MDB ตอนที่ 99 พลังเกินขีดจำกัด
ด้วยสามคนต่อหนึ่ง ใครก็ตามที่มีตาบอกได้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายได้เปรียบ
แต่แน่นอนว่าผลลัพธ์ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยปริมาณแต่กำหนดด้วยคุณภาพของสัตว์วิเศษ
หลังจากรอบที่สามจบลง ซูเทียนหลี่ก็รีบเร่งอย่างไม่อดทนกับสัตว์เลี้ยงสามตัวของเขาเพื่อแข่งขันกับกลุ่มของหลินจิน
“ท่านพี่ ข้าคิดว่าไม่จำต้องพูดให้มากความ อาจารย์เหลียวได้ประเมินสัตว์ทั้งสามนี้อย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว นี่คือรายงานการประเมินของเขา เชิญท่านพี่ดูได้เลย”
ซูเทียนหลี่พอใจกับตัวเอง เขาคิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือของเขาอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น หลินจินก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า "ท่านซู ท่านไม่จำเป็นต้องอ่านรายงานพวกนั้น"
ซูเทียนหงตกตะลึงและค่อนข้างสับสน
อาจารย์เหลียวเยาะเย้ยและกล่าวว่า “ถ้าเจ้าไม่อ่านรายงานการประเมิน แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าสัตว์วิเศษพวกนี้มันดีหรือไม่ดี? เจ้าหนุ่ม เจ้าคงคิดว่าสัตว์วิเศษที่เจ้าเลือกสามารถชนะสัตว์วิเศษของพวกข้าได้ใช่หรือไม่?”
หลินจินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ถูกต้อง!"
“สามหาว!”
“อุกอาจยิ่งนัก!”
อาจารย์เหลียวและซูเทียนหลี่แทบจะอุทานพร้อมกัน
โดยเฉพาะอาจารย์เหลียว เขาดูโกรธมาก ราวกับถูกเฆี่ยนตีอย่างดุร้าย “เจ้าเด็กเหลือขอ ข้าทนเจ้ามาเกินพอแล้ว เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสัตว์เลี้ยงสามตัวที่ข้าเลือกนั้นเป็นอย่างไร แต่เจ้ากลับกล้าพูดจาไร้สาระและประกาศตัวเองเป็นผู้ชนะอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าคิดว่าทุกคนมาที่นี่เป็นคนโง่หรือไง!?”
แม้ว่าซูเทียนหงกับซูคานจะมีศรัทธาในหลินจิน แต่หากพวกเขาไม่มีการเปรียบเทียบที่เป็นกลาง พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าฝ่ายใดเลือกสัตว์วิเศษได้ดีกว่า
ดังนั้น ทั้งคู่จึงมองไปที่หลินจินด้วยท่าทางที่สับสน
หลินจินจึงเริ่มพูดว่า “สิงโตเขาแหลม สัตว์วิเศษระดับหนึ่ง สัตว์หายาก ธาตุไฟ…”
ทันใดนั้น ฝูงชนต่างตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น?
หลังจากฟังอย่างระมัดระวัง พวกเขาตระหนักว่าหลินจินกำลังพูดถึงสิงโตเขาแหลมที่ซูเทียนหลี่และอาจารย์เหลียวซื้อมาก่อนหน้านี้ด้วยหินวิญญาณระดับต่ำห้าพันก้อน
ยิ่งไปกว่านั้น หลินจินได้อธิบายอย่างละเอียดถี่ถ้วน สถานที่แห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญมากมายในสาขานี้และเมื่อได้ยินการประเมินของหลินจิน พวกเขาพยักหน้าเห็นด้วยด้วยดวงตาเบิกกว้าง
โดยเฉพาะอาจารย์เหลียว ตอนแรกเขาดูถูกเหยียดหยามแต่เมื่อฟังไปเรื่อย ๆ สีหน้าของเขาค่อย ๆ แข็งทื่อจนเปลี่ยนเป็นสีขาวในที่สุด สภาพจิตใจของเขาตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด
เพราะรายละเอียดในการประเมินของหลินจินมีรายละเอียดมากกว่าของเขามาก
เขาดึงรายงานการประเมินของเขามาดูโดยไม่รู้ตัว เขารู้ว่าทำไมหลินจินจึงหยุดซูเทียนหงจากการอ่านผลลัพธ์ของเขา พูดตามตรง ชายหนุ่มกำลังช่วยเขาให้พ้นจากความอับอายขายหน้าในที่สาธารณะ ถ้าซูเทียนหงได้อ่านรายงานของเขาก่อนแล้วค่อยฟังการประเมินของหลินจิน แม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่าการประเมินของเขานั้นอ่อนด้อยมากเพียงใดเมื่อเปรียบเทียบกับหลินจิน
ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะรายงานออกมา
และหลินจินก็ยังพูดพล่ามต่อไป
มันเหมือนกับว่าหลินจินได้ผ่าร่างของสิ่งมีชีวิตนั้นและเอาออกมาดูด้วยตาเปล่า ในรายงานของเขาแสดงรายละเอียดเช่น ข้อบกพร่องและข้อดีของมัน การประเมินนั้นมีความเที่ยงตรงและมีประโยชน์มาก แม้แต่อาจารย์เหลียวก็ไม่พบข้อผิดพลาดใด ๆ ในการประเมินของหลินจิน
ระดับของชายอีกคนสูงเกินไป ดังนั้นควรอยู่เงียบๆ จะดีกว่า หากเขาพูดอะไรขึ้นมา เขาอาจจะถูกจับผิดได้ มันก็มีความเสี่ยงที่เขาจะถูกเปิดเผยตัวเองแทน
ดังนั้นอาจารย์เหลียวจึงได้แต่อ้าปากค้างโดยไม่สามารถโต้กลับได้เลย
เขาไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนั้น
มันเหมือนกับนักเรียนในชั้นเรียนที่พยายามหาข้อผิดพลาดในการสอนของครู
หลังจากอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงตัวแรก หลินจินไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น แต่ยังคงทำให้เขาอับอายด้วยการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตว์ตัวที่สอง
“สัตว์วิเศษอีกตัวหนึ่ง หมาป่ากระหายเลือด มันด้อยกว่าสิงโตเขาแหลมเล็กน้อย แม้ว่าเจ้าสิงโตจะค่อนข้างน่าประทับใจ แต่หินวิญญาณระดับต่ำจำนวนห้าก้อนก็มีราคาแพงไปเล็กน้อย…”
จากนั้น หลินจินก็เริ่มอธิบายคุณสมบัติของสัตว์เลี้ยงตัวที่สองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถึงตอนนี้ อาจารย์เหลียวได้ซ่อนรายงานการประเมินของเขาไว้ด้านหลัง
เมื่อสังเกตดูอย่างใกล้ชิด จะเห็นว่านิ้วของอาจารย์เหลียวสั่นแค่ไหน
หลังจากอธิบายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงตัวที่สองของเขาเสร็จแล้ว หลินจินก็พูดถึงสัตว์วิเศษตัวที่สามโดยไม่พักหายใจ
มันถึงคราวที่ซูเทียนหลี่เริ่มจะรู้สึกหวาดกลัว
หลินจินรู้จักสัตว์วิเศษทั้งสามที่พวกเขาซื้อมาดีมากเกินไป ราวกับว่าหลินจินเลี้ยงดูพวกมันมาตั้งแต่พวกมันยังเล็ก ๆ
ในระหว่างที่ซูเทียนหลี่กำลังกระสับกระส่าย เขาได้ตัดสินใจขัดจังหวะการพูดของหลินจินโดยกล่าวว่า
"เจ้าเด็กเหลือขอหลิน เจ้าจะพูดเรื่องทั้งหมดนี้เพื่ออะไร? เรามาที่นี่เพื่อแข่งขันว่าสัตว์วิเศษที่ซื้อมาตัวไหนมีคุณภาพสูงกว่า ไม่ได้มีไว้สำหรับให้เจ้าบริการริมฝีปากของเจ้า!”
เห็นได้ชัดว่า ซูเทียนหลี่ไม่มีความรู้เรื่องการประเมินสัตว์วิเศษเลย ความไม่รู้ของเขามันทำให้เขาดูตลกเล็กน้อย
หลินจินจ้องมองที่เขาก่อนที่จะหัวเราะเบา ๆ “ในขณะที่การแข่งขันของข้ากับอาจารย์เหลียวขึ้นอยู่กับว่าใครหาสัตว์วเศษได้ดีกว่า มันเป็นการแข่งขันของความเข้าใจอย่างถ่องแท้และทักษะการประเมินสัตว์วิเศษของเราใช่หรือไม่?”
ซูเทียนหลี่ยังไม่เข้าใจว่าหลินจินหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงโบกมืออย่างไม่อดทน “ข้าไม่เข้าใจคำพูดไร้สาระที่เจ้ากำลังพูดถึงทั้งหมดนี้ ข้ารู้แค่ว่างูเหลือมที่เจ้าเลือกมีเนื้องอกขนาดใหญ่ ดังนั้นไม่ว่าอาจารย์เหลียวจะเลือกอะไร มันก็จะไม่มีทำให้เราพ่ายแพ้”
หลินจินส่ายหัว “ใครบอกว่ามันเป็นเนื้องอก”
ซูเทียนหลี่ตกตะลึง “มันเขียนไว้ในรายงานการประเมินที่สมาพันธ์นักบวชจัดหาไม่ใช่หรือ?”
หลินจินไม่ได้เป็นคนพูดในครั้งนี้ ผู้ซื้อที่ไม่สามารถทนดูฉากนั้นได้ก้าวเข้ามาและอธิบายว่า
“ท่านซู รายงานการประเมินเหล่านั้นเป็นเพียงข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น ผู้ที่ประเมินพวกมันอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะประเมินอย่างไร ไม่เช่นนั้นแล้ว ทำไมผู้ซื้อส่วนใหญ่ถึงนำผู้ประเมินมาเองที่นี่? หากเป็นอย่างที่ท่านพูด เราแค่ต้องซื้อสัตว์วิเศษตามรายงานเหล่านี้เท่านั้นไม่ใช่หรือ?”
จากนั้น ฝูงชนพากันหัวเราะคิกคัก
ซูเทียนหลี่โกรธมาก ทุกคนคงจะหงุดหงิดไม่แพ้กันจากการถูกหัวเราะเยาะในที่สาธารณะ
แท้จริงแล้วเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับการประเมินสัตว์วิเศษมาก่อนเลยและเขาได้กระทำการที่หุนหันพลันแล่นเกินไปก่อนหน้านี้ หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ ซูเทียนลี่ก็สงบลงและจดจ่อกับประเด็นหลัก
“ในเมื่อเจ้าบอกว่ามันไม่ได้เป็นเนื้องอก แล้วก้อนเนื้อที่อยู่ตรงนั้น มันคืออะไร!?”
หลินจินหยุดล้อเลียนเขาและเดินไปกรงของงูเหลือมแทน เขาเอื้อมมือออกไปเปิดกรงออกมา
“อย่า มันอันตราย!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ สมาชิกของสมาพันธ์นักบวชก็ตกใจและรีบเร่งไปข้างหน้าแต่เห็นได้ชัดว่ามันสายเกินไปแล้ว
เมื่อกรงถูกเปิดออก ดวงตาของงูเหลือมก็เปิดออกและมันก็เริ่มขยับ
สมาพันธ์นักบวชดูเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม แม้จะมีเนื้องอกแต่มันก็เป็นงูเหลือมก็ดุร้าย พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจับสิ่งมีชีวิตนี้และพวกเขาต้องพึ่งพากับดักและยาเพื่อควบคุมมันได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม แม้จะจับได้ งูเหลือมก็ใช่ว่าจะยอมจำนน มันสามารถกัดใครก็ได้ที่เข้าใกล้มัน
เมื่อหลินจินเปิดกรง บางคนก็หลับตาแน่นและคิดว่าหลินจินถูกงูรัดและถูกกลืนเข้าไปทั้งร่าง เมื่อพิจารณาถึงขนาดของสัตว์วิเศษแล้ว มันก็ไม่ยากที่จะกลืนมนุษย์ทั้งตัว
ทว่าฉากนองเลือดนี้ไม่ได้เกิดขึ้น แน่นอนว่างูเหลือมขยับตัวแต่มันเข้ามาและสะกิดหัวงูขนาดใหญ่กับฝ่ามือของหลินจิน
สัตว์วิเศษตัวนี้กำลังแสดงการออดอ้อนหลินจิน
ทุกคนในที่นี้ตกตะลึง เหล่าสมาชิกสมาพันธ์นักบวชถึงกับอ้าปากค้าง เขาตะลึงเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา
ราวกับว่าพวกเขากำลังเห็นผี
หลินจินจ้องมองไปที่งูด้วยความชื่นชมราวกับว่าเขากำลังดูผลงานชิ้นเอกอันวิจิตรงดงามหรือสมบัติล้ำค่า
“น่าเสียดายที่ฉันมาที่นี่เพื่อเลือกสัตว์วิเศษสำหรับตระกูลซู ไม่เช่นนั้น ฉันจะซื้อแกให้มาเป็นของตัวเอง” หลินจินกระซิบ
อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักในทันทีว่ามันเป็นเรื่องตลกมากแค่ไหน เพราะเขาไม่สามารถจ่ายหินวิญญาณระดับต่ำได้สามพันก้อนในตอนนี้ได้
จากนั้น เขาสะบัดเข็มในมือ เข็มลวดขดก็เจาะเข้าไปในหลายจุดของงูเหลือมอย่างรวดเร็ว จากนั้น หลินจินร่ายเวทย์มนตร์พลังวิญญาณด้วยนิ้วของเขาและด้วยการฟันอย่างกะทันหัน เขาก็ผ่าเนื้องอกของงูเหลือมออกมา
ของเหลวที่มีกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากบาดแผลในทันที จากนั้นฉากที่จะเกิดขึ้นทำให้ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความสยดสยองก็ปรากฏขึ้นมา
ตรงเนื้องอกที่เพิ่งผ่าใหม่ ปรากฏหัวงูอีกหัวขึ้นมา!