บทที่ 37 จ่ายเงินซื้อตำแหน่ง
บทที่ 37
จ่ายเงินซื้อตำแหน่ง
“ข้าไม่เชื่อท่านหรอก” หลินซีเหยียนพูดอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อเขา
แล้วดวงตาสีดำของเจียงหวายเย่ก็ได้แสดงอารมณ์ที่เหงาหงอยออกมา “ข้าอุตส่าห์มาอย่างเร่งรีบ และยังไม่ได้กินอะไรเลย ขอข้าอยู่กินร่วมกับเหยียนเอ๋อไม่ได้เหรอ?”
มีความจริงที่พูดไม่ได้มากมายที่ผู้คนมักพูดกันเป็นเรื่องตลก แต่คำพูดหวานๆเช่นนี้ใครได้ยินก็ว่าเป็นเรื่องตลก
หลินซีเหยียนก็ได้มองดูการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดของเจียงหวายเย่ แล้วก็มีความคิดหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัวของนาง หรือว่าเขารีบมาที่นี่ก็เพราะเขาต้องการมาช่วยนางอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วหลินซีเหยียนก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ นางจึงได้บอกให้จิ่งชุนเตรียมสำรับเพิ่ม
“แล้วเทียนเอ๋อล่ะ?”
ในเวลานี้เหลือแค่เพียงหลินซีเหยียนและเจียงหวายเย่ที่อยู่ในห้อง และบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความอ้ำอึ้งอยู่ชั่วขณะ
เจียงหวายเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “เทียนเอ๋อนั้นอยู่ในการดูแลของอันเอ้อ”
“มีแค่คนเดียวเองเหรอ?” หลินซีเหยียนคิ้วขมวด
เจียงหวายเย่นึกว่านางคงเป็นห่วงเทียนเอ๋อ จึงได้รีบอธิบาย “อันเอ้อนั้นเชี่ยวชาญมากในเรื่องของการซ่อนเร้นและใช้อาวุธลับ อีกทั้งวรยุทธ์ของเขาก็ไม่ธรรมดา เขาจะต้องปกป้องเทียนเอ๋อได้อย่างแน่นอน”
“องค์ชายคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ได้กังวลตรงนั้นหรอกเจ้าค่ะ” หลินซีเหยียนที่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกล่าว “เทียนเอ๋อนั้นเก่งเรื่องของการหลบหนีอย่างกับจักจั่นลอกคราบ ข้าจึงกลัวว่าเขาจะหลบหนีออกไปสร้างปัญหาน่ะเจ้าค่ะ”
เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัวจากประสบการณ์ของเขา ซึ่งเขาก็รับรู้อย่างเต็มที่ว่าเทียนเอ๋อนั้นมีความสามารถในการสร้างปัญหามากจริงๆ หลังจากที่มาอยู่ในพระราชวังได้แค่คืนเดียว ก็ไปก่อเรื่องที่สวนของเขาเสียแล้ว
เทียนเอ๋อไปเด็ดดอกไม้ต่างๆในสวนซะเหี้ยน ซึ่งมีบางดอกที่ทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี จึงได้มีคนมาหาเขามากมายเพื่อแจ้งเรื่องนี้ แต่ก็โชคยังดีที่ได้อันอี้จัดการเรื่องให้ทั้งหมดให้
“เหยียนเอ๋อไม่ต้องกังวล อันเอ้อเองก็เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เช่นกัน ตัวเราก็คิดไว้แล้วว่าคงไม่ดีแน่หากเทียนเอ๋อนั้นหลบหนีออกไปนอกพระราชวังได้” เจียงหวายเย่กล่าวอย่างคำนึงถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว
หลินซีเหยียนผงกหัว แล้วนางก็เริ่มรู้สึกถึงคำที่ เจียงหวายเย่ใช้เรียกนาง ในวันนั้นนางคิดว่าเขาล้อเล่นเสียอีกที่บอกจะเรียกนางว่าเหยียนเอ๋อ แต่นางนั้นยังอยากให้เขาเรียกนางแม่นางหลินมากกว่า แต่แล้วนางก็ต้องยอมหลังจากที่โต้แย้งไปหลายรอบแต่ไม่เป็นผล
แล้วพอทั้งสองคนที่เริ่มจะหมดเรื่องพูดคุยกันแล้ว หลินซีเหยียนก็พลันนึกถึงเรื่องที่นางเคยขอเจียงหวายเย่เอาไว้ได้ “ท่านพอจะพบเบาะแสเรื่องของการเลื่อนขั้นของมหาเสนาบดีบ้างไหม?”
เจียงหวายเย่ผงกหัวแล้วมองดูสีหน้าที่ร้อนรนของ หลินซีเหยียน แล้วเขาก็พูดอย่างช้าๆ “มากินกันก่อนเถอะ!”
เดิมทีหลินซีเหยียนนั้นไม่เห็นด้วย แต่นางถือคติว่ารู้เร็วก็จะเตรียมตัวได้เร็วเสมอ แต่พอจิ่งชุนยกอาหารมา ท้องของนางก็ได้ร้องขึ้น
เจียงหวายเย่จึงได้มองมา แล้วก็ยิ้มให้อย่างเงียบๆ แล้วสองคนก็เริ่มกินอาหารกันอย่างเงียบๆ
ในอาหารมื้อนี้มีข้าวต้มที่เรียกว่าข้าวต้มเม็ดบัวฝูหรง แต่ดูเหมือนว่าเจียงหวายเย่นั้นจะไม่กินเม็ดบัว ดังนั้นเขาจึงได้พยายามเขี่ยเม็ดบัวออกอย่างตั้งใจ
แล้วเจียงหวายเย่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมาของ หลินซีเหยียนแล้วก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง “เปิ่นหวางไม่สามารถกินเม็ดบัวได้ ไม่อย่างนั้นผื่นมันจะขึ้น เป็นโรคที่รักษาไม่หายและจะส่งต่อไปยังรุ่นต่อรุ่นด้วย”
หลินซีเหยียนผงกหัวและคิดว่าองค์ชายคงจะแพ้เม็ดบัวนี่เอง
เมื่ออาหารมื้อนี้จบลง หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่ เจียงหวายเย่ และเฝ้ารอให้เขาตอบคำถามของนาง
เจียงหวายเย่ก็รู้สึกว่าตัวนางที่ร้อนรนเช่นนี้ดูน่ารักนัก เขาก็ได้ยิ้มขึ้นมาแล้วกล่าว “ดูเหมือนว่ามหาเสนาบดีหลินนั้นจะใช้เงินซื้อตำแหน่งมาน่ะ”
ดูเหมือนว่าเบาะแสนี้จะทำให้นางคาดไม่ถึง “ตำแหน่งที่สูงอย่างมหาเสนาบดีนั้นสามารถซื้อได้ด้วยเหรอเจ้าคะ?”
“เดิมทีมหาเสนาบดีหลินนั้นเป็นเพียงขุนนางเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จัก เขานั้นได้รู้จักกับแม่ของเจ้าโดยบังเอิญ ซึ่งต่อมาเขาก็ทราบว่าแม่ทัพเจิ้นกว๋อนั้นรักลูกสาวคนนี้มาก เขาได้พยายามอย่างมากเพื่อที่จะเอาใจแม่นางเยี่ยจนกระทั่งได้แต่งงานกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าแม่ของเจ้านั้นมีขบวนแต่งงานที่ยาวถึง 10 ลี้น่ะ?” นี่เป็นครั้งแรกของเจียงหวายเย่ที่เล่าเรื่องให้คนอื่นฟังอย่างตั้งใจเช่นนี้
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วตอบ “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง”
“มหาเสนาบดีหลินนั้น โดยลับหลังแม่ของเจ้า เขาได้ใช้ทรัพย์สินติดตัวของนางไปติดสินบนผู้บังคับบัญชาของเขาและสร้างเส้นสาย ทำให้เขาได้รับการเลื่อนขั้นเรื่อยๆ” เจียงหวายเย่กล่าว
หลินซีเหยียนก็ยิ้มอย่างเย้ยหยัน แล้วจากนั้นก็พูดออกมาอย่างสาบาน “ดูเหมือนว่าแค่ 3,000 ตำลึงทองมันจะยังน้อยไปจริงๆ หากข้าได้แต่งงานกับท่าน ท่านจะช่วยข้าเอาทรัพย์สินของท่านแม่ข้ากลับมาใช่ไหม?”
แล้วตาของเจียงหวายเย่ก็ได้ฉายแววขึ้นมาแล้วผงกหัวอย่างหนักแน่น
หลินซีเหยียนก็รู้สึกตัวได้ถึงสิ่งที่นางพูดและรู้สึกพูดอะไรไม่ออกอย่างมาก และเอาแต่พูดด่าว่าตัวเองในใจ เมื่อถึงเวลานั้นนางจะต้องหนีให้ได้ นางนั้นไม่อยากที่จะแต่งงานกับคนที่นางไม่ได้ชอบเด็ดขาด
แล้วเจียงหวายเย่ที่พูดเรื่องที่ต้องการจะพูดหมดแล้วก็ได้เตรียมตัวที่จะกลับพระราชวัง
หลินซีเหยียนก็ได้ดึงแขนเสื้อของเขาแล้วกล่าว “เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ”
หลังจากที่พูดจบนางก็ได้หยิบเอาขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วกล่าว “นี่เป็นยาของท่านที่จะทำให้ท่านสามารถยืนขึ้นได้ชั่วคราวที่ข้าปรับปรุงขึ้นมาใหม่ ทำให้ผลข้างเคียงของมันลดลงไปบ้างรับไปเสีย!”
เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัวแล้วตาของเขาก็ได้เผยแววที่สนใจออกมา ก่อนหน้านี้เขานั้นได้ทุ่มไปทั้งทรัพยากรคนและสมุนไพรไปเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็ปรับปรุงยานี้ล้มเหลว แต่ทว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขานี้กลับสามารถทำได้
แล้วหลินซีเหยียนก็เตือนด้วยความเป็นห่วง “ถึงแม้ว่าข้าลดผลข้างเคียงของมันลงไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีตัวยาที่เป็นพิษถึงสามส่วน ดังนั้นท่านอย่าใช้ยานี้พร่ำเพรื่อไม่อย่างนั้นอาการปวดที่ขาของท่านจะกำเริบขึ้นมา”
เมื่อรู้สึกได้ถึงความห่วงใย สีหน้าที่เย็นชาของ เจียงหวายเย่ก็ได้อ่อนโยนลงมามาก
หลังจากที่นางมองส่งองค์ชายเย่ที่จากไปแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้นมา “เราไปดูที่บ้านกว๋อกงจิ่งหยางสักหน่อยจะดีกว่า”
ก่อนหน้านี้นางได้ส่งจดหมายผ่านพิราบสื่อสารไปแล้วว่านางจะไปในวันนี้ ดังนั้นนางจึงได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและเปลี่ยนใบหน้าของนาง และเตรียมที่จะออกจากบ้าน
ซึ่งในขณะที่นางกำลังหลบเลี่ยงและเตรียมที่จะกระโดดข้ามกำแพง นางก็ได้ยินเสียงเบาๆดังขึ้นมา ซึ่งทำให้หลินซีเหยียนได้กลิ่นของการนินทา
แล้วนางก็ได้เดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆ
“ข้าจะพยายามส่งเจ้าไปที่เรือนเชียนเหยียน แล้วจำเอาไว้ว่าเจ้าจะต้องพยายามใส่พิษนี้ลงไปทีละนิดนะ เข้าใจไหม?” มีเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยขึ้นมา ซึ่งเป็นสาวใช้คนสนิทของหลินหัวเยว่นั่นเอง
แล้วก็มีเสียงของเด็กสาวที่ตอบกลับมาอย่างทันที “จำได้เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไม่ทำให้คุณหนูผิดหวังแน่นอน”
หลินซีเหยียนส่ายหัวของนาง ดูเหมือนว่าตอนนี้นางคงจะยังออกไปไม่ได้เสียแล้ว และนางก็ได้ปล่อยมือที่เกาะกำแพงออกอย่างเงียบๆ แล้วก็หันหลังให้กำแพงแล้วเดินกลับไปที่เรือนเพื่อรอชมอะไรสนุกๆ
“คุณหนูรองอยู่ไหมเจ้าคะ?” คนที่มานั้นสุภาพมาก แต่เมื่อนึกถึงแผนการร้ายของพวกนางแล้ว นางก็รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาในใจของนาง คิดที่จะวางยาพิษหมอผีอย่างนั้นเหรอ? มันยังเร็วไป 100 ปี แต่นางก็สงสัยมากกว่าพิษนั้นคืออะไรกันแน่
“คุณหนูอยู่ข้างใน เจ้ามาหาคุณหนูทำไม?” จิ่งชุนไม่อนุญาตให้สาวใช้คนนั้นเขามาได้ง่ายๆ
“ข้าคือสาวใช้ที่เพิ่งถูกซื้อมาให้เจ้าค่ะ แต่ละเรือนจะได้สาวใช้เพิ่มเรือนละคนเจ้าค่ะ และข้าก็ถูกส่งมาที่เรือน เชียนเหยียนเจ้าค่ะ” สาวใช้คนนี้ดูสุภาพมาก ถ้าหลินซีเหยียนไม่บังเอิญได้ยินเสียก่อน นางก็คงจะหลงเชื่อไปแล้ว
“ว่ายังไงดีเจ้าคะ คุณหนู?” จิ่งชุนนั้นไม่กล้าที่จะตัดสินใจโดยพลการ นางจึงได้เดินมาที่หน้าห้องของหลินซีเหยียน แล้วแจ้งให้หลินซีเหยียนนั้นได้รับรู้เรื่องของข้างนอกห้อง
แล้วจิ่งชุนก็ได้ถามนางว่าจะให้นางอยู่ได้หรือไม่ ซึ่ง หลินซีเหยียนก็ได้ตอบตกลง
การตอบกลับมาทันทีเช่นนี้ทำให้สาวใช้คนนี้ที่เตรียมคำพูดโน้มน้าวมาไร้ประโยชน์ไปเลย แล้วนางก็ได้เตรียมที่จะออกไป “ในเมื่อคุณหนูตอบตกลงแล้ว ข้าน้อยก็ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
แล้วหลินซีเหยียนผงกหัวอย่างอ่อนโยนและงดงาม
เมื่อสาวใช้ได้ออกไปแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้เรียกให้จิ่งชุนเข้ามาหานางในห้อง
“มีอะไรเหรอเจ้าคะ คุณหนู?” จิ่งชุนถามอย่างสงสัยเมื่อนางเห็นการแต่งตัวของนาง
“ข้าจะพูดเรื่องนี้ทีหลัง เจ้าช่วยกันให้คนใหม่ทำงานที่หนักๆหน่อย และอย่าให้นางได้แตะต้องอาหารของพวกเราเด็ดขาด” หลินซีเหยียนได้ออกคำสั่งอย่างเข้มงวด