บทที่ 8 คำนับอาจารย์
บทที่ 8
คำนับอาจารย์
“องค์ชายต้องการให้เราส่งคนตามแม่นางหลินไปหรือไม่?” อันอี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ได้กระซิบกระซาบเจียงหวายเย่
เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัวให้อันอี้ จากนั้นก็มองไปคล้อยหลังของหลินซีเหยียนไป แล้วเขาก็ได้ยิ้มขึ้นมาและหรี่สายตาเล็กลงเรื่อยๆ “ช่างเป็นคนที่น่าสนใจดีจริงๆ”
มองดูรอยยิ้มชั่วร้ายขององค์ชายแล้วก็แอบหนาวสั่นขึ้นมา เขาไม่รู้เลยว่าการที่แม่นางหลินนั้นไปปลุกความสนใจในตัวองค์ชายให้ตื่นขึ้นมานั้นเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่
หลินซีเหยียนที่ตามผีเสื้อไป ก็พบหลินเทียนชื่อแล้ว แต่ทว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้วยนอกจากเทียนเอ๋อ ชายคนนี้ทำให้ หลินซีเหยียนมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมา ราวกับลมหนาวในฤดูหนาว ที่ทำให้ผู้คนหนาวสั่นจนไปถึงไขกระดูก
นางที่กำลังยืนอยู่บนคานนั้นก็ยังไม่ได้ลงมา แต่นางก็ได้มองดูเทียนเอ๋อที่กำลังเล่นอยู่กับเป้าหมายในการล้างแค้นของนาง เฮอเหวินจาง
เฮอเหวินจางได้ยินมาจากคนของเขาว่าพบขอทานน้อย 3 คนซ่อนตัวอยู่ที่แห่งหนึ่งจึงได้รีบตามเขาไป เขาอยากที่จะระบายความโกรธของเขาในหลายวันมานี้ แต่เขาก็ไม่นึกว่าเจ้าเด็กคนนี้จะจัดการยากขนาดนี้
“เจ้าทำอะไรน่ะ? รีบเอายาถอนพิษมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นข้าฆ่าเจ้าแน่” เฮอเหวินจางมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดี และพูดด้วยน้ำเสียงแข็ง หลังจากที่พูดจบเขาก็เกาคอและหน้า แต่ยิ่งเกาก็ยิ่งคันแล้วอาการคันนี้ก็เริ่มที่จะลามไปทั่วตัวแล้ว
หลินเทียนชื่อนั้นไม่กลัวคำขู่นั้นแม้แต่น้อย แล้วก็พูดล้อเลียนเขา “ข้ากลัวแล้ว ข้ายังเด็กและยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย”
เขาพูดพร้อมกับถกแขนเสื้อขึ้นมา ในขณะที่แกล้งทำเป็นเช็ดน้ำที่ไม่มีน้ำอยู่ ซึ่งทำให้เฮอเหวินจางโกรธมากขึ้นกว่าเดิม
อาการคันของเขาก็เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่องๆ ซึ่งทำให้ตาของเขาแดงขึ้นมา และสั่งลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆ “เจ้าพวกขยะ ไปจัดการมันแล้วชิงเอายาแก้พิษมา”
เหล่าลูกน้องเองก็โดนผงคันของหลินเทียนชื่อเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้ยินคำสั่งจากนายน้อยแล้ว พวกเขาก็ได้แยกเขี้ยวออกมาแล้วเดินเข้าหาหลินเทียนชื่อ ทั้งๆที่เขาเป็นแค่เด็กเล็กไม่มียางอายและความรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
“พวกแกแน่จริงก็เข้ามาเลย ข้าจะยินดีต้อนรับพวกแกเอง” แววตาของหลินเทียนชื่อแสดงให้เห็นซึ่งความตื่นเต้น แม่ของเขานั้นได้ทำผงยาน้ำมูก, ผงยาปากแห้ง และผงยาหัวเราะไม่หยุดซึ่งเขายังไม่ได้นำมาใช้ ในเวลานี้เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้นำมาใช้แล้ว
เหล่าข้ารับใช้บางคนคิดที่จะจับปลายเสื้อของเด็กน้อย แต่แล้วก็เห็นรอยยิ้มฉายเข้ามาในดวงตาของเขาแวบนึง แล้วในชั่วขณะต่อมาพวกเขาก็โดนผงที่มีสีสันต่างๆกัน
“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?” พูดจบได้ไม่ทันไร ชายคนนั้นก็ได้เริ่มหัวเราะออกมาไม่หยุด โดยไม่แม้แต่จะพักหายใจ สภาพหัวเราะอย่างบ้าคลั่งนี้ทำให้เฮอเหวินจางรู้สึกกลัวขึ้นมา
ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียว ยังมีคนอื่นๆที่น้ำมูกไหลออกมาไม่หยุด บ้างก็หัวเราะไม่หยุด และบางคนที่ลงไปกินหญ้าและแทะเปลือกไม้เพื่อให้ดับอาการกระหายน้ำ
“เจ้า เจ้ามันไม่ใช่มนุษย์ เจ้าสามารถใช้มนต์ดำได้!” เฮอเหวินจางรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาเมื่อเห็นภาพนี้ ในขณะที่ยังคงเกาอยู่เขาก็ได้รีบหนีไปและไม่นานนักก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“ชิ กลัวจนเผ่นแน่บไปแล้ว” หลินเทียนชื่อปัดมือของเขาแล้วจากนั้นก็เดินเข้าไปวัดร้าง “เสี่ยวอู่ออกมาได้แล้วล่ะ พวกคนไม่ดีถูกข้าจัดการไปหมดแล้ว”
เสี่ยวอู่ก็ได้ออกมาจากมุมหนึ่งของวัดร้างและลากเอาอี้อี้ที่ยังหมดสติอยู่ออกมาด้วย เสี่ยวอู่ก็ได้มองไปที่หลินเทียนชื่อด้วยสายตาที่ยิ้มแย้ม สายตาของนางเต็มไปด้วยความนับถือและชื่นชม
หลินเทียนชื่อก็ดูเหมือนจะชอบการที่เสี่ยวอู่ชื่นชมเขามาก จึงได้เสยผมและทำเป็นโพสต์ท่า “แล้วไม่ต้องตกหลุมรักข้าล่ะ ข้าน่ะเป็นแค่ตำนานเท่านั้น”
“เป็นตำนานเหรอ? ดี, ดีมาก ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าเป็นตำนานเอง” แล้วก็มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของหลินเทียนชื่อ ซึ่งเขาก็พอจะเดาได้ว่าท่านแม่ในเวลานี้จะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ แล้วเขาก็ได้หันหน้ากลับไปอย่างช้าๆ แล้วจากนั้นก็ได้ลงไปคุกเข่ากับพื้น “ท่านแม่ข้าผิดไปแล้ว ข้าแค่อยากจะหาอะไรอร่อยๆไปให้ท่านแม่เท่านั้นเอง แต่ข้าหลงทาง”
หลินซีเหยียนก็ได้เดินมาตรงหน้าเขา มองดูเขาที่ทำท่าน่าสงสารราวกับว่าเขาทำเพื่อแม่จริงๆ ทำให้นางรู้สึกกระตุกที่มุมปากของนาง “อย่าคิดว่าไม้นี้จะได้ผลกับแม่นะ”
“ท่านแม่ที่สวยตลอดกาลของข้า ลูกของท่านสำนึกผิดแล้วอย่าได้โกรธไปเลย ไม่อย่างนั้นท่านจะแก่เร็วนะ เทียนเอ๋อไม่ อยากให้หน้าของท่านแม่มีรอยเหี่ยวย่น” ปากน้อยๆของเทียนเอ๋อก็ได้พูดจ้อไม่หยุดปาก หลินซีเหยียนก็เริ่มที่จะสงสัยแล้วว่าบุคลิกนี้ของเทียนเอ๋อนั้นได้มาจากใครกันแน่
แล้วนางก็ได้ดึงหูของเทียนชื่อ ตามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่หาได้มีความโกรธแฝงอยู่ไม่ “ต่อจากนี้เจ้าจะหนีเที่ยวอีกไหมฮึ?”
“ท่านแม่ได้โปรดเบามือด้วย เทียนเอ๋อไม่กล้าแล้วขอรับ” ความมุ่งมั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดในการแก้ไขความผิดพลาด เทียนเอ๋อก็ได้ยอมรับความผิดของเขา แล้วจากนั้นก็เริ่มขอโทษแม่ของเขาด้วยวิธีการต่างๆ ด้วยสีหน้าประจบประแจงทำเอาเสี่ยวอู่ต้องตกตะลึง
“ก็ได้ แล้วก็แม่ได้หาอาจารย์ให้เจ้าแล้ว เจ้าจะต้องไปฝากตัวเป็นศิษย์พร้อมกับแม่!” หลินซีเหยียนก็ได้จูงมือน้อยๆของเทียนเอ๋อเพื่อกันไม่ให้เจ้าตัวแสบคิดหนีไปไหนอีก
“ท่านแม่เดี๋ยวก่อน” เทียนเอ๋อก็ได้ผละมือออกจากมือของหลินซีเหยียน แล้ววิ่งไปหาเสี่ยวอู่ แล้วหยิบเอายาผงออกมากองหนึ่ง และยารักษาแผล แล้วหยิบเอาเงินเก็บทั้งหมดของเขาออกมาจากกระเป๋าใบเล็กของเขา แล้วเทียนเอ๋อก็ได้กัดฟันไม่มองเงินก้อนนั้นแล้วกล่าว “เสี่ยวอู่นี่ยาใช้ป้องกันตัวนะ ส่วนนี่ใช่รักษาบาดแผล และเงินทั้งหมดนี้ข้ายกให้เจ้า เจ้าจะต้องรักษาตัวเองและอี้อี้ให้ดี ไว้มีโอกาสข้าจะมาหาพวกเจ้าแล้วมาเล่นด้วยกันอีก”
ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยยินดีนัก แต่เสี่ยวอู่ก็ผงกหัวอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นเทียนเอ๋อก็ได้เดินตามหลังท่านแม่ไปอย่างเชื่อฟัง เพื่อกลับไปฝากตัวเป็นศิษย์ “ท่านแม่ อาจารย์ของข้าเป็นอย่างไรเหรอขอรับ? เขาหล่อเหลาหรือไม่ขอรับ? แล้วน่ากลัวรึเปล่าขอรับ?”
“เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง” หลินซีเหยียนลูบหัวน้อยๆของเขา และปรากฏความภูมิใจในแววตาของนาง และอาจารย์ที่นางหาให้เทียนเอ๋อนั้นก็เรียกได้ว่าดีที่สุดแล้ว
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้ากลับราชวังนั่นเอง พวกนางก็ถูกหยุดโดยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งคนที่นำหน้ามานั้นก็ได้พูดอย่างดูถูก “ส่งยาแก้พิษมา แล้วท่านลุงอย่างข้าจะยกโทษตายให้เจ้า”
“พวกแกเป็นใคร?” เทียนเอ๋อถามอย่างไม่พอใจ
ชายคนนั้นก็ได้หัวเราะอย่างดูถูกแล้วกล่าว “พวกเจ้าไม่รู้จักข้าอย่างนั้นเหรอ ข้าก็คือหัวหน้าสายตรวจประจำเมืองหลวงมีชื่อว่า หงชี”
“ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร แต่ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังขวางทางข้าอยู่” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่หงชี และริมฝีแดงๆของนางก็ได้ค่อยๆเปิดปากออกมา “ใครที่ยังรักชีวิตอยู่ช่วยหลีกทางด้วย”
แล้วผู้คนที่มองดูอยู่รอบๆต่างก็พากันส่ายหัว “ผู้หญิงคนนี้หน้าตาออกจะดูดี แต่กลับโง่เสียได้ที่ไปทำให้หัวหน้าสายตรวจโกรธเข้า เคยมีคนที่ไปล่วงเกินหงชีมาก่อนแล้วก็ถูกทำร้ายจนพิการ”
“หึ ไม่รู้ซะแล้วว่าอะไรควรไม่ควร แต่ข้าสงสารเด็กกำพร้าพ่อและแม่ม่ายอย่างเจ้ามาก เอาเป็นว่าถ้าเจ้ายอมส่งยาแก้พิษมา ข้าจะยอมรับเจ้าเป็นเมียน้อยคนที่ 12 ของข้า” หงชีมองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาที่ลามก
หลินซีเหยียนก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา นางรู้สึกขยะแขยงหงชีมากขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าคางคกนี่มาจากไหนกัน? ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง”
“อีนังนี่กล้าเรียกข้าว่าเป็นคางคกเรอะ” หงชีโกรธจัดและมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เขากระโดดลงมาจากม้าแล้วง้างหมัดที่ทรงพลังหมายที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับ หลินซีเหยียน