้? เหอะ ลบหลู่นายข้า ตายซะ!" แม้จะไม่เคยพบกับลิโป้มาก่อน แต่กิเหลงก็ยังได้ยินว่าลิโป้ด่าทออ้วนสุดอย่างไร
ทันทีที่ทวนกีดนภาและง้าวสามแฉกพุ่งเข้าปะทะกัน กิเหลงก็พบว่าผิดท่า พละกำลังของลิโป้เข้มแข็งเกินไป เหนือยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้ ไม่เพียงเท่านั้น ทวนของฝ่ายยังหนักกว่าง้าวของเขาด้วย
ที่ลิโป้กังวลก็คือจะไม่มีคู่มือให้ฝึกฝน เมื่อกิเหลงเสนอตัวมาถึงที่ เขาย่อมรับไว้ด้วยความยินดี ทวนกรีดนภาฟาดฟันออกตามภาพในความทรงจำ กิเหลงที่เป็นคู่ต่อสู้ก็ได้แต่ต้านรับไว้ เมื่อทหารม้าปิงโจวเห็นแม่ทัพฝ่ายตนมีฝีมือเหนือกว่า พวกเขาก็พลุ่งพล่านด้วยความฮึกเหิม
"บุก!!!" เมื่อได้รับข่าวจากสนามรบ โจเส็งก็นำทหารม้าห้าร้อยนายโถมออกมา
สภาวะที่เกิดจากการโถมพุ่งของทหารม้าจำนวนห้าร้อยทำให้สถานการณ์เต็มไปด้วยความตึงเครียด
สภาวะจู่โจมของทหารม้าที่เพิ่งปรากฏตัวได้บดทำลายความหวังสุดท้ายของทหารทัพอ้วนสุดไป บางคนละทิ้งคำสั่ง โยนอาวุธในมือทิ้งก่อนจะหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิต
เมื่อมีคนนำ ก็ย่อมต้องมีคนตาม
โจเส็งนำทหารม้าห้าร้อยพุ่งทะลวงขบวนทหารม้าของกิเหลงจนแตกกระเจิง เมื่อพุ่งจนหมดสภาวะ เขาก็หันหัวม้านำกำลังพุ่งเข่นฆ่ากลับมาใหม่
เมื่อกิเหลงเห็นว่าอีกฝ่ายยังซุ่มกำลังเสริมไว้ เขาก็ทราบทันที ว่าศึกครั้งนี้ เขาได้พ่ายแพ้แล้ว ทหารม้าของเขาฝีมือสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ทั้งยังมีจำนวนน้อยกว่า เช่นนั้นแล้ว เขายังจะเอาอะไรไปสู้
เดิมทีเขาคิดจะใช้ทัพหน้าของตนพัวพันฝ่ายตรงข้ามไว้ รอจนกระทั่งอ้วนสุดนำทัพใหญ่มาถึง แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากองทัพของเขาจะพ่ายแพ้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ในใจจึงบังเกิดความรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจอยู่บ้าง
เพียงไม่กี่อึดใจ กิเหลงและลิโป้ก็ประมือกันไปแล้วกว่าห้าสิบกระบวน กิเหลงรู้สึกแขนทั้งสองชาหนึบ ทุกครั้งที่ปัดป้องทวนของลิโป้ เขาล้วนแต่ต้องใช้กำลังทั้งหมดเข้าต้านทาน
เมื่อกิเหลงปรากฏวี่แววว่าจะพ่ายแพ้ ลิโป้ก็แค่นเสียงคำหนึ่ง ทวนเปลี่ยนจากทิ่มแทงเป็นฟันขวาง เล็งฟันไปที่ศีรษะของกิเหลงโดยตรง
กิเหลงใจหายวาบ รีบก้มหัวลงหลบ แม้จะรอดได้อย่างหวุดหวิด หากแต่หมวกเกราะที่สวมใส่ก็ถูกฟันกระเด็น ปล่อยผมยาวสยายอย่างไร้ระเบียบ สร้างความอับอายอัปยศต่อเขายิ่ง
กิเหลงทำได้เพียงบังคับม้าหลบหนี
เมื่อควบม้าหนีได้สักพัก กิเหลงก็พบว่าลิโป้ไม่ได้นำกำลังไล่ตามมา เขารีบสั่งให้แม่ทัพของเขารวบรวมคนและม้ามาตรวจนับไพร่พล หลังจากตรวจแล้วก็พบว่า ทหารที่เหลือมีเพียงแปดร้อยเศษ กิเหลงรีบส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากอ้วนสุดทันที ทหารม้าของปิงโจวทำให้เขาขวัญกระเจิดกระเจิงไม่มีกะจิตกะใจจะไล่ตามทัพปิงโจวอีก
"นี่น่ะรึทหารชั้นยอดแห่งหวยหนาน?" โจเส็งแค่นเสียงด้วยความโมโห นึกว่าจะได้สู้อย่างหนำใจแล้วเชียว คิดไม่ถึงว่าพอนำทหารม้าออกมา ทหารอีกฝ่ายก็ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อสู้ ช่างเป็นการรบที่ไร้รสชาติจริงๆ ทว่าโจเส็งยังไม่ใช่คนที่โชคร้ายที่สุด ที่โชคร้ายกว่าคือโกซุ่นที่ไม่มีแม้แต่โอกาสได้แสดงฝีมือ ทำได้แค่ตามเก็บกวาดสนามรบ
"แบบนี้น่ะรึที่เด็กน้อยอ้วนสุดเรียกว่าทหารม้า? เหอะ แตกต่างจากไพร่ราบทหารเลวตรงไหนกัน ก็แค่สวะกลุ่มหนึ่ง" เฮาเสงบ่นด้วยความไม่พอใจ
"เอาล่ะ ไม่ต้องบ่นแล้ว อ้วนสุดยังมีทหารอีกเกือบสองหมื่น ยกให้เจ้าเข่นฆ่าทั้งหมดก็แล้วกัน" หลังคว้าชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งยังได้ประลองฝีมือกับกิเหลง ลิโป้ก็อารมณ์ดีมาก
"นายท่านเก่งกาจไร้คู่เปรียบ เพียงแต่ในภายหน้าขออย่าได้ออกรบด้วยตัวเองอีก นายท่านเป็นผู้นำทัพปิงโจว หากท่านได้รับอันตรายขึ้นมา ไพร่พลก็จะเสียขวัญได้นะขอรับ" ลิซกก้าวออกมาเกลี้ยกล่อม
"เว่ยกงกังวลเกินไปแล้ว ท่านก็รู้จักฝีมือข้าดี"
"นายท่านควรคำนึงถึงทัพปิงโจวเป็นสำคัญนะขอรับ" ลิซกกล่าวอย่างหนักแน่น
"อืม ในอนาคตข้าจะพยายามไม่ออกไปอย่างวู่วามก็แล้ว" ลิโป้กล่าวเสียงอ่อนลง
เมื่อแม่ทัพคนอื่นๆเห็นลิโป้ฟังคำแนะนำของลิซก พวกเขาก็มองลิซกด้วยความเลื่อมใส พวกเขาเคยเอ่ยปากเกลี้ยมกล่อมลิโป้หลายครั้ง แต่ลิโป้ไม่เคยจะฟังเลยสักครั้ง
"เว่ยกง ทัพของอ้วนสุดกำลังเสียขวัญ พวกเราควรนำทหารม้าไปทางหวางหลง ทำลายทัพอ้วนสุดให้สิ้นซากไปเลยดีหรือไม่?" ในระหว่างที่ต่อสู้ ลิโป้ก็รู้สึกว่าทหารของอ้วนสุดก็ไม่เห็นจะเก่งกาจอะไร
"นายท่าน แม้ทหารเราจะเก่งกาจ แต่ศัตรูมีกำลังคนและม้าเกือบสองหมื่น ชัยชนะเมื่อครู่เป็นเพราะทัพเราตั้งอยู่ในชัยภูมิอันมีเปรียบ กิเหลงเพิ่งพ่ายแพ้แต่ยังมีกำลัง จึงไม่ควรรุกไล่สุนัขที่จนตรอก" ลิซกวิเคราะห์ "พวกเราครอบครองความมั่งคั่งกว่าครึ่งของตั๋งโต๊ะไว้ สร้างความอิจฉาตาร้อนแก่เหล่าเจ้าเมือง เวลานี้ เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือการกลับไปยังปิงโจว"
ลิโป้พลันรู้สึกโชคดีที่ข้างกายมีกุนซือที่ปรึกษาคอยวิเคราะห์แจกแจงให้ทุกอย่าง ขนาดลิซกยังร้ายกาจขนาดนี้ หากว่าเป็นกุนซือที่มีชื่อเลื่องระบือในประวัติศาสตร์อย่าง กาเซี่ยง กุยแก หรือขงเบ้งเล่า จะร้ายกาจขนาดไหน?ความปรารถนาที่จะรวบรวมเหล่าผู้มีพรสวรรค์ของลิโป้ยิ่งมายิ่งแรงกล้า
"คำพูดของเว่ยกงมีเหตุผล เอาตามเจ้าว่าก็แล้วกัน"
ความจริงใจของลิโป้ทำให้ลิซกรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ความคาดหวังต่ออนาคตในทัพปิงโจวเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย และเขาก็มีความมั่นใจที่จะติดตามลิโป้ต่อไป การทำงานรับใช้เจ้านายคนนี้ช่างสบายใจกว่ารับใช้ตั๋งโต๊ะมากนัก
"นายท่าน ที่ด้านหน้ามีหุบเขาแห่งหนึ่ง เป็นเส้นทางที่ต้องใช้ผ่าน ท่านสามารถวางกำลังไว้บนภูเขา รอจนทหารของอ้วนสุดผ่านไปได้ครึ่งขบวน ก็ให้ปิดทางถอยของพวกเขา ใช้หินกลิ้งจู่โจมลงไป กองทัพของเขาจะต้องเกิดความโกลาหลขึ้นแน่" ลิซกกล่าวเสนอ เพราะพวกเขาส่งพลสอดแนมออกไปดูตรวจสอบพื้นที่ไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงสามารถรับข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว