บทที่ 41 นับถือเป็นพี่น้อง
บทที่ 41
นับถือเป็นพี่น้อง
เยี่ยจุนเจี๋ยเข้าใจได้ในทันทีว่าหลินอวิ๋นเซวียนนั้นกำลังช่วยปู่ของเขาอยู่ แต่เขากลับ......
“อวิ๋นเซวียน สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ข้าผิดไปแล้ว ขอให้เจ้ารับการคุกเข่าขอขมาจากข้าด้วย” เยี่ยจุนเจี๋ยนั้นคิดหนทางอื่นไม่ออกว่าจะแสดงความจริงใจของเขาเช่นไรดี
หลินซีเหยียนก็สายตาเบิกกว้าง เขาคิดจะคุกเข่าคำนับงั้นเหรอ? กับลูกพี่ลูกน้องตัวเองเนี่ยนะ? ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด
“ข้ายอมรับการขอโทษจากท่านแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอขมาหรอก” หลินซีเหยียนก็ได้เผยรอยยิ้มที่นางคิดว่ายอดเยี่ยมที่สุดแล้วออกมา
เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้ประคองชายชรานอนลง แล้วจากนั้นเขาก็ได้ลงไปคุกเข่าที่พื้น
หลินซีเหยียนจึงได้รีบลงไปประคอง ถ้าเกิดนางยอมรับการก้มหัวจากเขาเช่นนี้ล่ะก็ ชีวิตนางคงได้สั้นลงไปเท่าไรก็ไม่รู้?
“อวิ๋นเซวียน เจ้าจะไม่ยอมยกโทษให้พี่ชายคนนี้จริงๆเหรอ?” เยี่ยจุนเจี๋ย
“พี่เยี่ย ท่านไม่ต้องทำเช่นนั้นก็ได้ ข้ายกโทษให้ท่านแล้วจริงๆ” หลินซีเหยียนรู้สึกกระวนกระวายอย่างมากจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“เจ้าเด็กบ้า ข้าสอนเจ้าไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าใต้เข่าของลูกผู้ชายมันมีค่าดั่งทองน่ะ ไปคุกเข่าพร่ำเพรื่อได้อย่างไร?” ชายชราที่ตื่นขึ้นมาเมื่อไรไม่รู้พูดขึ้นมา
เยี่ยจุนเจี๋ยจึงได้รีบรุกขึ้นยืน “แต่ท่านปู่”
“หุบปาก ข้าได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว” ถ้าแม้ว่าเขาจะอาการหนักมาก แต่เขาก็ยังได้ยินและรับรู้ถึงสิ่งที่หลานชายของเขาได้ทำลงไป
ถึงแม้จะไม่รู้ที่มาของเขา แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่นักที่จะก้มหัวให้กับเจ้าหนูที่มีความสามารถในการรักษาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ดังนั้นหากทั้งสองคนสนิทกันได้ก็เป็นเรื่องดี
หลินซีเหยียนมองดูดวงตาที่กลอกไปมาของชายชราจากไกลๆแล้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้พบกับเขามานานมากแล้วก็ตาม แต่หลินซีเหยียนก็พอจะรู้ว่าชายชรานั้นกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่
“เจ้าหนูมานี่ซิ” ชายชราอ้วกออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง แต่สีหน้าของเขากลับมีสีเลือดมากขึ้นแล้วและปราศจากซึ่งความอ่อนแอเหมือนเมื่อสักครู่ และดูมีความมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย
หลินซีเหยียนที่เห็นเขาเป็นเหมือนกับผู้อาวุโสของนางจากในก้นบึ้งของหัวใจนั้น ก็ได้เดินไปหาเขาอย่างเชื่อฟัง
แล้วชายชราก็ได้มองไปที่เจ้าหนูคนนั้นด้วยสีหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจ “เป็นลูกผู้ชาย แต่ทำไมทำตัวอ้อยอิ่งนัก”
หลินซีเหยียนก็ได้บุ้ยปากของนางแล้วบ่นในใจ: เดิมทีข้าก็ไม่ใช่ผู้ชายอยู่แล้ว แต่พูดก็พูดเถอะนิสัยเช่นนี้น่าจะได้มาจากฝั่งพ่อด้วยซ้ำ
นางถอนหายใจออกมา นางเองก็มีศักดิ์ศรีของการเป็นหมอผีอยู่ ไม่ว่าใครต่างก็เกรงใจนางไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ไม่คิดว่าวันหนึ่งนางจะต้องมาถูกทำเช่นนี้
“เจ้าหนู มานี่เร็วเข้าสิ มาดูสิว่ายังมีหนอนในร่างกายข้าอีกไหม?” ชายชรากล่าวแล้วก็ยื่นแขนของเขาออกไป ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
หลินซีเหยียนก็ผงกหัวแล้วเริ่มทำการตรวจชีพจรอย่างตั้งใจ ถึงแม้ว่าการมีหนอนพิษในร่างกายเช่นนี้จะไม่สามารถตรวจหาได้ก็ตามที แต่มันก็สามารถทำให้ชายชรารู้สึกเบาใจขึ้นมาได้
หนอนพิษมาจากสถานที่ห่างไกลแห่งหนึ่งทางตะวันตก และมีอยู่มากมายหลายชนิดที่นางเองก็ไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้ แต่โชคดีที่นางเคยเห็นหนอนพิษกัดกินหัวใจจากท่านอาจารย์มาก่อน นางจึงสามารถรู้ได้ทันที
เพียงอ้วกเอาเลือดนั้นออกมา ก็น่าจะไม่มีอาการร้ายแรงอะไรแล้ว แต่นางเองก็มีบางเรื่องที่สงสัยอยู่
“ผู้อาวุโสหนอนพิษเช่นนี้จะมีชีวิตรอดอยู่ในน้ำที่ขุ่นมากอย่างในกระแสเลือด ปกติจึงไม่น่าจะมีใครที่ดื่มอะไรเช่นนั้นจริงไหม?” หลินซีเหยียนปล่อยมือจากการจับชีพจรแล้วถาม
แล้วชายชราก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมาทันทีแล้วจ้องมาที่นาง “ข้าพอจะรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร เดิมทีข้าคิดว่าคงจะไม่รอดแน่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้ข้าจะกลับมีอาการดีขึ้นเช่นนี้ได้
หลังจากนั้นเขาก็ได้มองไปที่เยี่ยจุนเจี๋ย “เจี๋ยเอ๋อ ปิดข่าวเรื่องการหายดีของข้า อย่าให้คนนอกรู้เด็ดขาด”
ถึงแม้ว่าเขาจะยังสงสัยอยู่ แต่เยี่ยจุนเจี๋ยก็ผงกหัวอย่างเชื่อฟัง
หลินซีเหยียนพอจะเดาได้ 8 ส่วน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถบังคับให้ท่านแม่ทัพเฒ่าเจิ้นกว๋อดื่มอะไรที่น่าสงสัยเช่นนั้นได้ นั่นก็คือฮ่องเต้ผู้ที่อยู่เหนือทุกคนนั่นเอง ดูเหมือนว่าฮ่องเต้นั้นจะมีมาตรการที่จะไม่เก็บวีรชนที่จะเป็นภัยกับตัวเองเอาไว้
“นายท่าน เนื่องจากท่านนอนป่วยติดเตียงเป็นเวลานาน ท่านจำเป็นต้องดูแลร่างกายของตัวเองให้มาก ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว” หลินซีเหยียนเขียนใบสั่งยาให้กับเยี่ยจุนเจี๋ย
จากนั้นหลังจากที่นิ่งคิดอยู่สักพักนางก็ได้หยิบเอายาขวดหยกขาวออกมาแล้วส่งให้กลับชายชรา “นี่คือยาที่สามารถทำให้มีอาการเหมือนกับตายแล้วได้ แม้แต่ชีพจรก็จะตรวจไม่พบ แต่จะไร้ซึ่งอาการเจ็บป่วย”
แล้วชายชราก็ตาลุกวาวขึ้นมา และมั่นใจในความคิดของเขามากขึ้น เขาจะต้องได้ตัวคนที่มีความสามารถเช่นนี้มาให้ได้
“ข้าช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้ที่มาเจอกับท่าน เมื่อใดที่หมอผีลงมือจะไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆที่จะรักษาไม่หาย แต่ในคราวนี้กลับมีคนที่ข้ารักษาไม่ได้เสียแล้ว ชื่อเสียงของข้าถูกทำลายเสียแล้ว” หลินซีเหยียนถอนหายใจออกมา
“หมอผี?” แล้วรอยยิ้มก็ชายชราก็แจ่มใสมากขึ้นเรื่อยๆ และสายตาที่กระตือรือร้นของเขาก็ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
เขาต้องกำลังวางแผนอะไรอยู่แน่ๆ แต่ก่อนที่นางจะได้ถามอะไร ชายชราก็ได้รีบลงมือกับหลินซีเหยียนก่อน “ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าจะเป็นหลานชายบุญธรรมของข้า”
“ให้คนไปจัดการเตรียมเรื่องของการเตรียมพิธีการ” ถึงแม้ว่าในเวลานี้ชายชราจะผอมเป็นแท่งไม้ แต่บารมีของเขาก็ยังอยู่คงเดิม
หลินซีเหยียนที่ฝังเข็มอยู่ก็ได้แต่มองดู และจ้องทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้
แล้วนางก็ได้มองไปที่ชายชราด้วยสายตาที่แจ่มใส และหวังว่าเขาจะรู้สึกไม่พอใจนาง แต่แล้วนางก็พลาด
ด้วยเหตุนี้ หลินอวิ๋นเซวียนจึงได้กลายมาเป็นหลานชายของแม่ทัพเฒ่าเจิ้นกว๋อ......
หลังจากที่จัดการเรื่องต่างๆเรียบร้อยแล้ว เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้มาส่งหลินอวิ๋นเซวียนที่หน้าประตู “เจ้าอาศัยอยู่ที่ใดรึ น้องเซวียน?”
“ข้าอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งนัก ถ้าพี่เยี่ยต้องการที่จะพบกับข้า ก็มาที่หอคว้าจันทร์ที่อยู่ทางตะวันตกของเมือง” แล้ว หลินซีเหยียนก็เดินทางกลับอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วจากนั้นก็เดินไปยังจวนมหาเสนาบดีด้วยความสิ้นหวัง
ถึงแม้ว่าเขาจะโดนตาทำให้เสียชื่อเสียง แต่ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป แม้จะต้องข้ามกำแพงก็ตาม
ในขณะที่นางกำลังปีนไปกำแพงของจวนมหาเสนาบดี แต่ยังไม่ทันที่จะได้ข้ามกำแพงไป นางก็ต้องตกใจกับเสียงตะโกนด้วยความโกรธ แล้วนางก็ได้ตกลงไปที่พื้น
หลินซีเหยียนนั้นเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรง่ายๆ นางมองท้องฟ้าสีฟ้าและคิดว่าเป็นวันซวยของนางอะไรอย่างนี้ คราวหน้านางจะไม่ออกช่วงเวลานี้อีกแล้ว
“น้องชายตื่นๆ”
หลินซีเหยียนนั้นไม่รู้สึกถึงพื้นดินแข็งๆ นางจึงได้ลืมตาขึ้นมาอย่างสงสัยแล้วพบใบหน้าของซางกวนจิ่นผู้ที่นำพาหายนะมาให้ประเทศและผู้คน และในเวลานี้เขาก็กำลังถูกอุ้มโดยชายคนนี้
ซางกวนจิ่นก็ได้ยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นว่านางฟื้นขึ้นมาแล้ว “น้องชาย เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ท่านช่วยวางข้าลงด้วย” ปากของหลินซีเหยียนกระตุกเล็กน้อย
“โอ้ ได้เลย”ซางกวนจิ่นก็ได้รีบวางเขาลง แล้วจากนั้นก็พูดขึ้น “น้องชาย เจ้าช่างผอมบางอะไรอย่างนี้ ข้าว่าเจ้าควรจะทานให้มากกว่านี้สักหน่อยนะ”
หลินซีเหยียนก็ได้ฝืนยิ้มตอบกลับไป “แล้วไม่ทราบว่าท่านมาทำอะไรที่นี่?”
“ข้าก็มาทำอย่างที่เจ้าทำนั่นแหละ” ซางกวนจิ่นได้หยิบเอาบันไดพับที่เขาออกแบบออกมาแล้วยักคิ้วให้กับหลินซีเหยียน “ก็ต้องมาข้ามกำแพงเพื่อที่จะพบกับสาวงามน่ะสิ”
“พี่ชายช่างมีอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ” หลินซีเหยียนยิ้มตอบ
หากไม่สนใจเรื่องเพศแล้ว รอยยิ้มของหลินซีเหยียนนั้นก็ยังงดงามเสมอ แต่ริมฝีปากของนางนั้นซีดมาก
“เจ้ามาปีนกำแพงทั้งๆที่ยังป่วยอยู่งั้นเหรอ? เจ้านี่ช่างทุ่มเทจริงๆ” ซางกวนจิ่นกล่าวอย่างนับถือ “เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจจากข้า ข้าจะให้เจ้าขึ้นไปก่อนเลย”
หลินซีเหยียนก็ได้จับไหล่ที่บาดเจ็บของนาง ซึ่งอาการเจ็บปวดนั้นก็มากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าแม้นางจะพยายามเบี่ยงหลบแล้วแต่ก็ยังลดทอนแรงกระแทกไปได้ไม่มากนัก
“ความใจดีของพี่ชาย ข้าก็ขอไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
ด้วยการช่วยเหลือหลินซีเหยียนก็ได้ข้ามกำแพงมาอย่างง่ายดาย แล้วนางก็ได้หยิบเอาขวดยาสีเขียวออกมาแล้วเทของเหลวด้านในออกมา แล้วทันใดนั้นบันไดพับที่ซางกวนจินภาคภูมิใจก็ได้หายไปทันที