ตอนที่ 57 รอยร้าวระหว่างศิษย์อาจารย์
‘สิ่งมีชีวิตภูเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณมาถึงหน้าประตูตระกูลหลินอย่างยิ่งใหญ่ แต่ชายที่มีปีกบนหลังกลับโดนตบจนตายทันที’ ไม่ช้าข่าวนี้ก็กระจายไปทั่วแคว้นกลาง
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงท่ามกลางผู้บ่มเพาะ และทุกคนก็สามารถได้ยินคนพูดถึงมัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงมื้อเย็นหรือก่อนเวลาจิบชา
แม้คนจะไม่รู้รายละเอียดแน่ชัด พวกเขาก็ได้ยินว่าสิ่งมีชีวิตของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ถูกบังคับให้จากไปอย่างทุลักทุเล ผู้บ่มเพาะทั้งโลกต่างรู้ว่าแม้แต่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเทียบไม่ได้กับคุณชายผู้ลึกลับจากอาณาจักรเบื้องบน!
คุณชายกู่นั้นยากจะหยั่งถึง!
นอกจากเด็กสาวชุดม่วงที่เรียกตัวเองว่าลูกพี่ลูกน้องของเย่เฉินจะคว้าความสนใจมากมาย บ้างยังบอกว่าต้นกำเนิดนางไม่ธรรมดาเช่นกัน และนางก็มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่กว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณ
มันแค่ว่ามีคนไม่มากที่เชื่อข่าวลือ
ผู้บ่มเพาะที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจากด้านนอกตระกูลหลิน พบเห็นเด็กสาวชุดม่วงจากไปด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว มันชัดเจนว่านางชนกับแผ่นเหล็กเข้าในตระกูลหลินโบราณ
จากนั้นหลายคนก็เดาว่าเด็กสาวในชุดม่วงอาจมาจากอาณาจักรเบื้องบนเช่นกัน และนี่ก็ได้รับการยอมรับโดยคนกลุ่มใหญ่
ข่าวลือทุกชนิดกระจายไปทั่วแคว้นกลาง
…
สามวันผ่านไปไวเหมือนโกหก และงานประชุมเต๋าก็จัดขึ้นตามกำหนด
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมาย รวมถึงทายาทราชวงศ์โบราณต่างมาเข้าร่วม และนั่นก็ทำให้เมืองท้าจันทร์มีชีวิตชีวามาก
ทุกคนต่างมีเป้าหมายเดียวกันในใจ’พบคุณชายลึกลับระหว่างงาน!’
แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวัง
แม้จะมีคนจากตระกูลหลินโบราณที่มาเข้าร่วม แต่ก็ไม่มีใครเห็นสัญญาณของคุณชาย เขายังไม่ขึ้นแท่นที่พวกคนใหญ่คนโตรวมกันเพื่อชมงาน
นี่นำมาซึ่งความผิดหวังอย่างมากต่อผู้บ่มเพาะหลายคนที่มาเพื่อเชยชมความยิ่งใหญ่ของคุณชาย น่าเสียดาย พวกเขาไม่มีโชค
สำหรับการไปเยี่ยมตระกูลหลิน?
พวกเขาไม่มีคุณสมบัติ
โดยธรรมชาติ กู่ฉางเกอไม่สนใจในงานประชุมเต๋าชั้นต่ำแบบนี้ ตอนนี้ เขามุ่งหน้าไปทางส่วนตัดทั้งแปดภูมิภาคของแคว้นกลางใกล้กับพรมแดนของเมืองสวรรค์กลาง
เนื่องจากเย่เฉินอยู่แถวนี้ งั้นมันก็หมายความว่าอาณาจักรลับสวรรค์โบราณอยู่ที่นี่ อาณษจักรลับควรเปิดแล้ว ตามการคำนวณของเขา
..
ในเมืองชนชทห่างไกลใกล้พรมแดนของเมืองสวรรค์กลาง
ด้วยภูเขาสูงเสียดฟ้า ต้นไม้โบราณสูงเกือบแตะเมฆ และที่ราบกว้างใหญ่ มันเป็นสถานที่ที่ผู้บ่มเพาะมาเยี่ยมเยียนไม่มากในันปกติเนื่องจากห่างไกล
แต่วันนี้ ผู้บ่มเพาะกับสิ่งมีชีวิตของเผ่าอื่นกลับบินว่อนฟ้า ทิ้งแสงสีต่างๆไว้เหมือนสายรุ้ง บ้างขี่อสูร บ้างขี่อาวุธวิเศษ บ้างเดินด้วยเท้า
“แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นจากสถานที่นี้ไม่นานมานี้ และปรากฏการณ์ฟ้าดินก็เห็นได้ไกลถึงสามพันลี้!นี่ดึงดูดความสนใจของหลายขุมอำนาจกับผู้บ่มเพาะละแวกนี้ และพวกเขาก็บอกว่ามีสมบัติสวรรค์กำลังถือกำเนิดที่นี่..”
“ไม่แปลกที่จะมีผู้บ่มเพาะมากมายมาที่นี่!นี่คือเหตุผล”
ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาเดินผ่านถนนและฟังการพูดคุยของคนท้องที่ ใบหน้าของเขาแสดงความเฉยเมยและก็อดพึมพำไม่ได้“ดูเหมือนจะมีคนพบทางเข้าอาณาจักรลับสวรรค์โบราณแล้ว!”
“ข้าเฝ้ารวบรวมชิ้นส่วนทั้งหมดของแผนที่อาณาจักรลับ ข้าสามารถเดินได้อย่างอิสระไม่ว่าจะมีกับดักมากแค่ไหนข้างใน นอกจากนั้น เขายังมีกุญแจที่ผู้อาวุโสผู้สร้างอาณาจักรลับนี้ทิ้งไว้ด้วย”
“เมื่อทางเข้าเปิด ข้าจะกลมกลืนเข้ากับผู้บ่มเพาะทั้งหมดที่เร่งเข้าไปและตรงไปแกนกลางของอาณาจักรลับ..”
ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง แตในความเป็นจริง เขากำลังคุยกับอาจารย์ที่อาศัยในแหวนเขา
เขาไม่ใช่ใครนอกจากเย่เฉิน!
ระหว่างนี้ เขาได้พัฒนาฐานบ่มเพาะและได้รับโอกาสจำนวนมากขณะค้นหาชิ้นส่วนแผนที่ เขาได้ไปถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรปรมาจารย์แล้ว!
ไม่กี่เดือน เขาได้เลื่อนจากอาณาจักรวังวิญญาณเป็นจุดสูงสุดของปรมาจารย์ และแตะขอบเขตของเซียน ถ้าผู้บ่มเพาะทั่วไปได้ยินความเร็วนี้ ดวงตาพวกเขาจะถลนออกเบ้า
แม้กระทั่งคำว่า’สัตว์ประหลาด’ก็ไม่อาจบรรยายพรสวรรค์เขาได้
แน่นอน มันไม่ทำให้กู่ฉางเกอประหลาดใจ เหนือสิ่งอื่นใด นี่เป็นสิ่งที่คาดไว้จากบุตรฟ้าประทาน
แต่ทว่า เย่เฉินไม่พอใจกับการพัฒนาเช่นีน้ เขารู้สึกว่าฐานบ่มเพาะเขายังไม่เร้วพอ แม้เขาจะมีโอกาสมากมาย เขาก็ยังสู้กู่ฉางเกอไม่ได้
“พอข้าได้รับมรดกของอาณาจักรลับ ข้าถึงจะสามารถฆ่ากู่ฉางเกอและแก้แค้นได้..”
“ส่วนนางแพศยาซูชิงเกอนั่น..”
ไฟชิงชังวูบวาบในดวงตาของเย่เฉินพอเขานึกถึงอดีต หลังครุ่นคิดสักพัก เขาก็ตระหนักว่าพลังของกู่ฉางเกอยังไม่ใช่อะไรที่เขาจะรับมือได้
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าศัตรูเขาจะยิ่งใหญ่หรือมีภูมิหลังใหญ่โตแค่ไหน เขาก็มักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้และได้รับพลังมหาศาล นี่ทำให้เย่เฉินเชื่อว่าอาณาจักรลับสวรรค์โบราณคือโอกาสที่เตรียมไว้ให้เขา
ภายในแหวน หยานจีลอยในความว่างเปล่าด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย นางไม่ตอบกลับเย่เฉินสักนิดหลังได้ยินคำพูดเขา
รูม่านตาสีแดงของนางจ้องไปในความว่างเปล่า ตอนนี้ หน้าตานางไม่ได้ดูคล้ายกับอาจารย์ผู้สูงส่งที่เย่เฉินคุ้นเคย
นางจับตาดูเย่เฉินมาตลอดด้วยตานางเอง ความเร็วการพัฒนาของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าอัจฉริยะบางคนของอาณาจักรเบื้องบนซะอีก
ทั้งหมดนี้ทำให้นางรู้สึกแปลกๆ และนางก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร
ก่อนหน้านี้ นางคิดว่าเย่เฉินจะไม่มีวันแก้แค้นกู่ฉางเกอได้ในช่วงชีวิตนี้ ต่อให้เขาจะได้รับมรดกของอาณาจักรลับก็ตาม
ย้อนกลับไปในจุดสูงสุดของนาง นางอาจไม่ใช่กึ่งเทพสูงสุด(ระดับเดียวกับผู้สร้างอาณาจักรลับ) แต่นางก็อยู่ไม่ไกลจากระดับนั้น ในความคิดนาง กู่ฉางเกอคือคนหนุ่มที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดา ตระกูลหรือนิกายของเขาต้องไม่ขาดตัวตนระดับกึ่งเทพสูงสุดหรือเทพสูงสุด
เพราะเหตุนี้ หยานจีจึงล้มเลิกที่จะโน้มน้าวเย่เฉินและมองเขาแบบนี้มาตลอด
ไม่ว่าจะเทียบกับกู่ฉางเกอในด้านไหน เย่เฉินก็สู้ไม่ได้ ภูมิหลังของพวกเขาต่างกันเกินไป รวมถึงฐานบ่มเพาะ เย่เฉินจะไม่มีวันล้างแค้นได้สำเร็จ
แต่ตอนนี้..ความคิดของหยานจีเปลี่ยนไป ด้วยความเร็วของเย่เฉินในปัจจุบัน เขาอาจสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง
หยานจีอดรู้สึกเป็นห่วงกู่ฉางเกอไม่ได้
บางที นางคงรู้สึกขอบคุณเขาสำหรับเม็ดยา หรือบางที ความจริงใจของเขาในตอนนั้นคงทำให้นางประทับใจ ครั้งนั้น เขาสามารถฆ่าเย่เฉินได้สบายๆหรือแม้กระทั่งใช้กำลังชิงแหวนไป แต่เขาไม่ทำ
หยานจีมีความประทับใจดีต่อกู่ฉางเกอและเชื่อว่าเขาจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต เพราะเหตุนี้ หยานจีจึงมีอารมณ์ซับซ้อนและไม่รู้ว่าจะเลือกฝ่ายไหน
วิญญาณนางตกลงมาอาณาจักรเบื้องล่างและใช้ชีวิตในแหวน ต่อมา เย่เฉินได้แหวนและเพราะปราณที่บ่มเพาะมาอย่างหนักของเขานางจึงตื่นขึ้น ถ้าไม่ใชเพราะเขา นางก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรนางถึงตื่น
แต่ก็เพราะนาง เย่เฉินที่เคยเป็นอัจฉริยะชื่อดังจึงกลับกลายเป็นขยะที่มีฐานบ่มเพาะเสื่อมถอย คู่หมั้นของเขายกเลิกหมั้นระหว่างพวกเขา และเขาก็ลงเอยด้วยการเป็นตัวตลก
นางรู้สึกผิดต่อเขามาก และนั่นทำให้นางรับเขาเป็นศิษย์และสอนเขาสุดความสามารถ นางมุ่งมั่นจะช่วยให้เขาเติบใหญ่อีกครั้ง
น่าเสียดาย พฤติกรรมปัจจุบันของเย่เฉินทำให้นางผิดหวังมาก เขาไม่สามารถบอกระหว่างดีกับชั่วได้ ไฟริษยาได้บดบังการตัดสินใจของเขา
มันยังถึงจุดที่เขาสงสัยนาง คิดว่านางสมคบคิดกับกู่ฉางเกอ!
ถ้าเป็นงั้น งั้นทำไมนางถึงอยู่ข้างเขาและคอยชี้แนะเขา?เหนือสิ่งอื่นใด กู่ฉางเกอเหนือกว่าเขานุทกด้าน นางควรไปอยู่ข้างอีกฝ่ายทันทีไม่ใช่หรือไง?
นางยึดมั่นใจความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของนาง และไม่หวั่นไหวกับความจริงใจของกู่ฉางเกอต่อหน้าความปรารถนาที่จะตอบแทนบุญคุณของเย่เฉิน
ทว่า!เย่เฉินกลับไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆแบบนี้และคิดว่านางอยู่กับเขาเพราะความสงสาร
นี่ทำลายหัวใจของหยานจี
นางรู้ว่ารอยร้าวได้เกิดขึ้นระหว่างนางกับเย่เฉินแล้ว และปัญหาก็คือความเชื่อของเย่เฉิน และการโกหกตัวเองของเขา
นางไม่ใช่คนที่ผิดเลย