บทที่ 43 ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
บทที่ 43
ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
“เสื้อผ้าของท่านสาวใช้เป็นคนถอดเองเจ้าค่ะ”
คำตอบของสาวใช้นั้นทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกโล่งอกขึ้นมา ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่พวกอนุรักษนิยมก็ตามที แต่นางก็ยังไม่ยอมรับการเปลื้องผ้าให้คนอื่นเห็นอยู่ดี
ในเวลานี้หลินซีเหยียนคงจะลืมไปแล้วว่านางเองก็เคยเห็นเจียงหวายเย่ตัวเปลือยเปล่าหลายหนแล้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เป็นคนถอดเองและใช้ให้คนอื่นถอดให้ก็เถอะ
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินซีเหยียนที่โล่งอกแล้ว สาวใช้ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาว่า บาดแผลที่ไหล่ขององค์หญิงนั้นได้องค์ชายเป็นคนทายาให้
หลินซีเหยียนก็ได้บีบจมูกของนางแล้วกลั้นใจดื่มยาจีนขมๆลงไป ถึงแม้ว่านางมักจะจ่ายยาตัวนี้ให้คนอื่นบ่อยๆก็เถอะ แต่นางก็ยังไม่ชอบมันอยู่ดี
“เหยียนเอ๋อ เจ้าฟื้นแล้ว” เจียงหวายเย่มาหาที่ห้องทันทีที่ได้ทราบข่าวจากคนรับใช้ของเขา
หลินซีเหยียนก็ผงกหัวแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “องค์ชายเย่ ข้าอยากจะเตือนท่านว่าร่างกายนั้นเป็นของตัวท่านเอง ท่านควรที่จะรักตัวเองด้วย”
เจียงหวายเย่ผงกหัวและเผยรอยยิ้มออกมา “ขอบคุณที่เจ้าเป็นห่วง”
หลินซีเหยียนก็ได้กระแอมออกมาแก้เขิน แล้วนางก็นึกได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นก่อนที่นางจะออกจากจวนมหาเสนาบดี แล้วจากนั้นนางก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่แล้วถาม “ในวันนี้ท่านพอจะได้ข่าวเรื่องของในจวนมหาเสนาบดีบ้างหรือไม่?”
“ไม่เลย” เจียงหวายเย่ตอบ
หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดอย่างสงสัย “เป็นไม่ได้ ยาของข้าแรงขนาดนั้น มันจะต้องมีอะไรแน่ๆถึงได้ไม่มีข่าวออกมา!”
มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่นางไม่รู้แน่ ดูเหมือนว่านางจะต้องกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีเพื่อไปสืบดูเสียแล้ว
“ท่านแม่” ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังคิดที่จะกลับ เสียงของเทียนเอ๋อก็ได้ตะโกนเข้ามา
“ท่านแม่ได้รับบาดเจ็บ ใครกันที่บังอาจทำร้ายท่านแม่ บอกข้ามาข้าจะไปล้างแค้นให้ท่านเอง” เทียนเอ๋อกวัดแกว่งหมัดเล็กๆของเขาด้วยสีหน้าที่โกรธจัด
“ไม่ได้เด็ดขาด” หลินซีเหยียนห้ามเขา “คนที่ทำร้ายแม่นั้นเขาไม่ได้ตั้งใจ”
เทียนเอ๋อก็ได้ทำปากจู๋อย่างไม่พอใจ หลินซีเหยียนจึงได้รีบเปลี่ยนเรื่อง “แล้วในช่วงที่ผ่านมานี้เจ้าได้แอบหนีออกจากพระราชวังสร้างปัญหาให้แม่หรือเปล่า?”
หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ เทียนเอ๋อก็ได้กะพริบตาแล้วกล่าว “ท่านแม่ ช่วงนี้เทียนเอ๋อเป็นเด็กดีมากเลยนะขอรับ ไม่เพียงแต่จะตั้งใจฝึกวรยุทธ์กับท่านอาจารย์แล้ว แต่ยังเรียนเรื่องการซ่อนตัวจากลุงอันเอ้อด้วย”
ซ่อนตัวอยู่ในความมืด อันเอ้อถึงกับปาดเหงื่อที่หน้าผาก หลายวันมานี้ทักษะการหลบซ่อนตัวของนายน้อยนั้นดีมากขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าสักวันเขาจะไม่สามารถห้ามไม่ให้นายน้อยหนีออกจากพระราชวังได้แน่ๆ
“เป็นเด็กดีก็ดีแล้ว แม่ยังมีธุระต้องรีบไปทำ แม่ขอตัวกลับก่อนนะ” หลินซีเหยียนใส่เสื้อผ้าของนางแล้วเตรียมตัวกลับ จวนมหาเสนาบดี แต่นางก็ถูกห้ามเสียก่อน
“ตอนนี้มันดึกแล้ว เจ้ากลับไปคนเดียวไปปลอดภัย ข้าจะไปส่งเอง” เจียงหวายเย่พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นไร้ความลังเล
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่ตาตัวเองลงแล้วกล่าวพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ “องค์ชายกังวลมากไปแล้ว หากคนไม่ดีมาเจอกับข้า พวกเขาต่างหากที่จะไม่ปลอดภัยน่ะ”
เจียงหวายเย่ผงกหัว “ดังนั้นเพื่อชีวิตที่มีค่าของคนไม่ดีพวกนั้นแล้ว ข้าไปส่งเจ้าจะดีที่สุด”
หลินซีเหยียนที่ไม่รู้จะพูดยังไง ก็ได้ยอมตกลงแต่โดยดี
แต่แล้วรถม้าของพระราชวังรัตติกาลนั้นค่อนข้างโดดเด่นมาก และเวลานี้ยังไม่มืดค่ำมากด้วย ดังนั้นยังพอมีคนสัญจรไปมาบนถนนอยู่ จึงไม่อาจขัดขวางการนินทาของผู้คนได้
“องค์ชายเย่นั้นเหมือนจะหลงรักแม่นางหลินมากจริงๆนะ”
“นั่นสิ ไม่รู้ว่าแม่นางหลินไปโชคดีมาจากไหน องค์ชายเย่นั้นไม่อยากมีลูกจะตายไป”
คุณป้าชุดสีเขียวก็กำลังก้มหัวคุยกับคุณป้าที่กำลังก้มหัวอีกคนแล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ “นี่เจ้าเบาเสียงลงหน่อยสิ”
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะพูดกันด้วยเสียงที่เบาลงแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงเข้ามาในรถม้าอยู่ดี
ถ้าความรักเปรียบเหมือนกับผักกาดของหมูแล้ว หลินซีเหยียนก็คงจะเป็นเหมือนกับหมูในสายตาของคนอื่น ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาหน่อยๆ
“อย่าเก็บไปใส่ใจเลย” เจียงหวายเย่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
หลินซีเหยียนรู้สึกได้ว่าแก้มของนางนั้นร้อนผ่าวราวกับไฟหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น บ้าจริงเราจะต้องไม่คิดกับ เจียงหวายเย่ในสิ่งที่ไม่ควรคิดสิ! แล้วนางก็รีบทิ้งความคิดนั้นไปทันที
กลับมาถึงจวนมหาเสนาบดี เจียงหวายเย่นั้นก็ยังไม่ได้กลับออกไปทันที แต่ได้ตามหลินซีเหยียนมาจนถึงเรือน เชียนเหยียน
เดิมทีนางคิ้วว่าเขาคงมาส่งนางถึงแค่หน้าเรือน เชียนเหยียน แต่เจียงหวายเย่กลับไม่มีทีท่าจะหยุดอยู่แค่นั้น หรือว่าจะมาส่งนางถึงประตูห้อง? หลินซีเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “องค์ชายยังมีธุระอะไรอีกอย่างนั้นเหรอเจ้าคะ?”
เจียงหวายเย่ก็ได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วถาม “คืนนี้ในจวนมหาเสนาบดีนั้นจะมีการแสดงดีๆให้ได้ชม เปิ่นหวางเกรงว่าเจ้าอาจจะรับมือไม่ไหวก็ได้”
เดี๋ยวจะมีการแสดงดีๆอะไรอย่างนั้นเหรอ? หลินซีเหยียนพยายามคาดเดา แต่ถึงแม้นางจะคิดไม่ออก แต่นางก็ได้รู้เรื่องนี้เมื่อเดินทางมาถึงเรือนเชียนเหยียน
นางพบหลินเสวี่ยเหยียนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นของเรือนเชียนเหยียน ข้างๆนางก็มีไอ้สารเลวที่ปีนหน้าต่างเข้ามาเมื่อคืนด้วย
แล้วหลินซีเหยียนก็มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันที ก่อนที่จะกลับคืนสู่สีหน้าปกติ “มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอท่านมหาเสนาบดีถึงได้มาหาข้าถึงเรือนเชียนเหยียน?”
“หลินซีเหยียน เจ้าทำอะไรผิดเอาไว้ไม่รู้หรือยังไง?” มหาเสนาบดีหลินถามขึ้นมาโดยไม่ตอบคำถามของหลินซีเหยียน
“ข้าจำไม่ได้หรอกว่าข้าทำอะไรผิดเอาไว้” หลินซีเหยียนยักคิ้วขึ้นมาและตอบคำถามไปอย่างตรงๆ
“เจ้ามันลูกอกตัญญู ทำให้พี่สาวของตัวเองต้องแท้งลูก เมื่อคืนเจ้าก็ส่งผู้ชายเข้าไปในห้องของน้องสาวตัวเองอีก ความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ข้าคงเอาเจ้าไว้ในจวนมหาเสนาบดีไม่ได้แล้ว” มหาเสนาบดีหลินได้หันหลังให้หลังจากที่พูดจบ
หลินซีเหยียนยังสงบนิ่งเหมือนเคย แม้แต่รอยยิ้มที่สดใสของนางก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง ดูเหมือนว่าเรื่องของหลินเสวี่ยเหยียนนั้นจะถูกมหาเสนาบดีหลินปิดข่าวเอาไว้
“ท่านมหาเสนาบดีไม่คิดจะให้โอกาสได้อธิบายบ้างเลยเหรอ?”
เสียงที่เย็นชาดังขึ้นมาจากข้างหลังหลินซีเหยียน และเจียงหวายเย่ก็ได้ปรากฏตัวออกมาอย่างช้าๆ
“องค์ชายนี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวมหาเสนาบดีของข้าน้อย หวังว่าองค์ชายจะไม่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้ พ่ะย่ะค่ะ” ดูเหมือนคราวนี้มหาเสนาบดีหลินจะมุ่งมั่นมาก และไม่ไว้หน้าแม้แต่องค์ชายเย่
เจียงหวายเย่เองก็ดูเหมือนจะไม่พอใจมากกับข้อโต้แย้งของมหาเสนาบดีหลิน และได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชามากขึ้นไปอีก “เหยียนเอ๋อนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นลูกสาวฮูหยินใหญ่ของจวนมหาเสนาบดี แต่ยังเป็นว่าที่องค์หญิงของพระราชวังรัตติกาลด้วย แต่เจ้ากลับบอกว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเปิ่นหวางอย่างนั้นเหรอ?”
มหาเสนาบดีหลินตาเหลือก เขาไม่เคยเห็นองค์ชายเย่โมโหเช่นนี้มาก่อนนับตั้งแต่องค์ชายเย่พิการ
หลินเสวี่ยเหยียนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นนั้นไม่ยอมตกใจอยู่เฉยๆ นางได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างไม่พอใจแล้วกล่าว “องค์ชายเย่เพคะ ท่านเป็นถึงองค์ชายเชื้อพระวงศ์ แต่กลับตาต่ำไปหลงรักนังร่านที่หนีตามผู้ชายไปจนท้องก่อนแต่ง ท่านไม่รู้สึกถึงความอับอายบนใบหน้าของท่านบ้างเลยเหรอเพคะ?”
หลินซีเหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางนั้นไม่ได้หายไป แต่ก็แฝงไปด้วยความกระหายเลือด แต่ก่อนที่นางจะได้ลงมือทำอะไร ก็มีคนที่ลงมือให้นางโดยไม่รีรอ
เจียงหวายเย่ที่ถือแส้ยาวในมือแล้วจากนั้นก็สะบัดลงไปที่หลินเสวี่ยเหยียน กระหน่ำฟาดไปอย่างต่อเนื่อง และมองดูผิวหนังของหลินเสวี่ยเหยียนเปิดและเป็นรอยแผล แต่ เจียงหวายเย่ก็ยังฟาดต่อโดยไม่กะพริบตา
เห็นลูกสาวของตัวเองถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ มหาเสนาบดีหลินก็รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก เขาก็ได้มองไปที่ เจียงหวายเย่แล้วกล่าว “ได้โปรดหยุดก่อนองค์ชายเย่ อย่างไรเสียนางก็เป็นบุตรีของผู้น้อย ท่านไม่มีสิทธิ์ไปลงโทษนาง พ่ะย่ะค่ะ”
เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวอย่างประชดประชัน “ลูกสาวตัวดีของเจ้าบังอาจถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับองค์ฮ่องเต้”
หลินเสวี่ยเหยียนที่ยังหายใจอยู่ ก็ได้เงยหัวของนางขึ้นมาอย่างดื้อด้านแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วจากนั้นก็อ้วกออกมาเป็นเลือดแล้วสลบไป
“องค์ชายเย่ ท่านช่วยอธิบายให้ข้าฟังชัดๆได้ไหม? ถ้าวันนี้ไม่อธิบายให้ชัดเจนล่ะก็ ข้าจะไม่ยอมง่ายๆแน่ พ่ะย่ะค่ะ”