ตอนที่ 757+758 เหยียบย่ำเขาเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น
ตอนที่ 757 เหยียบย่ำเขาเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น
"ลูกชายฉันกำลังนอนจมความเจ็บปวด ฉันละอยากจะตาย ทำไมเฉินเฟยถังคนทำผิดตัวจริงถึงไม่ทำอะไรเลย? ทำไมเฉินเฟยถังถึงได้เหยียบย่ำบาดแผลของลูกชายฉันเพื่อทำให้ตัวเองดูสูงขึ้น?"
"จากนี้ไป ลูกชายฉันก็ต้องทนทุกข์จากการเป็นคนพิการ และยังต้องรับผิดอีก ในขณะที่เฉินเฟยถังสามารถก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวและกลายเป็นทายาทอันทรงเกียรติของตระกูลเฉิน?"
เสียงของแม่เฉินเฟยไป่เต็มไปด้วยการตัดพ้อ แต่ละประโยคขยี้หัวใจผู้ฟังเสียเหลือเกิน
เจียงเหยามีความรู้สึกคลุมเครือว่าหลังจากที่เธอและลู่ชิงสีจากไปในคืนนั้น ผู้อาวุโสเฉินได้กดดันคู่สามีภรรยาหลังจากที่เขาบอกความจริงกับทั้งคู่ และบังคับให้พวกเขายอมรับการตัดสินใจของผู้อาวุโสเฉิน
แพทย์วินิจฉัยว่าเฉินเฟยไป่จะกลายเป็นคนพิการ เจียงเหยาไม่แปลกใจเลย เมื่อเธอเห็นอาการของเฉินเฟยไป่ในตอนนี้ เขากำลังนอนอยู่บนเตียง ร่างกายของพันผ้าพันแผลคล้ายกับมัมมี่ ด้วยระดับการเผาไหม้ที่เขาเผชิญ เขาคงจะพิการอย่างรุนแรง
ข้อต่อที่สำคัญหดตัวเนื่องจากแผลเป็น ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของข้อต่อ ส่งผลถึงประสิทธิภาพการทำงานให้ด้อยลง แม้ว่าเฉินเฟยไป่จะสามารถทนต่อความเจ็บปวดของการฟื้นตัวในภายหลังได้ในอนาคต แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิม
ชายหนุ่มที่เคยหยิ่งผยองและจองหองอย่างไม่ลดละ จะทนรับผลจากการกลายเป็นคนพิการได้อย่างไร?
คนที่เย่อหยิ่งและโดดเด่นเช่นนี้จะเต็มใจรับโทษแทนเฉินเฟยถัง ความผิดที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อตั้งแต่แรกได้อย่างไร
ทั้งหมดนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับเฉินเฟยไป่เลย
โรงพยาบาลกังวลว่าสมาชิกในครอบครัวจะรบกวนผู้ป่วยอีกครั้ง โรงพยาบาลจึงสั่งห้ามไม่ให้ครอบครัวเข้าเยี่ยม ลู่ชิงสีพาพ่อแม่ของเฉินเฟยไป่ไปพักผ่อนที่โรงแรม
เวลาที่เจียงเหยาเข้าไปในห้องผู้ป่วยช่วงเช้าสั้นเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาตอบสนองและใช้ระบบการแพทย์สแกนสภาพของเฉินเฟยไป่ และโรงพยาบาลได้ออกคำสั่งห้ามเยี่ยม เธอจึงไม่สามารถหาเวลาเขาไปเยี่ยมเฉินเฟยไป่เพื่อให้ระบบทางการแพทย์ตรวจสอบอาการของเขาเลย ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงรออยู่ที่โรงแรมกับลู่ชิงสีเท่านั้น
หลังจากที่ลู่ชิงสีกลับมา เขาต้องกลับไปที่ศูนย์บัญชาการชั่วคราว ในเขตเล็ก ๆ เพื่อรายงาน หลังจากจัดการพ่อแม่ของเฉินเฟยไป่แล้ว เขาโทรหาอาลู่และต้าเค่อ และขอให้พวกเขามาที่จังหวัด A เพื่อคุ้มครองเจียงเหยา จากนั้นเขาก็รีบบอกเจียงเหยาสองสามคำและขอให้เธอช่วยดูแลพ่อแม่ของเฉินเฟยไป่ จากนั้นเขาก็รีบกลับไปที่รายงานที่ศูนย์บัญชาการ
คืนนั้นอาลู่และต้าเค่อก็มาถึง เมื่อทั้งสองมาถึง พวกเขาเฝ้าทางเข้าโรงแรมราวกับเป็นเทพเจ้าแห่งประตูตลอด 24 ชั่วโมง ในที่สุดเจียงเหยาก็ทนไม่ไหวแล้วขอให้ทั้งสองคนผลัดกันคุ้มกัน ไม่อย่างนั้น หากพวกเขายังคงยืนเฝ้าต่อไปอีกสองสามวัน เธออาจต้องส่งทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลเสียก่อนแน่
เจียงเหยากล่าวว่าการรักษาความปลอดภัยของโรงแรมก็ดีอยู่แล้ว พวกเขาทั้งสองไม่จำเป็นต้องยืนเฝ้าที่ทางเข้าและอยู่ในห้องพักเถอะ รอให้เธอออกไปค่อยเรียกพวกเขาไปด้วยก็ได้ ทว่าทั้งอาลู่และต้าเค่อไม่เห็นด้วย
สามวันต่อมาเจียงเหยาพาพ่อแม่ของเฉินเฟยไป่ไปที่โรงพยาบาล เฉินเฟยไป่ต่างจากผู้ป่วยไฟไหม้ส่วนใหญ่ที่หมดสติเป็นเวลานาน เพราะเขาฟื้นเร็วกว่าปกติ
สำหรับผู้ป่วยไฟไหม้แล้ว การฟื้นเร็วไม่ใช่เรื่องที่ดี หากเขาฟื้นเร็วเกินไป เขาจะต้องทนต่อการทรมานและความเจ็บปวดทางร่างกายมากกว่าปกติ
เมื่อเจียงเหยาและพ่อแม่ของเฉินเฟยไป่มาถึงโรงพยาบาล ผู้อาวุโสเฉินก็ออกมาห้องพักเพียงลำพัง หลังจากที่ไม่ได้เจอท่านมาสองสามวัน ผู้อาวุโสเฉินดูไม่ค่อยดีนัก ท่านดูเหนื่อยและเศร้า
__
ตอนที่ 758 เจียงเหยา ฉันเกลียดคุณ
หลานชายที่เขารักและหวงแหนมากที่สุด เมื่อมองดูเขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ในฐานะปู่ เขาจะไม่รู้สึกเสียใจแทนเขาได้อย่างไร?
สิ่งที่ทำให้เขาลำบากใจมากขึ้นก็คือการตัดสินใจของเขาเอง เฉินเฟยไป่มองมาที่เขาด้วยสายตาที่เกลียดชัง
คำพูดของเขาหยุดเฉินเฟยไป่จากการโวยวาย แต่ทำให้เฉินเฟยไป่เกลียดเขาแทน เขาเกลียดปู่ของตนเอง และบางที เขาก็เกลียดโลกนี้ด้วยเช่นกัน
"ฉันเป็นคนบอกเขาเอง ตอนนี้เขายังคงตื่นอยู่ พวกเธอเข้าไปหาเขาเถอะ" เสียงของผู้อาวุโสเฉินเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า "เรื่องนี้ให้จบลงแค่นี้"
หลังจากที่พูดจบ ผู้อาวุโสเฉินก็ตระหนักว่า เจียงเหยายืนอยู่ข้างหลังเขา เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดอีกครั้ง "ภรรยาของตาเฒ่าเหลียง บอกว่าฝีมือทางการแพทย์ของเธอดีมาก เฟยไป่ เขา..."
"ผู้อาวุโสคะ ฉันบอกได้เพียงว่าฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ" เจียงเหยาไม่รอให้ผู้อาวุโสเฉินพูดจบ เธอรีบพูดขึ้นก่อน
ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่นใด เป็นเพราะเฉินเฟยไป่เคยเป็นวีรบุรุษที่ต่อสู้กับน้ำท่วม เป็นเพราะสายตาของเฉินเฟยไป่เมื่อเขานอนอยู่บนโขดหินกลางน้ำที่ท่วมของเช้าวันนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาสิ้นหวังอย่างมาก แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะเลิกต่อสู้
ในโลกใบนี้ไม่มีใครสามารถทำให้เจียงเหยาตกใจด้วยตาของพวกเขาได้ เฉินเฟยไป่เป็นเพียงคนเดียวคนนั้น
"อืม" ผู้อาวุโสเฉินพยักหน้า คำขอบคุณกลายเป็นการถอนหายใจ เขารู้อยู่ในใจว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด จะมีปาฏิหาริย์อะไรอย่างนั้นหรือ?
ผู้อาวุโสเฉินยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำ เจียงเหยาเฝ้าดูเขาหันหลังเดินจากไป ครั้งนี้ สิ่งแรกที่เธอทำคือใช้ระบบทางการแพทย์สแกนอาการของเฉินเฟยไป่ เธอมองไปที่ดวงตาที่เปิดอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ไม่ว่าพ่อแม่ของเขาจะพูดอะไรก็ตาม เฉินเฟยไป่ไม่สนใจพวกเขาเลย เจียงเหยาถอนหายใจเบา ๆ มันเป็นเรื่องที่จริงจังมาก
ด้วยมาตรฐานทางการแพทย์ในปัจจุบัน ความพิการของเฉินเฟยไป่นั้นเป็นเรื่องที่ยากจะปฏิเสธ
เพราะเรื่องที่อธิการบดีเหวินขอให้เธอช่วย ทำให้เจียงเหยามีความเชี่ยวชาญในการรักษาอาการหลังถูกไฟไหม้ในระบบในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
เธอพอจะมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถช่วยเฉินเฟยไป่จากสถานการณ์ที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้มากนัก
"ทำไมเขาไม่พูด? ร้ายแรงมากจนเขาพูดไม่ได้เลยเหรอ?" แม่ของเฉินเฟยไป่ถามด้วยใบหน้าเป็นกังวล ขณะที่เธอรอคำตอบจากเฉินเฟยไป่เป็นเวลานาน
"คอของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ถ้าเขาตื่นและไม่พูด แสดงว่าเขาไม่ต้องการที่จะพูดค่ะ" เจียงเหยากล่าว ท้ายที่สุดเฉินเฟยไป่เป็นทหาร เมื่อต้องเผชิญกับไฟไหม้อย่างกะทันหัน เขาต้องมีวิธีป้องกันบางอย่าง ไม่งั้นไฟป่าที่รุนแรงขนาดนี้.. เขาจะมีเวลาให้ถูกส่งตัวมารักษาแบบฉุกเฉินในโรงพยาบาลได้อย่างไร?
ในที่สุดเสียงของเจียงเหยา ก็ทำให้เฉินเฟยไป่ซึ่งนอนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับตาตอบสนอง ดวงตาของเขาขยับแล้วมองลงบนร่างของเจียงเหยา
เมื่อทุกคนคิดว่าเขาจะไม่พูด เขาก็เปิดปากขึ้นทันที
"เจียงเหยา แม้ว่าคุณอยากจะตำหนิว่าฉันไม่มีเหตุผล ฉันก็อยากจะบอกว่าฉันเกลียดคุณ"
ประโยคที่มาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ทำให้ทุกคนตกตะลึง
"ฉันเกลียดที่คุณช่วยฉันในเช้าวันนั้น ดูฉันสิ ตอนนี้ฉันเป็นยังไง คงจะดีกว่าถ้าฉันจมน้ำตายในครั้งนั้น ถ้าตอนนั้นฉันตาย ฉัน เฉินเฟยไป่ก็คงได้กลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่ผู้คนในเมืองรงจะจดจำ บางทีคนในตำบลนั้นยังจำฉันในฐานะวีรบุรุษได้ เด็กที่ฉันได้ช่วยชีวิตไว้จะจำฉันได้ตลอดชีวิต ตอนนี้ฉันยังมีชีวิตอยู่ แต่ฉันมีชีวิตที่เจ็บปวดเหลือเกิน"
"เจียงเหยา ชีวิตของฉันเลวร้ายยิ่งกว่าตายเสียอีก เพราะงั้นฉันเกลียดที่คุณช่วยชีวิตฉันในวันนั้น"