บทที่ 47 การเชิญจากจวนแม่ทัพเจิ้นกว๋อ
บทที่ 47
การเชิญจากจวนแม่ทัพเจิ้นกว๋อ
หลินซีเหยียนนั้นอยากที่จะปลอบเขา แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี นางจึงทำได้แค่มองดูเขาที่ดื่มเข้าไปอย่างต่อเนื่อง แล้วในเวลานี้เองที่หลินซีเหยียนก็รู้สึกตัวได้ว่านางนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชายที่อยู่ตรงหน้านางเลย
นางรู้แค่ว่าเขาคือองค์ชายที่งดงามอย่างไร้ขอบเขตและยังเป็นเจ้าของหอพันกลเท่านั้น แต่นางไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงได้รับพิษที่ขาและทำไมถึงได้ทนอยู่กับความเจ็บปวดเช่นนี้
แล้วทั้งสองคนก็ได้ร่วมนั่งดื่มกันจนกระทั่งเจียงหวายเย่นั้นเมาพับหลับไปก่อน
หลินซีเหยียนจึงได้ให้อันอี้ช่วยนางพาเจียงหวายเย่กลับไปที่ห้องนอนของเขา แล้วจากนั้นก็มอบใบสั่งยาให้กับอันอี้ “นี่คือยาแก้เมาค้างที่ข้าคิดค้นขึ้นมา ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าที่ใช้กันทั่วไป”
อันอี้ก็ได้ผงกหัว
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ออกไปจากพระราชวังแล้วเดินทางกลับไปยังจวนมหาเสนาบดีในเวลากลางดึก แต่เนื่องด้วยเวลาที่จำกัดนางจึงได้เร่งรีบการสืบค้นของนาง
ที่จวนมหาเสนาบดีนั้นก็เงียบสงบเช่นเคย หลินซีเหยียนก็ได้มุ่งหน้าไปยังเรือนเชียนเหยียนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะนั้นก็แอบลอบเข้าไปในเรือนของฮูหยินอวี้
แต่ไม่นึกเลยว่าฮูหยินอวี้ที่น่าจะหลับไปแล้ว แต่นางกลับได้ยินเสียงของฮูหยินอวี้ที่พูดออกมาด้วยความโกรธ
หลินซีเหยียนที่รู้สึกสนใจก็ได้แอบเข้าไปใกล้ๆ แล้วก็ได้ยินเสียงของฮูหยินอวี้ที่กำลังเมามายอยู่กับขวดลายครามสีขาวฟ้าและนางก็ได้พูดด่าขึ้นมาต่อ “นังจิ้งจอกฮูหยินสามนั่น มันใช้มนต์เสน่ห์จิ้งจอกอยู่ตลอดเวลา จนนายท่านไม่เคยมาหาข้าเลยเป็นเดือนแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปนังนั่นมันจะต้องเหยียบหัวข้าขึ้นไปแน่”
“นายหญิงได้โปรดใจเย็นก่อนเถอะเจ้าค่ะ เรื่องแบบนี้จะไปเร่งรีบไม่ได้ ถึงนางจะได้รับการเอาอกเอาใจแต่นางเป็นแค่อนุเท่านั้นนะเจ้าคะ?” ป้าหลี่ที่เป็นคนรับใช้คนสนิทของ ฮูหยินอวี้พูดขึ้นมา
“ป้าหลี่พูดถูกแล้ว อย่างนังนั่นมันทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้นหรอก” ฮูหยินอวี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติตัวเองแล้วกล่าว “ข้าอดทนมาได้ตั้ง 10 ปีแล้วข้าจะมาหัวเสียเพราะเรื่องช่วงนี้ไม่ได้”
“นายหญิงฉลาดมากเจ้าค่ะ” ป้าหลี่พูดอย่างประจบประแจง
จากนั้นฮูหยินอวี้ที่เหมือนจะหมดแรงก็ได้บอกป้าหลี่จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างตัวให้นาง หลังจากที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ฮูหยินอวี้ก็ได้ไล่ทุกคนออกไปแล้วไม่นานนักนางก็อยู่คนเดียวในห้องนั้น
หลินซีเหยียนที่แอบอยู่ใต้หน้าต่างก็ได้แอบดูด้านในจากช่องว่างของแผ่นไม้อย่างเงียบๆ
นางพบฮูหยินอวี้ที่เดินไปที่แจกันที่ติดอยู่ที่ผนัง และดูเหมือนจะลังเลทำอะไรบางอย่าง แต่แล้วนางก็ได้กัดฟันและขยับแจกันนั้น แล้วจากนั้นก็มีทางลับโผล่ออกมาที่พื้นห้อง
หลินซีเหยียนมองดูเหตุการณ์นี้อย่างตกใจ และรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่าสนใจมาก นางจะต้องรู้ให้ได้ว่าอย่างฮูหยินอวี้ที่เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆจะสามารถสร้างห้องลับขึ้นมารอดพ้นสายตาของมหาเสนาบดีได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำโดยไม่มีใครช่วย
นางอยากที่จะรู้ว่าใครกันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ หลินซีเหยียนก็มองดูฮูหยินอวี้ที่เดินลงไปที่ทางลับนั้น นางจึงได้มองเข้าไปในห้องนั้น แล้วนางก็ได้มองไปที่ทางลับนั้นแล้วพบว่ามันยังไม่ได้ถูกปิด นางจึงได้เดินตามลงไป
“เหลียนเอ๋อ เจ้าได้ทรัพย์สินแต่งงานสิบลี้ของเยี่ยซินโหรวมาแล้วหรือยัง?”
ก่อนที่นางจะเดินเข้าไปด้านใน ก็ได้ยินเสียงหงุดหงิดดังขึ้นมา หลินซีเหยียนก็ได้เม้มปากของนาง ฮูหยินอวี้นั้นมีชื่อเดิมว่าอวี้เหลียน นางที่เป็นถึงบุตรีคนที่สองของตระกูลอวี้ แต่คนที่อยู่ข้างในกลับเรียกชื่อนางห้วนๆเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ย่อมไม่ธรรมดาแน่ หรือว่ามหาเสนาบดีจะถูกสวมเขาโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว?
ถึงแม้ว่าหลินซีเหยียนนั้นจะยินดีมากที่รู้เรื่องนี้เข้า แต่พอได้ยินชายคนนั้นพูดถึงสินสมรสสิบลี้ของแม่ของนางแล้วนางก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา แม้แต่รอยยิ้มที่มุมปากของนางก็ยังแฝงไปด้วยความรุนแรง
“เจ้าจะรีบร้อนอะไรนักหนา? นอกจากนี้ยัยปีศาจหลินซีเหยียนก็กลับมาแล้วอีก จะให้ข้ารีบได้อย่างไร?” ฮูหยินอวี้ตอบกลับอย่างไม่พอใจ
“เหลียนเอ๋อเจ้าจะต้องลงมือไวๆนะ เจ้าก็น่าจะรู้ว่าความอดทนของข้ามันต่ำ” ชายคนนั้นพูดขู่
“ฉิงหย่วนเจ้ากล้าขู่ข้างั้นเหรอ?” ฮูหยินอวี้กล่าวอย่างโมโหมาก
ฉิงหย่วนที่เห็นเช่นนั้นก็รีบใจเย็นลงแล้วกล่าว “ข้าจะไปกล้าขู่เจ้าได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะพวกทวงหนี้มันตามกดดันข้ามา ข้าก็คงไม่รีบร้อนแบบนี้หรอก”
เมื่อเห็นฉิงหย่วนที่ใจเย็นลง ฮูหยินอวี้ก็ได้อ่อนลงตาม “ข้าบอกให้เจ้าเลิกเล่นการพนันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว” ฉิงหย่วนพูดด้วยเสียงที่เบามากและแฝงไปด้วยความหื่นกระหาย
“พี่หย่วน หลินซีเหยียนกลับมาคราวนี้ทำให้เรื่องต่างๆจัดการยากมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเจ้าไม่รีบจัดการกับนาง ข้าก็ไม่สามารถลงมือได้เช่นกัน” ฮูหยินอวี้พูดด้วยเสียงที่แหลมเล็ก นางทำราวกับว่าตัวเองเป็นเด็กเล็กๆ
หัวใจฉิงหย่วนก็พองโตขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เจ้าจัดการให้ข้ามาทำงานที่จวนมหาเสนาบดี แล้วที่เหลือข้าจะจัดการเอง”
แล้วฮูหยินอวี้ที่อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ทว่าเสียงที่นางพูดออกมานั้นกลายเป็นเสียงครางไปหมดแล้ว
หลินซีเหยียนมุมปากกระตุกขึ้นมาเมื่อนางได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างใน แล้วจากนั้นนางก็ได้หันหลังแล้วกลับออกไปแต่นางก็ยังรู้สึกสงสัยนิดหน่อยว่าคนที่กล้าสวมเขาให้มหาเสนาบดีหลินนั้นมีหน้าตาเป็นเช่นไร
หลินซีเหยียนก็ได้กลับไปที่เรือนเชียนเหยียนอย่างอ่อนแรงและผล็อยหลับไป
ในตอนรุ่งเช้าหลินซีเหยียนก็ถูกปลุกโดยจิ่งชุน นางนั้นยังอยากที่จะนอนต่อ อย่างไรเสียนางก็อยู่เป็นนกฮูกเมื่อคืนและมีเวลานอนแค่ครึ่งคืนเท่านั้น
แต่พอจิ่งชุนบอกนางประโยคหนึ่ง หลินซีเหยียนก็ลืมตาตื่นทันที
“คุณหนูเจ้าคะ นายท่านได้ส่งคนนำเงินมาให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ” จิ่งชุนกล่าวพร้อมน้ำเสียงคิกคัก และดวงตาของนางก็เป็นประกาย
หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นจากเตียงทันที นางคิดว่านางจะนอนเมื่อไรก็ได้ แต่การรับเงินเช่นนี้ไม่ได้มีบ่อยๆนัก หลินซีเหยียนจึงรีบล้างหน้าล้างตาแล้วจากนั้นก็ไปรับเงินที่พ่อบ้านเป็นคนนำมาให้
เมื่อเงินถูกนำมาส่งให้ พ่อบ้านเฒ่าก็ได้รีบออกไปทันที ซึ่งพ่อบ้านนั้นมีรอยยิ้มแบบเดียวกับเมื่อก่อน
หลินซีเหยียนผงกหัวแล้วหลังจากที่เขาจากไป ก็ได้ส่งเอกสารและเงินให้ป้าจ้าว “ป้าจ้าว ช่วยตรวจดูให้หน่อย”
ป้าจ้าวก็ผงกหัวแล้วมองไปที่สิ่งที่นำมาให้อย่างตั้งใจ แต่แล้วป้าจ้าวก็คิ้วขมวดขึ้นมาขณะที่มองดู
“มีปัญหาอะไรอย่างนั้นรึ?” หลินซีเหยียนก็คิ้วขมวดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ 3,000 ตำลึงทองเช่นนี้ ดูเหมือนมหาเสนาบดีหลินจะวางแผนอะไรอีก ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ยอมแพ้สินะ?
ป้าจ้าวก็ได้แต่จ้องมองอย่างตกใจแล้วจากนั้นดวงตาของนางก็แดงขึ้นมา “คุณหนูเจ้าคะ จำนวนเงินน่ะถูกต้องอยู่ แต่เอกสารสิ่งของที่นำมาค้ำประกันเหล่านี้เป็นสมบัติติดตัวของนายหญิงเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ?” หลินซีเหยียนถึงกับพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่าเขาจะเอาสิ่งของที่แต่เดิมควรจะเป็นของนางนำมาใช้หนี้นาง
“ข้าเคยได้ยินมาก่อนว่านายท่านกับนายหญิงอวี้นั้นต่างก็ใช้จ่ายด้วยทรัพย์สินของนายหญิง ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อแต่ตอนนี้ข้าคงต้องเชื่อแล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเหลือให้คุณหนูบ้างตอนคุณหนูแต่งงาน”
ป้าจ้าวสงสารหลินซีเหยียนมากขึ้น แต่ก่อนนางนั้นคิดว่าหลินซีเหยียนคงจะไม่เจ็บปวดมากแม้จะเสียแม่ตั้งแต่เยาว์วัย แต่นางคิดผิดในเวลานี้แม้แต่สมบัติที่เป็นของแม่ นางเองก็ยังไม่มีติดตัวเลย
“ไม่ต้องกังวลนะป้าจ้าว ข้าจะทวงสิ่งที่เป็นข้าวของท่านแม่กลับมาให้หมด” หลินซีเหยียนได้หลบสายตาลงต่ำ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จท่ามกลางบรรยากาศที่หดหู่ หลินซีเหยียนที่ตอนแรกว่างที่จะไปที่หอคว้าจันทร์ แต่แผนของนางก็ต้องหยุดชะงัก
“ค...คุณหนูขอรับ มีจดหมายส่งมาจากตระกูลเจิ้นกว๋อขอรับ” คนเฝ้าประตูกล่าวอย่างสั่นกลัว ราวกับกลัวว่า หลินซีเหยียนจะกินเขา
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าว “วางเอาไว้!”
แล้วคนเฝ้าประตูก็ได้ขออนุญาตและวางจดหมายแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที หลินซีเหยียนก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าถ้าขี้กลัวขนาดนี้จะทำงานได้เหรอเนี่ย?
จิ่งชุนก็ได้ส่งจดหมายให้กับหลินซีเหยียน หลินซีเหยียนก็เปิดขึ้นมาอ่านข้อความข้างใน: ปู่ของเจ้าป่วยหนัก ข้าหวังว่าเจ้าจะมาที่จวนเจิ้นกว๋อเพื่อมาเยี่ยม
หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มขึ้นมา “ท่านตาก็เคลื่อนไหวรวดเร็วดีจริงๆ”