บทที่ 29 ไม่โกรธ
บทที่ 29 ไม่โกรธ
เมืองเทียนหยางมีตระกูลที่เกี่ยวข้องกับการค้าสมุนไพรอย่างตระกูลเจียงอยู่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเทียบไม่ได้กับร้านเก้าวิญญาณ แต่กระนั้น ตลาดการค้าขายสมุนไพรก็ยังมีการต่อสู้แย่งชิงกันอยู่ดี
ถ้าจะให้พูดก็คือ ตระกูลหวังเองในช่วงหลายปีมานี้ก็ไม่ได้อยู่สถานที่สู้ดีนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งผู้นำตระกูลหวังได้รับการช่วยเหลือจากเจียงเหวินที่มอบสมุนไพรส่วนตัวที่เก็บได้จากหุบเขาหมาป่าสวรรค์ทั้งหมดให้
ถึงแม้สมุนไพรเหล่านี้จะไม่ได้มีราคาแพงอะไรเลยก็ตาม แต่การที่ได้รับความช่วยเหลือจากใจ นี่ทำให้ตระกูลหวังที่ได้รับความช่วยเหลือรอดพ้นวิกฤตมาได้
“หวังเย่ เขาเองก็เข้ามาเอี่ยวด้วยรึ”
ด้วยการที่เจียงเหวิ่นเคยพูดชื่อนี้ให้เจียงหยวนฟังเป็นกรณีศึกษาบ่อยๆ นี่ทำให้เขารู้จักหวังเย่ผู้นี้ในระดับนึง
“ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับท่านพ่อจะถูกควบคุมเอาไว้โดยเจียงหวู่และคนอื่นๆแล้วสินะ”
เจียงหยวนได้เงยหน้ามองฟ้าทางหน้าตา พร้อมใจที่เป็นกังวล
“นายน้อย”
เป็นตอนนี้ที่เสียงจากด้านนอกประตูห้องได้ดังขึ้น พร้อมเสียงอ่อนหวานได้ดังเข้ามา
“เว่ยเอ๋อเหรอ เข้ามาสิ มีเรื่องอะไรรึ”
เจียงหยวนถามออกมาอย่างสงสัยว่าทำไมเฉียวเว่ยต้องการพบเขายามค่ำคืนเช่นนี้
“นายน้อย มีกลุ่มคนหนึ่งเข้ามาที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม พวกมันพูดอะไรบางอย่างกับคนดูแลแล้วหลังจากนั้นเขาก็วิ่งออกไป...ข้ากลัวว่า...”
“เป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่ส่งคนพวกนี้มา”
เจียงหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเองที่ไม่คิดว่าจะหาเรื่องเจียงหลี่อีกในตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนมาหาเรื่องถึงที่
“รอที่นี่นะ ข้าจะไปดูสักหน่อย”
เจียงหยวนพูดพลางเปิดประตูห้องออกไปแล้วเดินลงไปที่ชั้นล่าง
ในตอนนี้ ชายที่ดูรูปร่างล่ำสันได้นั่งเรียงรายอยู่ที่แต่ละโต๊ะ พวกเขาดื่มกินไวน์พูดคุยกันอย่างครื้นเครง ราวกับไม่สนว่าในตอนนี้เป็นยามค่ำคืนแล้ว
“โอ้ เจ้าลงมาเองเลยรึนี่”
เมื่อเห็นว่าเจียงหยวนเดินลงบันไดมา ชายหน้าบากก็ได้ยืนขึ้นในทันที
เจียงหยวนจับจ้องไปที่ชายคนนี้ และชายคนนี้เองก็คือคนของกลุ่มหัวเสือที่เขาเคยได้พบเจอก่อนหน้านี้
นี่ทำให้เจียงหยวนรู้สึกมีความสุขในทันที เพราะเขาเองก็ไม่คิดมาก่อนว่ากลุ่มหัวเสือเองจะทำงานให้กับเจียงหลี่เช่นเดียวกับเขาที่ใช้งานคนกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
“กลุ่มหัวเสือรึ”
เจียงหยวนสบถถามออกมาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินไปอีกครึ่งก้าวแล้วนั่งลงตรงหน้าเก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างชายหน้าบาก
“ได้ยังไง....นายน้อยเองก็รู้จักพวกเรากลุ่มหัวเสือเช่นนั้นหรือ”
เป็นตอนนี้ที่ชายหน้าบากได้เห็นท่าทางของเจียงหยวนแล้วนึกกลัวขึ้นมาอย่างจับใจ จนไม่กล้าที่จะลงมือ ทำได้เพียงยิ้มแล้วถามออกมา
เจียงหยวนได้เทเหล้าลงชามเหล้าให้กับตัวเองก่อนจะยกดื่มในคราวเดียวแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ใครบ้างที่จะไม่รู้จักกลุ่มหัวเสือกัน หื้ม”
“นายน้อยช่างคอแข็งนัก ไม่ว่าจะในวันพรุ่งจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ตาม แต่ในวันนี้ ข้า หลิวเฟิง ข้าคารวะท่านในนามของหัวหน้ากลุ่มหัวเสือ”
หลิวเฟิงพูดพลางป้องมือยกชามไวน์ยกดื่มจนหมดจอก
“แล้ว...เป็นผู้อาวุโสสูงสุดงั้นรึที่ส่งพวกเจ้ามา”
เจียงหยวนพูดพลางยกคิ้วขึ้นสูง พร้อมๆกับที่เขาได้ปล่อยคลื่นพลังออกมาทั่วร่าง เขาไม่ได้มีความโกรธเคืองในเรื่องนี้แต่อย่างใด เพียงแค่เขาต้องการแสดงความแข็งแกร่งให้อีกฝ่ายได้เห็น
“กฎของเจียงฮูไม่มีการตอบคำถาม ต่อให้อีกเป้าหมายจะเป็นคนถามก็ตาม”
ชิ้งงง
ชิ้งงง
ชิ้งงง
เมื่อพูดจบ หลิวเฟิงได้ยืนขึ้น พร้อมกับคนอื่นๆที่ดึงดาบออกมาแล้วล้อมรอบตัวเจียงหยวนเอาไว้
เจียงหยวนที่เห็นยังคงนั่งอย่างไม่ขยับเขยื้อนทำเพียงแค่ถอดถอนลมหายใจออกมา ก่อนจะมองไปโดยรอบแล้วขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกมา “ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้ดื่มเหล้าดีๆแล้วสินะ”
“ไม่ต้องกังวลไป หลังจากท่านตายแล้ว ข้าจะเป็นคนรินเหล้าต่อหน้าหลุมศพของท่านเอง”
ดวงตาของหลิวเฟิงฉายแววอำมหิตออกมา พร้อมกับใจที่รับรู้ว่าตนเองต้องพบเจอศัตรูตัวฉกาจแล้ว
“งั้น...เริ่มกันเลยเนาะ”
เจียงหยวนพูดพลางยืนขึ้นมา พร้อมกับคลื่นพลังของเขาที่ระเบิดออกไป จนทำให้คนของกลุ่มหัวเสือกระเด็นกระดอนออกไปในทุกทิศทางอยู่หลายเมตร
“ช่างทรงพลังยิ่งนัก”
“ลูกพี่ พวกเราโดนไอ้แก่นั่นหลอกแล้ว หมอนี่ไม่ใช่แค่ระดับฝึกหัดเป็นแน่”
....