CD บทที่ 73 ภารกิจฉุกเฉิน
“เก้าส่วนสำหรับหัวหน้า อีกหนึ่งส่วนสำหรับลูกน้อง”
ในซอยหยู่ซื่อ จ้าวหยู่กำลังถ่ายทอดความรู้ของเขาเกี่ยวกับวิถีนักเลงให้กลุ่มชายผมทอง
“ฉันเป็นหัวหน้าและพวกแกก็คือลูกน้อง ปกติแล้วฉันต้องได้รับ 90% และ ให้พวกนายอีก 10% แต่นี่คือการร่วมงานครั้งแรกของพวกเราและเพื่อแสดงความจริงใจของฉัน ฉันจะให้พวกนายเป็น 20% ก็แล้วกัน เงินนี่ก็เกือบ 170,000 หยวน 20% ก็แค่ 30,000 หยวน” จ้าวหยู่ดึงธนบัตรออกมา 5 ใบ พร้อมกล่าวอย่างจริงจังว่า “เอ้านี่ 50,000 เพราะพวกแกมีกัน 5 คน จะได้แบ่งกันง่าย ๆ เอาล่ะ อยากได้อะไรอีกไหม?”
ชายผมทองและพรรคพวกตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ตอนแรกพวกเขาคิดว่าจะโดนจ้าวหยู่ทำร้ายร่างกายเข้าแล้วไปเสียอีก นอกจากตำรวจปีศาจคนนี้จะไม่ตีพวกเขาแล้ว เขายังให้เงินพวกเขาอีก! มันเหมือนเงินที่ตกลงมาจากท้องฟ้า พวกเขาจะไปเรียกร้องอะไรได้อีกกัน
“เท่านี้ก็มากแล้วครับ! ครั้งก่อนคุณให้พวกเรา 10,000 หยวน เมื่อเช้านี่อีก 2,000” ชายผมทองกล่าวขอบคุณอย่างใจจริง “ผมว่าคุณน่าจะเอาเงินกลับคืนไปสักหน่อย นี่มันมากเกินไป!”
“ใช่แล้ว ๆ”
คนอื่น ๆ ก็พากันออกความคิดเห็นตาม
“ให้พวกเราแค่ 30,000 หยวนเท่านั้นก็พอ เกินกว่านั้นพวกเราไม่กล้าที่จะรับไว้!”
“หุบปาก!” ใบหน้าจ้าวหยู่เริ่มแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ถ้าฉันบอกให้ก็คือให้ พวกแกก็แค่รับไปซะ ฉันจะบอกอะไรให้ ถ้าพวกแกคอยติดตามฉันตั้งแต่ตอนนี้ล่ะก็ จากนี้ไปจะมีโอกาสได้มากกว่านี้อีก รับประกันเลยว่ามันจะต้องดีกว่าการที่พวกนายเอาแต่เดินเตร่ไปมาในซอยแบบนี้แน่!”
“ได้เลยครับ!” ชายผมทองรีบตอบอย่างรวดเร็ว “พวกเราโชคดีจริง ๆ นับตั้งแต่นี้ไป พวกเราจะคอยติดตามลูกพี่เอง ถ้าลูกพี่อยากได้อะไร ติดต่อเราได้ตลอดเลยนะครับ! เราจะติดตามลูกพี่โดยไม่ลังเลเลยว่ามันจะลำบากแค่ไหน!”
“ใช่เลยลูกพี่ เชื่อมือพวกเราได้เลย!”
จากนั้นชายทั้ง 5 ต่างก็พร้อมเตรียมท่าคุกเข่าทำความเคารพจ้าวหยู่ไปในทันที
จ้าวหยู่รีบหยุดพวกเขาก่อนแล้วตะโกนไปว่า “เข้าใจแล้ว งั้นก็อย่าทำอะไรที่มันเหยาะแหยะก็แล้วกัน แค่ตามฉันมา แล้วพวกแกจะไม่มีวันเสียใจแน่นอน!” เขาพูดต่ออีกว่า “กลับมาที่ธุระของเรากันต่อ ไอ้เด็กบ้านรวยนั่นไม่ใช่เป้าหมายง่าย ๆ ที่เราจะจัดการ ถ้าเกิดมันจริงจังขึ้นว่า ฉันเกรงว่าพวกแกจะต้องโดนเรียกตัวไปแน่ ๆ เพราะงั้นฉันคิดว่าพวกแกควรจะกลับบ้านเกิดไปทำอะไรรอก่อนจะดีกว่า รอจนเรื่องเงียบแล้วค่อยกลับมา”
“ได้เลยครับ! ทุกคน ทำตามคำสั่งของลูกพี่ซะ”
เหล่าลูกน้องอันธพาลทั้งหลายพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ไอ้โง่เอ้ย!” จ้าวหยู่ใช้เงินฟาดไปที่หัวชายผมทองอยู่หลายครั้ง “ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าใครก็ตาม พวกแกห้ามไปบอกใครว่าเรารู้จักกัน เข้าใจไหม?! แล้วมาเรียกฉันว่าลูกพี่แบบนี้ฉันก็ซวยกันพอดีน่ะสิ!”
“โอ้ ใช่ ๆ” ชายผมทองทำหน้านึกคิด “งั้นพวกเราก็เรียกว่าลูกพี่ตำรวจได้มั้ยครับ?!”
*พลัวะ!*
ชายผมทองทำตัวเองให้ได้รับบาดเจ็บเข้าอีกครั้ง ท่ามกล่างเสียงหัวเราะเยาะของคนอื่น ๆ จากนั้นภายใต้คำสั่งของจ้าวหยู่ ทั้งหมดก็ทำการแบ่งเงินแล้วแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง
ในระหว่างทาง จ้าวหยู่ก็อดคิดถึงเหยาเจียไม่ได้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความปรารถนาในการไล่ตามคนรักเก่าของเขามันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่เพราะชายบ้านรวยคนนั้น ไม่ใช่เพราะเหยาเจียบอกว่าเธอมีแฟนแล้ว แต่เพราะความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้ว่าเหยาเจียในโลกนี้กับเหยาเจียที่เขารู้จักนั้นแตกต่างกันมากเกินไปต่างหาก
เหยาเจียที่เขาเคยร่วมใช้ชีวิตด้วยเป็นคนกล้าได้กล้าเสียและมีความมั่นใจในตัวเองสูง เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอตัดสินใจทำอะไรลงไป เธอไม่เคยคิดเสียใจอะไรกับมันเลยเมื่อมองย้อนกลับมา ตอนที่จ้าวหยู่ใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอ เขารู้สึกได้ว่าชีวิตทั้งชีวิตของเขามันน่าตื่นเต้นและมีชีวิตชีวามากจริง ๆ
แต่เหยาเจียที่เขาเพิ่งเจอมาเป็นนางพยาบาลที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เป็นเรื่องง่ายที่จะมองว่าเหยาเจียคนนี้เป็นคนรักสงบมากกว่าการมีชีวิตที่ตื่นเต้น เป็นเหมือนดอกไม้ที่สง่างาม แม้ว่าเธอจะดูสวยและอ่อนโยนแต่เป็นผู้หญิงที่หาพบได้ยาก ทว่าจ้าวหยู่กลับไม่ชอบผู้หญิงที่มีลักษณะดั่งเจ้าหญิงมากนัก
เขาค่อย ๆ เริ่มวิเคราะห์เรื่องการตัดสินใจไล่ตามเหยาเจียอีกครั้ง มันอาจเป็นไปได้ว่าเขากำลังเลือกทางที่ไม่ใช่อยู่หรือเปล่า? เหยาเจียในตอนนี้ไม่ใช่ เหยาเจียที่เขาเคยหลงจนโงหัวไม่ขึ้นมาก่อน เช่นเดียวกันกับเขาที่เคยเป็นพวกแก๊งอันธพาลมาก่อน ไม่มีความใกล้เคียงใด ๆ กับการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบปัจจุบันนี้เลย
จ้าวหยู่นำเงินที่ได้มาฝากเข้าธนาคารก่อนจะกลับไปยังสถานีด้วยความรู้สึกที่สับสนไปหมด ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว เมื่อเขาเดินผ่านประตูไปยังห้องทำงานทีมเอ ทุกอย่างก็เป็นเหมือนกับปกติ แต่ภายในห้องทำงานหลัก คนอื่น ๆ กำลังพากันวิ่งวุ่นไปมา พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดหย่อน
“หา? มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?” จ้าวหยู่มองไปที่กระดานไวท์บอร์ดที่ตอนนี้มีข้อมูลใหม่ ๆ แปะไว้อยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ที่แผนกสืบสวนตอนนี้มีคดีใหม่เข้ามาแล้ว!
จ้าวหยู่รีบก้าวยาว ๆ ไปยังกระดานไวท์บอร์ดในทันที ตรงกลางกระดานมีภาพที่น่าสยดสยองของซากศพแปะอยู่ ร่างกายบวมน้ำและซีดจนเกือบดูไม่ออกว่าเป็นมนุษย์ ด้านขวามีคำที่เขียนด้วยปากกาไว้ว่า ‘ศพที่อ่างเก็บน้ำฉินชาน’
“โอ้” จ้าวหยู่จำได้ว่าครั้งก่อน หัวหน้าหวังเฟ่ยจากแผนกนิติวิทยาศาสตร์บอกว่าพบศพที่อ่างเก็บน้ำ ดูเหมือนพวกเขาจะทำการชันสูตรพลิกศพจนระบุได้ว่านี่เป็นคดีฆาตกรรมและกำลังทำการสืบสวนอยู่!
“คดีศพในอ่างเก็บน้ำฉินชานงั้นหรอ น่าสนใจดีนี่!” จ้าวหยู่พยายามมองตามข้อเท็จจริงบนกระดานไวท์บอร์ดด้วยความระมัดระวัง “ฮิฮิ นี่เป็นโอกาสในการทำเงินให้มากขึ้น! คนร้ายเอ๋ย มันสายเกินไปแล้วที่จะร้องขอความเมตตากับนักสืบสุดเทพอย่างจ้าวหยู่คนนี้ ฉันจะเป็นคนจับตัวแก ให้ได้!”
“หยู่! ในที่สุด นายก็กลับสักทีนะ!” รักษาการหัวหน้าทีม A เผิงซินกล่าวทักทายจ้าวหยู่ขณะที่กำลังถือเอกสารกองพะเนินเข้ามา “นี่นายกำลังต่อต้านฉันในฐานะรักษาการหัวหน้าทีมตั้งแต่วันแรกเลยใช่ไหมเนี่ย!! ทำไมนายถึงได้หายตัวไปได้ทั้งวันแบบนี้ ฉันไม่ใช่หลิวชางฮูนะ ถ้านายทำให้ฉันโมโหอีกล่ะก็ ฉันจะลงชื่อว่านายขาดงานเลยคอยดู!”
“โธ่ ไม่นะ พี่สาว ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้วครับ!” จ้าวหยู่รู้ดีว่าเธอเพียงแค่กล่าวอำเล่น ๆ ก็เท่านั้น เขารีบตามเธอเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อในทันที “วันนี้ผมไปเยี่ยมคุณป้าที่โรงพยาบาลมาน่ะ”
“ฮึ! อย่ามาโกหกหน้าด้าน ๆ” เห็นได้ชัดว่าเผิงซินไม่เชื่อเขาเลยสักนิด เธอชี้ไปที่โต๊ะทำงานไกล ๆ โต๊ะหนึ่ง “โทรศัพท์ใหม่มาถึงแล้ว ของนายอยู่กับหลี่เบ่ยหนีนะ อย่าลืมไปเรียนรู้วิธีการใช้งานด้วยล่ะ เข้าใจไหม? ตรวจดูให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานมันได้จริง ๆ ด้วย เอ้านี่!” เธอส่งใบกระดาษใบหนึ่งให้กับจ้าวหยู่ “นี่เป็นข้อตกลงและสัญญาต่าง ๆ รีบอ่านแล้วก็รีบ ๆ เซ็นเข้า! ต่อไปนี้จะต้องไม่มีขออ้างว่า ‘ไม่มีสัญญาณ’ ‘ไม่ได้รับข้อความ’ หรืออะไรอื่น ๆ อีก การใช้โทรศัพท์ของนายถูกบังคับใช้โดยกฎหมายในขณะนี้แล้ว ถ้านายเผลอทำลายเครื่องไป มันจะไม่ใช่แค่เป็นการลงโทษ แต่มันอาจจะจบลงด้วยเรื่องกฎหมายเลยก็ได้!”
“เข้าใจแล้วครับ!” จ้าวหยู่รีบลงชื่อรับข้อตกลงทันทีโดยไม่สนใจอะไร แล้วรีบชี้ไปที่กระดานไวท์บอร์ดทันที “พี่สาว นี่คือคดีใหม่งั้นเหรอ? พบศพที่อ่างเก็บน้ำฉินชาน? ชื่อมันค่อนข้างรุนแรงจัง แล้วคุณจะให้ผมไปลงพื้นที่ที่ไหนกัน?”
“โอ้ จริงสิ ฉันลืมไปเลย!” เผิงซินรีบตีไปที่ริมผีฝากตัวเองอย่างไวและพูดอะไรบางอย่างด้วยความลังเลออกมาว่า “หยู่ เรื่องคดีนี้น่ะ…อย่าเพิ่งไปสนใจเลย ฉันมีเรื่องสำคัญกว่าให้นายไปจัดการอยู่พอดีเลย!”