CD บทที่ 57 สัมผัสแห่งอิสระ
“ฉันจะปลดดาบพาดผ่านเพื่อนาเกียรติยศมาสู่ทีม!”
“ด้วยความบริสุทธ์ิใจ เพื่อครอบครัว ฉันจะขอยอมตายแทน!”
“ปล่อยให้เลือดไหลริน….”
ภายในห้องคาราโอเกะ ณ ภัตตาคารฮงหลง จ้าวหยู่กำลังตะโกนร้องเพลงสุดคลาสสิค ‘The Flash of the Blades and Swords’ จากภาพยนตร์เรื่อง ‘กู๋หว่าไจ๋ มังกรฟัดโลก (Young and Dangerous)’ ด้วยความรู้สึกอิสระทางอารมณ์ตัวเอง เขาใช้บทเพลงนี้เพื่อเป็นตัวแทนสำหรับความอัดอั้นทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคดีมือที่หายไป
ทั้งหลี่ดันและเชาเจียหยิง เขาจะไม่คิดถึงพวกเธออีกต่อไป! คดีนี้ได้ปิดลงแล้ว คนร้ายสามารถถูกจับกุมแล้ว ส่วนแม่ของหลี่ดันก็จะได้รับการดูแลช่วยเหลือต่อไป คดีมือที่หายไปได้จบสิ้นลงสักที จากนี้ไปจะมีเพียงแต่ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองก็เท่านั้น!
ด้วยเงิน 100,000 หยวน ที่จ้าวหยู่ได้รับมาจากเชาเจียหยิงนั้น ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยไปในพริบตา เขาใจกว้างมากพอที่จะเลี้ยงอาหารด้วยมื้อที่อร่อยแก่ทุกคน นอกจากนั้นเขายังเชิญทุกคนมาร่วมสนุกกันต่อในคืนนี้ให้เต็มที่อีกด้วย! นอกจากเหมาเว่ยที่กำลังอยู่โรงพยาบาลและหัวหน้าทีมชั่วคราวอย่างหลิวชางฮู ทุกคนในทีม A ต่างมาร่วมสนุกกันหมด
แน่นอนอยู่แล้วที่ทุกคนต่างถูกบังคับให้มางานนี้ เพราะจ้าวหยู่ได้ขู่เอาไว้ว่า ถ้าใครไม่ยอมมาก็อย่ามาเสนอหน้าให้เขาเห็นอีก! แม้ว่าแม่ยายของหนึ่งในสมาชิกกำลังอยู่ในระหว่างการผ่าตัดอยู่แต่ก็ต้องหลบออกมาร่วมงานด้วยอย่างช่วยไม่ได้ หรือแม้บางคนที่กำลังถูกภรรยาโทรตามกลับบ้านเป็นร้อย ๆ สายแต่เขาก็ไม่กล้ารับสายนั้นด้วยความกลัว
“จ้าวหยู่! จ้าวหยู่! มานี่เร็ว!” เหลียงฮวนยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นพร้อมตะโกนว่า “เหมากำลังถามหานายอยู่! มาเร็ว!”
‘เหมา’ ที่เหลียงฮวนหมายถึงก็คือ หัวหน้าทีม A เหมาเว่ย นั่นเอง ตอนนี้เขากำลังเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเลยทำให้ไม่สามารถมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้ เขาเลยใช้วิธีวีดิโอคอลมาที่มือถือของเหลียงฮวนเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงทางโทรศัพท์แทน
เมื่อจ้าวหยู่รับสาย ทุกคนต่างก็มารุมล้อมกันเต็มหน้าจอไปหมด
“ว่าไง จ้าว!” น้ำเสียงที่ตื่นเต้นจากเหมาเว่ยผ่านทางโทรศัพท์ “ตอนแรกที่ฉันได้ยินว่าเธอสามารถขโมยคดีใหญ่จากทีม B ได้ถึง 2 คดี ขาฉันมันรู้สึกหายเจ็บไปในทันทีเลยล่ะเชื่อไหม! ร่ายกายฉันรู้สึกหายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ ฮ่าฮ่า!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ทุกคนส่งเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ สาเหตุที่เหมาเว่ยต้องได้รับบาดเจ็บก็เนื่องมาจากที่เขาวิ่งไล่จับคนร้าย เขาต้องใช้เวลากว่าครึ่งปี ถึงจะสามารถฟื้นฟูร่างกายกลับมาปกติได้ดั่งเดิม
แม้ว่าพวกเขาจะดูใกล้ชิดสนิทสนมกันก็ตาม ทว่าจ้าวหยู่ก็ไม่ได้รู้จักเหมาเว่ยดีมากเท่าไหร่นัก เขาไม่ใช่จ้าวหยู่ที่อยู่มานานก่อนที่เหมาเว่ยจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล บางครั้งก็เผลอลืมว่าแท้จริงแล้วตำแหน่งหัวหน้าทีม A ก็คือ เหมาเว่ยคนนี้
เมื่อได้ยินคำชมจากเหมาเว่ย จ้าวหยู่ยกนิ้วโป้งชูขึ้นมาอย่างรวดเร็วและตอบว่า “บอส ถ้าผมจะขโมยคดีมาจากพวกเขาอีกสัก 2-3 คดี คุณคงจะกระโดดลุกขึ้นมาจากเตียงได้เลยใช่ไหม?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” พวกเขาหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
“เฮ้!” ช่วงเวลาขณะนั้น จางจิงเฟิงที่เห็นว่าบรรยากาศภายในห้องกำลังเป็นไปด้วยดี เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “หนุ่ม ๆ สาว ๆ ทั้งหลาย มัวแต่รออะไรกันอยู่? ยกแก้วขึ้นมาเร็ว! แด่จ้าวหยู่ ผู้นำความรุ่งโรจน์กลับมาสู่ทีม A อีกครั้งและเพื่อเหมาเว่ยที่กำลังฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว! เอ้า ชน!!”
“เดี๋ยวก่อน!” จู่ ๆ เจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ เผิงซิน ก็ตะโกนใส่เข้าไปในกล้องว่า “เหมา แก้วเหล้านายอยู่ไหนกัน? เอางี้เป็นไง เดี๋ยวฉันแบ่งจากแก้วนี้ไปให้นายก็แล้วกันนะ!” เมื่อเธอพูดจบ เธอถือแก้วนั้นไว้บนเหนือหัว แล้วค่อย ๆ เทเบียร์ลงพื้น เธอแสร้งทำเป็นเมาและพูดว่า “เหมา ฉันหวังว่าเบียร์พวกนี้จะส่งนายข้ามแม่น้ำไปอย่างปลอดภัย ขอให้โชคดี!!!
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!”
พวกเขาพากันหัวเราะออกมาอีกครั้ง เผิงซินเป็นสมาชิกเก่าแก่ของทีม A เธออายุเกิน 40 ปี แล้ว ดังนั้นทุก ๆ คนต่างพากันเรียกเธอว่าเจ๊ใหญ่ เธอเป็นคนที่สนุกสนานและตลกกว่าสมาชิกอายุน้อย ๆ บางคนเสียอีก
“แหม่ แม่เสือสาวของเรา!” เสียงหัวเราะและโห่ร้องของเหมาเว่ยถูกถ่ายทอดผ่านทางโทรศัพท์อีกครั้ง “ถ้าฉันหายดีเมื่อไหร่ล่ะก็ ฉันจะรีบวิ่งไปหาสามี-v'เธอและบอกเขาให้เลิกกับเธอไปเลย เธอจะได้ไม่ต้องมาก่อกวนพวกเราแบบนี้อีก! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!”
“ถ้านายกล้าก็เอาสิ!” เผิงซินหัวเราะ “ฉันอดใจรอเลิกกับเขาไม่ไหวแล้ว! แต่เดี๋ยวนะ ถ้าฉันเลิกกับเขาจริง นายจะต้องมาเป็นสามีของฉันคนต่อไป ตกลงมั้ย”
“ห๊า!!”
บรรยากาศต่างเต็มไปด้วยความสนุกอีกระดับจากมุกสนุก ๆ ของเหมาเว่ยและเผิงซิน
จากนั้น จางจิงเฟิงกู่ร้องตะโกน “ไชโย!!” อีกครั้ง แล้วทุก ๆ คน ก็ต่างพากันกระดกแก้วเหล้าในมือจนหมดรวดในคราวเดียว
นอกจากสมาชิกทีม A แล้วจ้าวหยู่ยังเชิญคนอื่น ๆ มาร่วมงานปาร์ตี้นี้ด้วยอีก 2 คน คนแรกก็คือหัวหน้าจิน คนที่ 2 คือหวังเฟ่ยจากแผนกนิติวิทยาศาสตร์แต่หัวหน้าจินปฏิเสธการเข้าร่วมด้วยเนื่องจากท่านต้องกลับไปดูแลครอบครัว มันเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ว่าทำไมชายชราถึงไม่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงกับหนุ่มสาว
กลับกัน หวังเฟ่ยตอบรับการเข้าร่วมงานปาร์ตี้ด้วยอย่างไม่คาดคิด ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับเธอเพียงเล็กน้อยในช่วงปลาย ๆ คดี แต่ทว่าเธอคือคนสำคัญที่ทำให้จ้าวหยู่กลายเป็นคนพิเศษในค่ำคืนนี้
ที่จริงจ้าวหยู่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรไว้มากว่าเธอจะมาร่วมงานด้วย เพราะนอกเหนือจากเหตุการณ์ในสุสานในช่วงสั้น ๆ พวกเขาก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรกันอีกเลย หลังจากที่จ้าวหยู่พยายามค้นดูความทรงจำเก่า ๆ ก็พบว่าเขาเคยไปแลกเปลี่ยนฝึกงานที่แผนกนิติวิทยาศาสตร์กับหวังเฟ่ยมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่หวังเฟ่ยก็แอบปลื้มในตัวจ้าวหยู่อยู่ไม่น้อย
จ้าวหยู่เป็นคนตรงไปตรงมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อหวังเฟ่ยยอมตอบรับคำเชิญมางานเลี้ยงของเขา จ้าวหยู่กลับมาเป็นที่โปรดปรานของเธอเข้าอีกครั้ง เขาสุภาพและดูแลหวังเฟ่ยในปาร์ตี้นี้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากหวังเฟ่ยขับรถมาร่วมงานนี้ด้วยตัวเอง เธอจึงหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และดื่มแต่เพียงโซดาอย่างเดียว
หลังจบงาน หวังเฟ่ยอาสาเป็นคนไปส่งหลี่เบ่ยหนีและจ้าวหยู่เองเพราะเป็นทางผ่านกลับบ้านเธอ บ้านของหลี่เบ่ยหนีอยู่ไม่ไกลจากร้านมากนัก ทำให้ตอนนี้ภายในรถเหลือแค่เพียงหวังเฟ่ยกับจ้าวหยู่กันสองคน
“เป็นไงบ้าง ดื่มไปเยอะเลยล่ะสิ” หวังเฟ่ยสังเกตเห็นว่าจ้าวหยู่ดื่มไปค่อนข้างเยอะ สายตาของเขาเริ่มไม่โฟกัสกับอะไรทั้งสิ้นแล้ว เสียงหวานละมุนของเธอเกือบทำให้จ้าวหยู่อดใจควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ไหว
“ถ้าผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณ ก็แปลว่าผมไม่ได้ดื่มไปมากเท่าไหร่นัก” จ้าวหยู่เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะที่นั่งอยู่บนรถยิ่งทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่สวยงามของหวังเฟ่ยได้เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าเธอมีเสน่ห์มากเพียงใด
“ฮิ ฮิ ฮิ” หวังเฟ่ยหัวเราะ “ปากตรงกับใจเสียจริงนะ งั้นฉันก็จะพูดตรง ๆ กลับไปบ้างแล้วกัน ที่จริงแล้วบ้านของคุณไม่ใช้ทางผ่านไปบ้านฉันหรอกนะ!”
“เอ๋?” ดวงตาจ้าวหยู่เบิกกว้างทันที เขารู้สึกราวกับว่าคำพูดของหวังเฟ่ยมีนัยยะอะไรบางอย่างแฝงเอาไว้อยู่
‘ไม่ใช่ทางผ่าน? นี่เธอไม่ได้จะพาฉันกลับบ้านหรอกหรอ? หรือว่า ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรบางอย่างจากฉันงั้นสิ!’ จ้าวหยู่คิด
หวังเฟ่ยแอบอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของจ้าวหยู่ “กำลังคิดอะไรที่ซุกซนอยู่เลยล่ะสิ ที่จริงแล้วฉันมีงานที่ทำค้างไว้อยู่เพราะต้องรีบมาร่วมงานเลี้ยงของคุณน่ะ ตอนนี้ฉันจะกลับไปทำงานอีกครึ่งให้เสร็จต่างหาก”
“อ่า…” จ้าวหยู่แอบกลืนน้ำลายลงด้วยความผิดหวัง กลับกลายเป็นว่า ‘บ้าน’ ที่หวังเฟ่ยจะกลับคือสถานีตำรวจต่างหาก แต่นับว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากที่เธอมาร่วมงานปาร์ตี้หลังจากชันสูตรศพไปเกือบครึ่ง เธอสามารถกินข้าวลงไปได้ยังไงกัน? นี่สินะที่เรียกกันว่ามืออาชีพ!
“อืม..คุณเป็นถึงหัวหน้าแผนก ทำไมคุณถึงยังต้องทำงานหนักแบบนี้ล่ะครับ?” จ้าวหยู่เปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา
“เป็นหัวหน้าน่ะเหรอ?” หวังเฟ่ยยิ้มหยอกล้อ “ถึงฉันจะเป็นหัวหน้าแผนกก็จริงแต่ศพเน่ารูปร่างผิดเพี้ยนแบบนั้นเด็กใหม่ที่ไหนจะรับมือไหวกัน จริงไหม? ประสบการณ์ก็ไม่มี กลัวก็กลัว ฉันเลยต้องเข้าไปช่วยพวกเขาน่ะ”
“โอ้…”
“อะไรกัน ยังหวังที่จะแตะต้องตัวฉันอยู่อีกหรือยังไงกัน? คุณไม่อึดอัดงั้นเหรอ? มือของฉันจับศพมานับไม่ถ้วนแล้วนะ!”
“คุณหมายถึงอะไรกัน” จ้าวหยู่หัวเราะกลับ “ใช่ว่ามือของคุณไปฆ่าใครสักหน่อยนี่จริงไหม ที่จริงต่อให้ต้องตายด้วยมือคู่นี้ ผมก็จะไม่เสียดายชีวิตหรอกนะ!”
หวังเฟ่ยยิ้มรับ “คุณเป็นตำรวจที่นิสัยแปลกจริง ๆ คุณชื่นชมคนอื่นไปทั่วแบบนี้เลยหรือเปล่า?”
“ก็ไม่ใช่ทุกคนซะหน่อย เฉพาะคนพิเศษเท่านั้น”
ทั้งสองต่างส่งเสียงกระซิก หยอกล้อ หัวเราะไปมาอย่างชอบใจ ก่อนจะกลับไปสู่ช่วงความเงียบอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานจ้าวหยู่จะชี้ไปที่โลโก้รถ BMW ตรงหน้าพวงมาลัยรถของเธอ เขาพยายามเริ่มหาบทสนทนาด้วยอีกครั้ง
“ว้าว หัวหน้าหวังของเราต้องรวยมากแน่ ๆ เลยใช่ไหมเนี่ยครับ นี่ใช่ รุ่น X7 หรือเปล่า?”
“คุณน่าจะหมายถึงว่ารถคันนี้คือคันเดียวกันกับของหลัวเหม่ยนาใช่หรือเปล่า?”
หวังเฟ่ยมุ่งความสนใจไปที่รถและเธอก็ขับตรงไปอย่างแม่นยำ ทางด้านจ้าวหยู่จมกลับไปอยู่ในความคิดเกี่ยวกับคดีมือที่หายไปอีกครั้ง เขาเชื่อมต่อรถคันนี้เข้ากับเรื่องของหลัวเหม่ยนาโดยสัญชาตญาณ ทั้งสองคันนี้ทั้งสีและรุ่นต่างก็เป็นประเภทเดียวกัน!
“ผมคงบอกได้แค่ว่านอกจากคุณจะสามารถสืบจากศพได้ดีแล้ว คุณยังสามารถสืบสวนคนอื่น ๆ ได้ดีอีกด้วยเช่นกัน” จ้าวหยู่พูดเสริม “ที่จริงแล้วผมก็แค่สงสัยว่าเมื่อไหร่จะรวยได้แบบคุณสักทีต่างหาก”
“ก็เรื่องง่าย ๆ!” หวังเฟ่ยกล่าว “แค่หาสามีที่รวย ๆ เข้าไว้แล้วทำให้เขากลายมาเป็นอดีตสามีของคุณก็แค่นั้น!”
“โอ้…ฮ่า ฮ่า”
จ้าวหยู่เข้าใจถึงความหมายเบื้อหลังคำพูดเธอได้เป็นอย่างดี ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันไปมาอยู่นั้น ล้อรถก็มาหยุดที่หน้าร้านผลไม้ของต้าเฟิงแล้ว ยิ่งเขามองหวังเฟ่ยผู้มีเสน่ห์มากเหลือล้นอยู่ตรงหน้า ทำให้จ้าวหยู่เผลอเลียริมผีฝากตัวเองไปอย่างไม่รู้ตัว
“เอ่อ นี่บ้านพักของผมเอง คงไม่มีใครอยู่บ้านหรอก คุณจะเข้าไปนั่งพักสักหน่อยก่อนไหม? เผื่อว่าคุณอยากจะฝึกซ้อมกับผมก่อนจะกลับไปชันสูตรต่อได้แบบเต็มที่ไง ผมสามารถแกล้งทำเป็นได้ แบบนี้คุณว่าดีไหม?”