ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 ลืมเรื่องบ่มเพาะเป็นเซียนไปก่อน

ตอนที่ 1 บ่มเพาะไม่ได้


เมื่อหวังเช่อฟื้นคืนสติในที่สุด เขาก็รู้สึกเหนียวเหนอะบนใบหน้า

ราวกับถูกปกคลุมด้วยสิ่งที่อ่อนนุ่มและลื่น

ด้วยเหตุผลบางอย่าง หวังเช่อผู้ซึ่งบ่มเพาะตนเองมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีก็รู้สึกสบายใจจากความรู้สึกนั้น

ทันใดนั้นเขาก็ตัวแข็งทื่อ หรือว่ากำลังเขาอยู่ในบ่อเซียนตอนทะยานขึ้นอาณาจักรเซียน?

นี่หมายความว่าเขาสามารถชำระกายมนุษย์ของเขาและแทนที่ด้วยกายเซียนซึ่งสะอาดและบริสุทธิ์ มีภูมิคุ้มกันต่อความชั่วร้ายทั้งหมดอย่างงั้นหรอ?

'ในที่สุดฉันก็ได้ก้าวฉันมการลงทัณฑ์สวรรค์แล้ว?'

ทันทีที่ความคิดนี้แล่นเฉันมาในหัว เขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานแผ่วเบาทั่วร่างกายของเขา

หวังเช่อลืมตาขึ้นและกลับมารู้สึกตัวทันที

สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของเขาคือแมลงสีเขียวที่อยู่ถัดจากเขา ซึ่งมีขนาดเท่ากับฝ่ามือเด็กที่กำลังพ่นสารสีขาวใส่บนหน้าของเขา

เมื่อมองเฉันไปใกล้ ๆ เขาตระหนักว่าสิ่งที่อยู่บนใบหน้าของเขาคือไหมสีขาว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแมลงพ่นน้ำลายใส่หวังเช่อมากเกินไป เส้นไหมจึงเสื่อมสภาพลงกลายเป็นสิ่งที่ทั้งเหนียวทั้งเหนอะหนะ

แมลงตัวเล็กนี่ดูค่อนฉันงน่ารัก มันมีหัวที่โตเกินตัวและลูกตาสองฉันงเหมือนแก้วใส

มันมีลำตัวสีเขียวที่สั้นมาก โดยมีจุดสีเหลืองหลายจุดบนท้องของมัน และมีตุ่มสีขาวอยู่ใกล้ลำตัว

หลังจากตรวจสอบสถานการณ์แล้ว หวังเช่อก็เฉันใจในที่สุด

แมลงที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพียงหนอนผีเสื้อสีเขียวธรรมดา!

หากนี่เป็นโลกเซียน อาณาจักรเบื้องบนในตำนานก็หมายความว่าความพยายามและการบ่มเพาะทั้งหมดในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมาของเขานั้นไร้ประโยชน์

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง

เขาผู้ซึ่งล้มเหลวในการก้าวฉันมการลงทัณฑ์สวรรค์จะไปถึงโลกเซียนได้ยังไง?

"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแม้ว่าฉันจะล้มเหลวก็ไม่เป็นไร”

หลังจากสูดหายใจเฉันลึก ๆ เขาก็ใช้นิ้วสะบัดแมลงสีเขียวออกไป

“ซซซ!” แมลงหงายหลัง เผยให้เห็นท้องสีเหลืองซีดของมัน

มันพยายามพลิกตัวไปมา

เมื่อรู้ว่าไร้ประโยชน์ หนอนผีเสื้อก็หันมามองหวังเช่ออย่างสับสน

“ฉันอาจล้มเหลวในการก้าวฉันมการลงทัณฑ์สวรรค์” หวังเช่อประกาศอย่างฉับพลัน ดวงตาที่แน่วแน่ของเขาไม่ได้จับจ้องไปที่แมลงสีเขียวอีกต่อไป “แต่ฉันยังมีประสบการณ์นับหมื่นปีในการบ่มเพาะ ฉันยังได้เรียนรู้เคล็ดบ่มเพาะเซียนและพลังเซียนมากมายนับไม่ถ้วน ขยายจากขอบเขตหลอมลมปราณไปสู่อาณาจักรเซียน ฉันมีทุกสิ่งที่ฉันต้องการ”

“ฉันยังมีความรู้เกี่ยวกับอารยธรรมที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วน แม้แต่ในยุคที่พลังวิญญาณทั้งบางและแทบไม่มีอยู่จริงเหมือนบนโลก ฉันก็ยังคงมั่นใจในความสามารถของตัวเองที่จะบ่มเพาะจนถึงอาณาจักรเซียนอีกครั้ง”

“ฉันจะขึ้นไปและฝ่าฟันไปได้อย่างแน่นอนในชั่วชีวิตนี้!”

ขณะที่เขากำลังกระตุ้นตัวเองอีกครั้ง หวังเช่อก็เริ่มจัดระเบียบความคิดของเขา

'วิญญาณยุทธ์? นี่อาจเป็นโลกแห่งวิญญาณยุทธ์? ดินแดนวิญญาณ? หรือผู้บ่มเพาะ? ฉันคุ้นเคยกับพวกมันทั้งหมด! ยังไงฉันก็เคยอยู่บนโลกมาเป็นพันปีแล้ว!

'อสูรวิญญาณ? สัญญาอสูรวิญญาณ? เดี๋ยวนะ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง... ไม่เป็นไร ฉันจะจัดการกับมันได้ตราบใดที่ยังมีพลังวิญญาณอยู่รอบๆ...’

...

หวังเช่อตระหนักว่าโลกนี้เป็นอย่างไร

ในสมัยโบราณ มนุษย์ที่นี่สามารถปลุกพลังของวิญญาณยุทธ์ตัวเองได้โดยใช้ทั้งฟ้าดินเป็นแหล่งพลัง

ในเวลาเดียวกัน มีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกมากมายที่อาศัยอยู่ในโลกเดียวกันนี้

หล่อเลี้ยงด้วยพลังวิญญาณของโลก สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีอายุยืนยาวมาก

พวกมันเป็นที่รู้จักในฐานะอสูรวิญญาณ

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การถือกำเนิดของมนุษยชาติเมื่อประมาณ 10,000 ปีที่แล้ว โลกนี้ได้รับความเสียหายจากความขัดแย้งที่ไม่มีที่สิ้นสุด

มนุษย์ที่นี่อาศัยการสังหารอสูรวิญญาณเพื่อรับวงแหวนวิญญาณและทักษะวิญญาณที่สามารถเสริมวิญญาณยุทธ์ตัวเองได้

ในขณะเดียวกัน อสูรวิญญาณก็จะฆ่ามนุษย์เพื่อกลายพันธุ์และวิวัฒนาการ

เป็นผลให้เกิดการต่อสู้นับไม่ถ้วนขึ้นระหว่างสองเผ่าพันธุ์นี้ในประวัติศาสตร์

หวังเช่อรู้เรื่องนี้ดี

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเปลี่ยนไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าเมื่อสามพันปีก่อน

หลังจากม่านพลังของโลกถูกทำลาย ปีศาจวิญญาณและอสูรมืดจากโลกอื่นก็ได้เปิดการโจมตีที่ดุร้าย

ทั้งมนุษย์และอสูรวิญญาณไม่ได้รับการยกเว้น

ทว่าในขณะที่สิ่งมีชีวิตในโลกใกล้จะสูญพันธุ์ ทั้งสองเผ่าพันธุ์ก็เฉันใจและร่วมมือกันสร้างสัญญาวิญญาณ เมื่อรวมกันแล้ว พลังของพวกเขาจะแข็งแกร่ง!

เกิดใหม่จากการทำลายล้าง และคืนชีพผ่านนิพพาน...

ผู้บุกรุกไม่สามารถต้านทานได้ และต้องถอยกลับไป โลกก็กลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีต

หลังจากการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนั้น การพัฒนานับพันปีนำมาสู่โลกในปัจจุบัน

ระดับของอารยธรรมตอนนี้ใกล้เคียงกับโลก(Earth) ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่หวังเช่อเคยไปเยือนมาก่อน

อย่างไรก็ตาม สัญญาผู้ควบคุมวิญญาณเป็นตัวเอกของยุคนี้

นี่เป็นผลมาจากการรวมกันระหว่างเผ่าพันธุ์ โดยที่มนุษย์จะลงนามในสัญญาชีวิตกับอสูรวิญญาณเพื่อเพิ่มอายุขัยของพวกเขาเอง นอกจากนี้สัญญาเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาได้รับวงแหวนวิญญาณซึ่งพวกเขาสามารถใช้เพื่อบ่มเพาะวิญญาณยุทธ์ของตนเองและทำให้ตัวเองมีพลังมากขึ้น

ในเวลาเดียวกัน อสูรวิญญาณก็ยังได้รับประโยชน์จากการเลี้ยงดูนี้ ซึ่งทำให้พวกมันได้รับความรู้สึกที่จำเป็นต่อการวิวัฒนาการ

เช่นนั้น มนุษย์และอสูรวิญญาณก็กลายเป็นคู่หูกันมาหลังจากนั้น

“ตอนนี้กลายเป็นเหมือนโลกของโปเกมอนแล้วเหรอ? มันต่างจากที่ฉันคิดไว้มาก… แต่ก็ไม่สำคัญ ฉันเป็นผู้บ่มเพาะเซียนอยู่แล้ว”

หวังเช่อคิดเกี่ยวกับโลกที่เขาเคยพบ

เขาหันไปมองหนอนผีเสื้อที่อยู่ใกล้เขา ดูเหมือนว่าเขาได้ทำสัญญาวิญญาณกับมันเมื่อไม่นานมานี้

หวังเช่อเริ่มต้นชีวิตนี้ในวัย 18 ปี หรืออีกนัยหนึ่งคือมัธยมศึกษาตอนปลายภาคเรียนที่ 2 ตามกฎหมายของโลก ผู้ใดก็ตามที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปสามารถลงนามในสัญญาชีวิตกับอสูรวิญญาณได้

นอกจากนี้ ทุกคนจะได้รับไข่อสูรวิญญาณโดยอัตโนมัติในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวของปีที่สาม หากโชคดีก็อาจได้รับอสูรวิญญาณหายาก

อย่างไรก็ตาม ไข่อสูรวิญญาณส่วนใหญ่ที่มอบให้นั้นจะเป็นเพียงอสูรวิญญาณธรรมดาเท่านั้น

ในกรณีที่ผู้รับไม่พอใจกับไข่ที่จัดสรรให้กับพวกเขา พวกเขาสามารถซื้อได้ที่ฐานบ่มเพาะอสูรวิญญาณ แต่ว่าครอบครัวธรรมดามักจะไม่สามารถจ่ายราคาสูงได้

เมื่อทำสัญญาชีวิตกับไข่อสูรวิญญาณแล้ว ส่วนหนึ่งของพลังชีวิตมันจะถูกโอนมายังมนุษย์ ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งของวิญญาณยุทธ์และอายุขัยของพวกเขา

ในทางกลับกัน มนุษย์ในสัญญาจะมอบพลังวิญญาณส่วนหนึ่งแก่อสูรวิญญาณของพวกเขาเช่นกัน

จากนั้นหลังจากฟักออกจากไข่ อสูรวิญญาณจะสามารถพัฒนาสติปัญญาและความรู้สึกบางอย่างได้

มันเป็นกระบวนการเดียวกับการปลุกความทรงจำที่ถูกปิดผนึกของผู้บ่มเพาะเซียน ประสบการณ์ที่ผ่านมาของหวังเช่อทำให้เขาเข้าใจโลกที่เขาอยู่

เหนือสิ่งอื่นใด ตอนเขาล้มเหลวในการข้ามผ่านการลงทัณฑ์สวรรค์ วิญญาณของเขาได้แตกเป็นเศษเสี้ยว กระจายไปทุกที่ในจักรวาล ไร้ซึ่งความทรงจำของชาติเดิมก่อนจะเกิดใหม่ในโลกที่ไม่รู้จักบางแห่ง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกเสี้ยววิญญาณได้กลับมารวมที่เขาในตอนนี้ บนโลกนี้แล้ว

ในขณะนั้น จู่ๆ ประตูก็เปิดออก และชายวัยกลางคนร่างสูงก็เดินเข้ามา

เมื่อเขาเห็นหนอนผีเสื้อสีเขียวที่พลิกกลับด้าน ชายคนนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “เสี่ยวเช่อ พ่อรู้ว่าอสูรวิญญาณของลูกนั้นไร้ประโยชน์..เป็นแค่หนอนผีเสื้อ...ธรรมดา ซึ่งทำให้ลูกไม่มีความสุขและไม่พอใจ แต่มันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะปฏิบัติต่ออสูรวิญญาณของลูกแบบนี้

“นอกจากนี้ ลูกยังไม่ได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ของลูกเลย หากลูกเลี้ยงหนอนผีเสื้อสีเขียวตัวนี้อย่างเหมาะสมและเสริมสร้างสัญญาของลูก มันจะทำให้ไหวพริบโดยกำเนิดของวิญญาณของลูกแข็งแกร่งขึ้น

“และถ้าลูกปลุกวิญญาณยุทธ์ของลูก ในอนาคตลูกก็สามารถกลายเป็นผู้ควบคุมวิญญาณได้”

“อย่างไรก็ตาม หากลูกปฏิบัติต่ออสูรวิญญาณของลูกเหมือนที่ลูกทำอยู่ตอนนี้ ลูกจะไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้แม้ว่าลูกจะจบการศึกษาจากสถาบันแล้วก็ตาม การปลุกวิญญาณยุทธ์ของลูกก็จะไม่ดีเช่นกัน...

“ผู้ควบคุมวิญญาณคนแรกในสมัยโบราณทั้งหมดได้รับตำแหน่งราชาสวรรค์ ยกตัวอย่าง ราชาสวรรค์มังกรหยกย้อนกลับไปตอนนั้น อสูรวิญญาณตัวแรกของเขาคือปลาคาร์ป ซึ่งถือว่าไร้ค่า อย่างไรก็ตามเมื่อเขากลายเป็นราชาสวรรค์ในภายหลัง ปลาของเขาก็พัฒนาเป็นอสูรวิญญาณประเภทมังกรที่ทรงพลัง นั่นคือมังกรหยกขาว!

“ยังมีเวลาอีกหกเดือนกว่าจะจบการศึกษา ดังนั้นลูกจะต้องพยายามให้หนัก…”

เสียงของชายวัยกลางคนเบาลงอย่างเห็นได้ชัด บางทีเขาอาจรู้สึกว่าการยกตัวอย่างของเขาดูจะห่างไกลไปหน่อย

เขารู้ว่าเขาไม่สามารถเปรียบเทียบลูกชายของเขากับราชาสวรรค์มังกรหยกได้

นอกจากนี้ปลาคาร์ปยังสามารถพัฒนาเป็นมังกรหยกขาวได้ด้วยปัจจัยเฉพาะบางประการ

เงื่อนไขนั้นยากมากและต้องใช้วัตถุดิบมากมาย แต่ที่สำคัญที่สุด มันเกี่ยวกับวิญญาณยุทธ์ด้วย

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นไปได้

สำหรับหนอนผีเสื้อสีเขียวนี้ ...

“เฮ้อ ลืมมันไปซะ มันเป็นความผิดของพ่อเอง” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยความสำนึกผิด “พ่อขอโทษที่ไม่มีเงินซื้อไข่อสูรวิญญาณที่ดีกว่านี้ให้ลูก”

เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ หวังเช่อก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ อันที่จริงหนอนผีเสื้อสีเขียวก็ไม่ได้เลวร้ายสักหน่อย

ด้วยความรู้สึกสับสน ชายวัยกลางคนหยุดและมองหวังเช่ออย่างสงสัย

หลังจากมองใบหน้าของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ชายวัยกลางคนก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า "ดีมาก พ่อดีใจที่ลูกคิดอย่างนั้น”

เขากล่าวต่อว่า “ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนที่สถาบันจะเปิดอีกครั้ง ลูกอาจจะเห็นเพื่อนร่วมชั้นของลูกมีอสูรวิญญาณของตัวเอง แต่อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับพวกเขา ทำตัวกับพวกเขาเหมือนปกติ เข้าใจไหม?”

หวังเช่อพยักหน้าขณะคิดกับตัวเองว่า 'ฉันจะเริ่มฝึกฝนคืนนี้ ฉันไม่สนหรอกว่าฉันจะเป็นผู้ควบคุมได้หรือไม่'

ถ้าไม่ใช่เพราะนิสัยที่แสนดีของเขา เขาคงไม่แม้แต่จะตอบชายวัยกลางคนคนนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพ่อของเขาในโลกนี้

ท่ามกลางอารยธรรมเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเซียนสวรรค์อย่างเขา คือพวกตาแก่ที่ลืมทุกอย่างเกี่ยวกับโลกมนุษย์หลังจากมีชีวิตอยู่มานานหลายหมื่นปี

แม้ว่าจะไม่ได้ไร้ความรู้สึกอย่างแท้จริง แต่ก็ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบเดียวกับที่มนุษย์มี

อย่างไรก็ตาม หวังเช่อแตกต่างออกไป เขาบ่มเพาะมานับหมื่นปีก็จริง แต่ชอบเดินทางไปในจักรวาลและสังเกตอารยธรรมของดาวต่างๆ บ่อยครั้งมักจะทำให้เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ดำดิ่งสู่อารยธรรมต่างๆ และได้สัมผัสกับอารมณ์ต่างๆ มากมาย

เขาปรารถนาที่จะเข้าใจกฎสูงสุดที่แตกต่างกันของแต่ละโลก

น่าเสียดายที่เมื่อเขาสามารถสัมผัสกฎสูงสุด เขาก็เจอกับการลงทัณฑ์สวรรค์

ในขณะเดียวกันเมื่อหหวังเจียนกัวเห็นหวังเช่อดูสงบ เขาเลยทั้งรู้สึกดี แต่ก็กังวลในเวลาเดียวกัน

แต่เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีก เขาจึงเดินออกจากห้องไป

ไม่นาน ค่ำคืนก็ปกคลุมท้องฟ้าจนมืดมิด

ขณะที่หวังเช่อมองดาวนับไม่ถ้วนนอกหน้าต่าง เขาก็เริ่มรู้สึกสงบมากขึ้น

แทนที่จะบ่มเพาะ เขาตัดสินใจทบทวนความทรงจำ 18 ปีในใจของเขาเพื่อพยายามทำความเข้าใจโลกนี้

เขารู้สึกว่ามีพลังวิญญาณมากมายในโลกนี้

นี่หมายความว่าพลังงานที่นี่ทรงพลังมาก และนี่ไม่ใช่แค่โลกธรรมดาทั่วไป

จากนั้นเขาก็สงบลงและจดจ่อกับความคิดของเขาเตรียมที่จะบ่มเพาะ

ในเวลาเดียวกัน หนอนผีเสื้อก็ยังคงพยายามคลานเข้าหาหวังเช่อ แต่ถูกผลักออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาต้องการที่จะบ่มเพาะ

'ฉันสามารถเริ่มได้แล้ว'

จิตใจของหวังเช่อสงบราวกับน้ำนิ่ง ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

'ซซซซ!'

ทันใดนั้น หนอนผีเสื้อก็คลานเข้ามาหาหวังเช่อ โดยใช้หัวของมันเข้าที่ต้นขาของเขา

ตาโตของมันมองมาที่หวังเช่ออย่างโหยหา

“ออกไป ไปให้พ้น ฉันไม่มีเวลายุ่งกับแกตอนนี้” หวังเช่อรู้ว่าตัวหนอนผีเสื้อต้องการอะไร

มันเพิ่งเกิด แต่เนื่องจากสัญญาชีวิต มันอาจจะพัฒนาสติปัญญาแล้วและต้องการเล่น

หลังจากที่ถูกปฏิเสธโดย ผู้ทำสัญญาวิญญาณของตัวเอง หนอนผีเสื้อก็ถอยกลับไปเงียบๆ

หลังจากคลานออกไป มันก็มองมาที่หวังเช่อจากระยะไกล ขณะที่ผ่อนคลายร่างกายในตอนแรก จากนั้นหนอนผีเสื้อก็พลิกตัว เผยให้เห็นท้องสีเหลืองซีดขณะที่มองเพดานอย่างทำอะไรไม่ได้

หวังเช่อกลับมาบ่มเพาะโดยไม่สนใจอสูรวิญญาณของเขามากนัก

ในใจของเขา เขาเลือกวิธีการกลั่นพลังที่ดีที่สุด

เขาเริ่มบ่มเพาะ ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักในการเริ่มต้น เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับกระบวนการนี้ดีอยู่แล้ว

จนกระทั่ง...

หลายชั่วโมงต่อมา

ท้องฟ้าเริ่มสว่าง ทำให้เกิดวันใหม่ที่สวยงาม

หวังเช่อก็ลืมตาขึ้นมาและทรุดตัวลงกับพื้น เขาทำได้เพียงจ้องมองเพดานด้วยความสิ้นหวัง

หลังจากพยายามบ่มเพาะมาหนึ่งคืน ในที่สุดเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถบ่มเพาะได้!

——

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด