ตอนที่ 60 อบอุ่นหัวใจ
อาณาจักรลับสวรรค์โบราณกว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีใครพบสัญญาณใดของมรดกหลังผ่านไปครึ่งเดืทอน ตรงกันข้าม ผู้บ่มเพาะที่เข้ามาได้พบศพในสภาพยับเยินในซากปรักหักพัง
ชุดที่ขาดรุ่งริ่งที่ศพสวมใสเป็นลวดลายโบราณ และวิธีที่ตายก็ประหลาดมาก บ้างดูราวกับฆ่าตัวตาย บ้างดูเหมือนจะโดนคนรู้จักฆ่า
บางซากปรักหักพังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และภาพที่บันทึกเหตุการณ์ในอาณาจักรลับแห่งนี้ ผู้บ่มเพาะชราบางคนที่ศึกษาภาษาโบราณกับวัฒนธรรมเริ่มแกะภาษา และไม่ช้าก็เกิดความเข้าใจ!
“นี่คือดินแดนที่สร้างขึ้นเพื่อผนึกบางอย่าง ไม่เพียงจะเต็มไปด้วยสมบัติ แต่ยังมีความน่ากลัวอาศัยอยู่ด้วย!’
“ผู้สร้างอาณาจักรนี้คือเทพสูงสุดที่มีต้นกำเนิดเก่าแก่มาก..”
[มันคือกึ่งเทพสูงสุดแต่คนอาณาจักรเบื้องล่างเรียกว่าเทพสูงสุดเพราะไม่รู้อะไรมาก]
“เทพสูงสุด?!”
นั่นมันอะไร?พวกเขาเคยเห็นแค่ไม่กี่คำที่บันทึกไว้ในตำราโบราณ ตัวตนระดับนั้นสามารถท่องผ่านมิติได้สบาย หยิบดาว คว้าจันทร์มาปาเล่น
เทพเสมือนไม่ต่างอะไรกับมดต่อหน้าพวกเขา
การค้นพบนี้สั่นคลอนทั้งอาณาจักรลับและนำมาซึ่งความตื่นเต้น
พวกเขาจะไม่ทะยานขึ้นสวรรค์ในก้าวเดียวเหรอถ้าได้รับมรดกของเทพสูงสุดและกลายเป็นผู้สืบทอด?แม้กระทั่งการไปอาณาจักรเบื้องบนก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีก!
แต่ผู้บ่มเพาะที่แกะบันทึกก็ต่างเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ความกลัวเกาะกินใจพวกเขา ดว้ยเสียงสั่นเครือ พวกเขาสาดถังน้ำเย็นใส่หัวทุกคน
“นี่คือสถานที่ที่ผนึกสิ่งน่ากลัวที่เกือบทำลายล้างทุกสิ่งมีชีวิต และแม้กระทั่งเทพสูงสุดกับคนของเขาก็ยังต้องเสียชีวิตเพื่อจัดการมัน!เทพสูงสุดแผดเผาชีวิตตนเองกับต้นกำเนิดเพื่อผนึกมารสวรรค์ตนนี้ ป้องกันมันจากการออกมาสู่โลก..”
“มารสวรรค์นั้นคือมารที่สามารถนำความโกลาหลมาสู่โลก เปลี่ยนทุกอย่างให้มืดมัว เมื่อมันถูกปลดปล่อย มันจะทำลายโลกและเข่นฆ่าทุกสิ่งมีชีวิต..”
พวกเขาอดใจสั่นไม่ได้พอศึกษาบันทึกโบราณ อาณาจักรลับนี้ไม่ใช่โอกาส แต่เป็นสถานที่ที่ซ่อนมารร้ายเอาไว้!ข่าวนี้ทำให้พวกเขากลัว
ผู้บ่มเพาะหลายคนหลังเปียกชุ่ม
สำหรับมารสวรรค์คืออะไร?บันทึกไม่ได้พูดถึง
มันแค่ว่าความน่ากลัวของมันคือหลักฐาน แค่การที่เทพสูงสุดจำต้องเสียสละชีวิตเพื่อผนึกมัน พวกเขาก็เดาได้แล้วว่ามันจะนำหายนะแบบใดมา
ผู้บ่มเพาะหลายคนถอยหนีด้วยความกลัว พวกเขารู้สึกถึงความกลัวที่เกาะกุมหัวใจตอนพิจารณาว่าพื้นที่พวกเขายืนอาจซ่อนกระดูกนับไม่ถ้วนเอาไว้!
ทันทีทันใด สถานที่ที่เต็มไปด้วยสมบัติกลับกลายเป็นขุมนรกที่พวกเขาต้องเลี่ยงสุดตัว
ข่าวนี้กระจายไปเหมือนไฟป่า และทำให้ผู้คนด้านนอกตกใจ!
“ข้าได้ยินว่าคุณชายจากอาณาจักรเบื้องบนเข้าไปในอาณาจักรลับ!มันดูเหมือนว่าอาณาจักรลับแห่งนี้จะเป็นเหตุผลที่เขาลงมา”
“อะไรที่ซ่อนอยู่ในนั้นกัน?ทำไมคนจากอาณาจักรเบื้องบนก็ยังสนใจมัน?”
ข้อมูลกับคำถามทำให้ผู้บ่มเพาะหลายคนตกใจและสับสน
ไม่ช้า ผุ้บ่มเพาะก็พบพื้นที่ที่หมอกปกคลุมในส่วนลึกของอาณาจักรลับ หมอกเริ่มด้วยสีขาว แต่สีมันก็เริ่มเข้มขึ้นพอเวลาผ่านไป จนกระทั่งมันเปลี่ยนจากสีเทาเป็นดำสนิท
ไม่ใช่แค่นั้น แต่มันยังดูเหมือนจะร่ายคำสาปใส่ใครก็ตามที่เข้าใกล้ อสูรร้ายหลายตัวเสียสติและกรูออกจากรังเพื่อโจมตีผู้บ่มเพาะ
แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะบางคนที่ฐานบ่มเพาะอ่อนแอก็ยังได้รับผลกระทบโดยหมอก และเสียสติ พวกเขาเปลี่ยนเป็นเครื่องจักรสังหารที่จะโจมตีทุกคน
การเปลี่ยนแปลงสะเทือนฟ้าดินทำลายความสงบสุขของอาณาจักรลับ หลายคนตัดสินใจถอยทันที เพราะไม่มีอะไรสำคัญเท่าชีวิต
แน่นอน ยังมีบางคนที่มุ่งหน้าไปส่วนลึกของอาณาจักรลับ ตั้งแต่โบราณ โอกาสกับอันตรายเป็นของคู่กัน
แต่ไม่ช้าพวกเขาก็พบว่ายิ่งเข้าไปลึก หมอกยิ่งหนา อันตรายมีทั่ว และพวกเขาก็สามารถเสียชีวิตได้ถ้าพลาดสักก้าว แย่ไปกว่านั้น ยังมีค่ายกลกับกับดักมากมายตามทาง ถ้าพวกเขาเผลอแตะสักอัน งั้นพวกเขาจะตายอย่างน่าสังเวช
หลายคนโดนกลบฝังไปทั้งอย่างนั้น
ที่ไร้สาระไปกว่านั้นคือการบอกว่าที่นี่เต็มไปด้วยโอกาส?นี่มันทุ่งสังหารชัดๆ!
ทั้งอาณาจักรลับตกอยู่ในความวุ่นวายไปพักใหญ่
“พลังมารระดับต่ำเช่นนี้ส่งผลได้แต่กับผู้บ่มเพาะทั่วไป มันไม่มีผลต่อผู้บ่มเพาะที่บ่มเพาะมานาน”
กู่ฉางเกอระบุขณะยืนอยู่ที่ขอบของหมอกมาร ใครก็ตามที่บ่มเพาะมานานจะสามารถต่อต้านการรุกรานของพลังมารนี้ได้
สำหรับเจา พลังมารนี้คือสิ่งที่บริสุทธิ์สุดในโลกแล้ว มันแค่ว่ามันมีน้อยเกินไปพอจะหล่อเลี้ยงเขา
เขาเดาว่ามันคงเกิดขึ้นเพราะ[ง้าวมารแปดทิศ] มันสมกับเป็นอาวุธไร้ผู้ต้าน มันแค่เพิ่งตื่น แต่ก็สร้างหายนะเช่นนี้แล้ว
กู่ฉางเกอรู้สึกพึงพอใจ
ใจกลางอาณาจักรลับอยู่ข้างหน้า เขาสามารถรู้สึกได้ถึงเย่เฉินท่ามกลางคนมากมายข้างใน ใจมารของเขากำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง ปรารถนาจะกลืนกินแหล่งพลังมารทั้งหมดรอบตัว
“นายน้อย สถานที่นี้แปลกมาก เราอาจหลงทางได้ถ้าไม่รู้เส้นทาง ทาสชราผู้นี้คิดว่าเราควรระมัดระวัง”
เฒ่าหมิงเปล่งความกังวล
เขาสามารถรู้สึกถึงพลังน่ากลัวจากภายใน เขามั่นใจว่าเขาจะโดนขับไล่โดยอาณาจักรลับทันทีถ้าเขาเผยกลิ่นอายที่เกินกว่าอาณาจักรเซียน
กู่ฉางเกอตอบเขาด้วยการพยักหน้า แต่ใบหน้ายังสงบ
“ไม่เป็นไร!ข้ามีคนนำทาง พวกเจ้าแค่ต้องตามข้ามา”
พอพูดแบบนั้น กู่ฉางเกอก็หลับตาและสัมผัสถึงตราที่เขาทิ้งไว้บนเม็ดยา จากนั้นก็รู้สึกถึงการเชื่อมต่อจางๆ
[ฮึ่ม!]
ด้ายไหมสีดำปรากฏต่อหน้ากู่ฉางเกอ ยืดยาวไปทางส่วนลึกของหมอกตรงหน้า
นี่คือเส้นทางที่เย่เฉินเดิน โดยปราศจากเขา มันยากมากที่กู่ฉางเกอจะเดินทางผ่านหมอก เหนือสิ่งอื่นใด เขาไร้แผนที่ เขาจึงต้องอ้อมไปมาเพื่อหาเส้นทางหลัก
แน่นอน มันเป็นไปได้ด้วยว่าเขาจะไม่มีทางเจอมัน
แต่ทว่า กู่ฉางเกอไม่เคยคิดหาแผนที่หรืออะไรอยู่แล้ว นั่นลำบากไป
ในเมื่อเย่เฉินทำงานหนักเพื่อเขา เขาก็ต้องใช้แรงงานที่เย่เฉินทุ่มไปอย่างหนักให้คุ้มสิ
เฒ่าหมิงกับคนอื่นไม่กังวลอะไรอีกหลังได้ยินกู่ฉางเกอ ในเมื่อคุณชายพูดแบบนั้น เขาก็ต้องมีทางจริงๆ
กู่ฉางเกอก้าวเข้าไปในหมอกก่อนและผู้ติดตามอาณาจักรเซียนรอบเขาก็สอดส่องรอบตัวอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันสัตว์อสูรหรืออะไรก็ตาม
โดยธรรมชาติ กลุ่มของกู่ฉางเกอถูกโจมตีหลายคนระหว่างทาง แต่การโจมตีทั้งหมดก็มาจากสัตว์อสูรไร้สติ พวกเฒ่าหมิงสามารถจัดการพวกมันได้ง่ายๆ
สำหรับผู้บ่มเพาะคนอื่น?พวกเขาไม่มีความกล้า
‘ตามเส้นทางที่เย่เฉินเดิน มรดกของอาณาจักรลับนี้ควรอยู่ใต้ดิน [ง้าวมารแปดทิศ]ควรอยู่ที่นั่นด้วย..’
กู่ฉางเกอเดินไปข้างหน้าต่อขณะสำรวจร่องรอยที่เย่เฉินทิ้งไว้ สีหน้าสนใจปรากฏบนหน้าเขาพอเขาสังเกตเห็นสัตว์อสูรน้อยลงพอเดินตามเย่เฉิน เขายังเห็นค่ายกลกับกับดักมากมาย
กู่ฉางเกอรู้สึกอบอุ่นใจ
‘นี่คือเส้นทางที่เตรียมไว้ให้ข้าโดยเฉพาะ!เย่เฉิน เจ้าเป็นคนดีนัก..’
กู่ฉางเกออดหัวเราะไม่ได้ ถ้าเย่เฉินรู้ความคิดเขาตอนนี้ เขาคงกระอักเลือดตาย
..
[ในส่วนลึกของหมอก]
เย่เฉินกับพรรคพวกเข่นฆ่าอสูรไปมาก ตอนนี้ สีเทาซีดปกคลุมโลกรอบตัวพวกเขาไปหมด
‘ทางเข้าอยู่ที่นี่ตามแผนที่...’
หัวใจของเย่เฉินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตามเส้นทางบนแผนที่ เขาพบทางเดินบนพื้น
“พี่ชายเฉิน พลังของท่านเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเวลาเพียงไม่กี่ปี”
เย่หลิวลี่อุทาน นางทึ่งกับพลังและความสามารถของเย่เฉินที่แข็งแกร่งกว่านางซะอีก นางตกตะลึงตอนเขาฆ่าสัตว์อสูรอาณาจักรเซียนขั้นกลางได้
สัตว์อสูรเหล่านั้นโดนพลังมารสิง ไม่เพียงจะไม่กลัวตาย แต่ยังไม่รู้สึกเจ็บปวด พวกมันรู้จักแต่การเข่นฆ่าและพลังก็เหนือกว่าผู้บ่มเพาะอาณาจักรเดียวกัน
ในทางกลับกัน เย่เฉินเป็นแค่จุดสูงสุดของอาณาจักรปรมาจารย์ แต่เขากลับฆ่าพวกมันได้
“หลิวลี่ เจ้าก็ชมข้าเกินไป!’
เย่เฉินรู้สึกดีใจตอนเห็นเย่หลิวลี่มองเขาด้วยสีหน้าตกใจและจากนั้นก็รู้สึกภาคภูมิใจ
แต่ไม่ช้า เขาก็จริงจัง
“มรดกของเจ้าของอาณาจักรลับนี้ควรอยู่ข้างล่างนั่น!ลงไปกันเถอะ แม้เราจะไม่เจอใครมาสักพักแล้ว เราก็ยังไม่ควรเสี่ยงและอยู่ที่นี่ในความมืด...”
เย่เฉินพูด เขากังวลว่ากู่ฉางเกออาจปรากฏตัว
เขาไม่สงสัยความจริงที่กู่ฉางเกอต้องมาอาณาจักรลับ มันแค่ว่าเขายังไม่เห็นร่องรอยอีกฝ่าย และนั่นทำให้เขาไม่สบายใจเล็กน้อย
เย่เฉินอดชมไม่ได้ว่ากู่ฉางเกอสร้างแรงกดดันให้เขาได้มากจริงๆ
‘ต่อให้เขาจะมาข้างใน เขาก็จะติดกับดักในหมอกหากไร้แผนที่’
หัวใจของเย่เฉินผ่อนคลายพอคิดถึง แถม เขายังมีกุญแจของอาณาจักรลับที่เขาสามารถใช้ควบคุมกับดักกับค่ายกลได้
‘จิ๊ แค่ตัวบัดซบที่โชคดี เขาจะมาเทียบกับคุณชายกู่ได้ไง?’
ป้าเสวี่ยคิดอย่างดูถูก
ไม่ช้า พวกเขาก็เดินลงผ่านอุโมงค์และมาถึงใต้ดิน
“นี่คือหลุมฝังศพ?”
เย่เฉินตกใจเล็กน้อยขณะเดินลงจากทางเดิน เลี่ยงกับดักมากมายตลอดทาง
ภาพตรงหน้าทำให้เขาตกใจ รวมถึงทุกคน
สถานที่นี้เหมือนหลุมฝังศพ
มันมีสิ่งก่อสร้างโบราณทุกประเภท ทั้งตำหนัก เจดีย์ที่ทรุดโทรม โถงไม้โบราณ และคฤหาสน์ลอยฟ้า
มันคือมุมหนึ่งของเมืองโบราณที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน
“พลังมารที่นี่รุนแรงมาก ตามแผนที่ ควรมีวังอยู่ในส่วนลึกของที่นี่ และมรดกควรอยู่ในนั้น”
ความตื่นเต้นของเย่เฉินพุ่งทะยาน สุดท้ายเขาก็มาถึงเป้าหมายและเขาก็จะได้รับมรดกในไม่กี่อึดใจ!
[โฮก!]
[โฮก!]
[โฮก!]
จากนั้น เสียงคำรามก็ดังขึ้น และดวงตาสีแดงเลือดก็ส่องประกายในความมืดรอบข้าง
สีหน้าของเย่เฉินสลดลงขณะมองสัตว์อสูรและซากศพเดินเข้ามาใกล้
“ทั้งหมดคืออาณาจักรเซียน”
เขาไม่อยากล่าช้าไปกว่านี้ ความไม่สบายใจในหัวใจเขาเพิ่มพูนทุกชั่วขณะ และเขาก็รู้สึกว่าเรื่องน่ากลัวอาจเกิดขึ้นถ้าเขาไม่ได้รับมรดกสักที
ว่าแต่ ทำไมวันนี้อาจารย์ของเขาถึงเงียบจัง?!
“พี่ชายเฉิน รีบไป!เราจะช่วยท่านรั้งพวกมันไว้ เวลาใกล้หมดแล้ว ท่านไม่ควรอยู่อีก...”
เย่หลิวลี่ประกาศอย่างเด็ดขาดด้วยสีหน้าสงบ นางนำบริวารมามาก พวกเขาควรรั้งสัตว์อสูรเหล่านี้ได้
“ได้!หลิวลี่ เจ้าต้องทนไว้ ข้าจะมาช่วยเจ้าทันทีที่ข้าได้รับมรดก!”
หัวใจของเย่เฉินสั่นไหวและรีบพุ่งไปส่วนลึกของเมืองใต้ดินโบราณ
ในทางกลับกัน คลื่นสัตว์อสูรต่างพุ่งไปข้างหน้าและล้อมพวกเย่หลิวลี่ไว้
...
ตอนที่เย่เฉินพุ่งไปส่วนลึก กู่ฉางเกอก็มาถึงพอดี รอยยิ้มปรากฏบนหน้าเขาขณะมองฉากตรงหน้า
เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่ต้องกวาดล้างคลื่นสัตว์อสูรเอง และไม่ต้องเจอกับค่ายกลอะไร กลุ่มของเขามาถึงที่นี่ได้สบายๆ!