CD บทที่ 55 ความเจ็บปวดที่เหมือนกัน
เชาเจียหยิงกลายมาเป็นเหยื่อในคดีที่เกิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์ในสุสาน เธอได้ตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับตำรวจที่เข้ามาเพื่อสอบสวนข้อมูล แต่เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นค่อนข้างรุนแรง ทางตำรวจเลยหลีกเลี่ยงที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง ทั้งเรื่องของการแข่งขันเปียโนและตัวหลี่ดัน
แต่เมื่อจ้าวหยู่กล่าวชื่อหลี่ดันออกมา เชาเจียหยิงไม่ได้มีอาการแปลกใจให้เห็นแต่อย่างใด ราวกับว่าเธอคุ้นเคยกับชื่อนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่เพียงแค่รู้จักเท่านั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าหลี่ดันทำร้ายเธอ เธอก็รู้อยู่แล้วเช่นกัน!
ยังไม่ทันที่จ้าวหยู่จะได้เล่ารายละเอียด แต่ดูเหมือนว่าเชาเจียหยิงจะรู้ความเป็นมาดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่ดันบ้าง จ้าวหยู่เพียงแค่พูดล่อให้เธอเข้ามาติดกับ และในที่สุด เธอก็ติดกับดักของเขาเข้าจนได้
“คุณเชาครับ” จ้าวหยู่กลับมาวางท่าใจเย็นอีกครั้ง “22 เมษายน เมื่อปีที่แล้ว เกาเทียนคือเหยื่อรายแรกในการแก้แค้นของหลี่ดัน 5 วันถัดมาในวันที่ 26 หยวนหลีลี่ก็โดนกระทำเช่นกันที่บ้านพักของเธอ ส่วนวันที่ 22 เมษายนในปีนี้ หลัวเหม่ยนาก็กลายมาเป็นเหยื่อรายที่ 3 ที่โดนกระทำเช่นกัน เมื่อวานวันที่ 26 คุณก็เกือบจะเป็นเหยื่อในคดีเช่นคนอื่น ๆ เหมือนกัน คุณคิดว่าวันที่ 22 จนถึง วันที่ 26 มีความเกี่ยวข้องอะไรบ้างไหม?” จ้าวหยู่จ้องมองไปที่เชาเจียหยิงก่อนจะเริ่มพูดต่อ “5 วันนี้คือ 5 วันเดียวกันกับจุดเริ่มต้นและจุดจบของการแข่งขันครั้งนั้น เธอตัดสินใจเลือกวันเหล่านี้เพื่อลงมือ มันอาจจะมีความสำคัญอะไรมาก ๆ ซ่อนอยู่ก็ได้”
“คุณตำรวจ!” เชาเจียหยิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการพูดจะเป็นเรื่องที่ยากมากขนาดนี้ ริมฝีปากเธอของสั่นไปหมดเมื่อยามที่เธอพยายามจะพูด “ฉัน...ไม่สิ พวกเราต่างก็เข้าร่วมการแข่งเปียโนนั่นด้วยกันทุกคน แต่มันหมายความว่ายังไงกันล่ะ ฉัน…” เชาเจียหยิงพยายามพูดโต้ตอบกลับบ้าง แต่ก็ถูกจ้าวหยู่ขัดไว้อีกเช่นเคย
“ผมได้หาข้อมูลผู้เข้าแข่งขันทุกคนมาหมดแล้ว ฐานะทางบ้านของคุณจัดได้ว่ายากจนกว่าคนอื่นมาก!” จ้าวหยู่พูดอย่างเย็นชา “คนอื่น ๆ ไม่ได้มาจากชนบทเหมือนคุณแถมฐานะทางบ้านก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีกันหมด พ่อแม่คนอื่นต่างก็ทำงานทางด้านธุรกิจทั้งนั้น ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่พวกเขาจะต้องเข้าไปโจมตีคนอื่นในการแข่งขันเลยสักนิด!
แม้ว่าการแข่งเปียโนจะสามารถช่วยยกระดับทางชีวิตได้ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรกับพวกเขามากนัก พวกเขาต่างพอใจที่ได้เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายแล้วแต่ไม่ใช่กับคุณ ที่มาจากครอบครัวยากจน การแข่งครั้งนั้นมันต่างจากคนอื่นไปโดยสิ้นเชิง!”
จ้าวหยู่พูดอย่างไร้ความปราณีขณะกำลังเล่าความเป็นมาต่อหน้าเชาเจียหยิง
“ผมได้ดูบันทึกมาหมดแล้ว การแข่งครั้งที่ 9 คุณเองก็เข้าร่วมเช่นกัน ก็ไม่สามารถเข้าไปถึงรอบชิงได้ ดังนั้นการแข่งครั้งที่ 10 คือหนทางสุดท้ายของคุณ และเพื่อที่จะสามารถเข้าร่วมการแข่งได้ คุณให้พ่อของคุณปลอมแปลงข้อมูลเรื่องโรงเรียนและฐานะทางสังคมของตัวคุณเอง! ตอนแรกคุณก็สามารถเข้ารอบชิงชนะได้อยู่หรอก แต่คะแนนของคุณก็ไม่ค่อยจะมั่นคงมากเท่าไหร่นัก”
จ้าวหยู่เว้นช่วงให้พักหายใจหายคอบ้าง ก่อนจะเริ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม
“หากพลาดไปเพียงจุดเดียว คุณจะหลุดจาก 6 อันดับแรกในทันที และหากคุณพลาดขึ้นมาจริง ทุกสิ่งที่คุณพยายามทำมาก็จะสูญเปล่า เฉพาะ 6 อันดับแรกเท่านั้นที่จะสามารถได้รับเลือกให้เข้าโรงเรียนชั้นนำได้ ดังนั้นคุณที่กำลังตกอยู่สถานการณ์อันตรายเลยหาวิธีทำให้ตัวเองรอด และก็เป็นผลสำเร็จ การถอนตัวของหลี่ดันช่วยเปลี่ยนชีวิตของคุณได้มากแต่ชีวิตของหลี่ดันกลับต้องถูกทำลายจนย่อยยับลงไปเพียงเพราะใบมีดโกนชิ้นเล็ก ๆ แค่นั้น!”
“นี่คุณ!!” ใบหน้าของเชาเจียหยิงเริ่มขึ้นสีในทันทีที่เขาพูดจบ ตัวเธอสั่นไปหมดกับคำพูดของจ้าวหยู่ “อย่ามาพูดกล่าวหากันมั่ว ๆ แบบนี้นะ ไหนล่ะหลักฐาน คุณต้องมีหลักฐานก่อนจะมาปรักปราใครสิ!”
จ้าวหยู่ได้แต่ถอนหายใจพลางโยกตัวเล็กน้อย แล้วพูดอย่างใจเย็นอีกครั้ง
“คุณเชา ผมว่าคุณกำลังเข้าใจอะไรผมผิดอยู่นะ ผมไม่ได้มาพูดเพื่อทวงหาความยุติธรรมให้หลี่ดันกับเรื่องร้าย ๆ ที่เธอต้องเจอ มันผ่านมาแล้วตั้ง 18 ปี ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลักฐานหรอก มันจะไปมีกันได้ยังไง? ที่ผมทำอยู่ก็เพียงแค่ต้องการเยียวยาจิตใจของหลี่ดันบ้างก็เท่านั้น”
คำพูดของจ้าวหยู่สร้างความตกใจให้กับเชาเจียหยิงเล็กน้อย เขาจัดระเบียบคำพูดของตัวเองใหม่อีกครั้งก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“ผมได้คุยกับอัยการแล้ว หลี่ดันจะถูกข้อกล่าวหาทำร้ายคนอื่นโดยเจตนาคุณรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”
เชาเจียหยิงนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อน
“โชคดีเธอก็แค่ติดคุกแต่ถ้าเธอโชคร้าย เธอก็ต้องได้รับโทษประหารชีวิต!”
เชาเจียหยิงแสดงท่าทีตกใจทันทีเมื่อได้ยินโทษของหลี่ดัน เธอไม่คิดว่าโทษจะหนักมากถึงขนาดนี้
“ชีวิตของหลี่ดันจบสิ้นแล้ว!” จ้าวหยู่ได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ผมว่าคุณน่าจะรู้ดีว่าอะไรคืออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะใบมีดเล็ก ๆ นั่น ตอนนี้ชีวิตของเธออาจได้เป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงหรือไม่ก็คุณครูไปแล้ว ไม่แน่เธออาจจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแบบคุณก็ได้แต่ในความเป็นจริงคือเธอต้องมาคิดคุก พ่อก็ตาย แม่ก็ป่วยเป็นมะเร็ง หากแม่ของเธอต้องจบชีวิตลงก็ไม่มีใครแล้วที่จะมาช่วยดูแลเรื่องสุสานให้กับแม่ของเธอได้แล้วยัง…”
“พอได้แล้ว คุณจ้าวหยู่ พอได้แล้ว!” เชาเจียหยิงพูดขัดจังหวะเขาขึ้นมาอย่างทนไม่ได้ ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเธอ ขณะนี้กำลังเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เธอก็ตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกมา
“มันผ่านมาแล้ว 18 ปี ผ่านมา 18 ปีเต็ม ๆ!” เชาเจียหยิงปาดน้า ตาที่กำลังไหลออกมาอีกครั้ง “ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเรื่องหลี่ดัน มันทำให้ฉันไม่สามารถนอนหลับไปเต็มอิ่ม เลือดของฉันพลุ่งพล่านไปหมด หากคุณจะบอกว่าชีวิตของหลี่ดันมีแต่ความเจ็บปวด ชีวิตของฉันก็ติดอยู่กับเงาที่ไม่สามารถมองเห็นมันได้เช่นกัน!”
ในที่สุดน้ำตาเธอก็ไหลออกมาอีกครั้งขณะที่เธอกำลังพูดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด จ้าวหยู่ไม่ได้มีผ้าเช็ดหน้าติดตัวมาด้วย เขาเลยทำได้แค่เพียงหยิบทิชชู่ยื่นให้เธอเช็ดคราบน้ำตาแต่ขณะนั้นเชาเจียหยิงกำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์ความทรงจำที่เจ็บปวด เธอจะมีแรงไปรับทิชชู่นั้นได้อย่างไรกัน? เธอพูดต่อขณะร้องไห้
“คุณจ้าวหยู่ คุณพูดถูกในเรื่องกับดักนั่น ฉันเองที่เป็นคนวางมันไว้จนทำร้ายเธอ แต่คุณยังพลาดไปอีกอย่าง ความจริงที่ว่าเมื่อ 18 ปี ก่อน ฉันเองก็เป็นพียงเด็กเท่านั้น นอกจากการฝึกซ้อมเปียโนอย่างหนักแบบเอาเป็นเอาตาย ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปคิดเรื่องชั่ว ๆ แบบนั้นได้กัน? แล้วยังไม่รวมถึงเรื่องการไปวางใบมีดในตำแหน่งที่ถูกจุดนั่นอีก มันเกินกว่าที่ฉันในตอนนั้นจะลงมือทำเองได้!”
“ฮะ?!”
ทันใดนั้นจ้าวหยู่ก็ต้องตกใจอย่างสุดขีด เขามั่นใจแน่นอนมากว่าคนร้ายในตอนนั้นก็คือเชาเจียหยิง แต่สิ่งที่เธอกำลังพูดมันคืออะไรกัน? หรือว่า….ยังมีใครบางคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก?!