บทที่ 35 หนังสือสัญญา
บทที่ 35
หนังสือสัญญา
“เจ้าอย่าได้ไปเชื่อคำพูดของคนเจตนาไม่ดีสิ พวกนั้นมันหวังทำลายความสัมพันธ์ของเรานะ” ฮูหยินอวี้พูดสาบานในความจริงใจของนาง
แต่เพื่อที่จะมานั่งในตำแหน่งนี้ได้ คนอย่างนางจะมีความรู้สึกจริงใจเช่นนั้นได้อย่างไร?
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาลงแล้วกล่าว “จะว่าไปช่วงนี้ข้าเองก็ฝันถึงแม่นมจางด้วยนะ นางบอกว่านางคิดถึงฮูหยินอวี้”
“แม่นมจางน่ะเป็นพวกขี้เกียจ นางรีบร้อนกลับไปบ้านเกิดตั้งนานแล้ว ทำไมลูกรองถึงฝันถึงนางได้ล่ะ?” ฮูหยินฉินชวงถามหลังจากที่นึกได้
“ซีเหยียน แม่สามพูดถูกแล้ว ทำไมเจ้าถึงฝันถึงนางได้เหรอ?” ฮูหยินอวี้กล่าวโดยริมฝีปากกระตุกและสีหน้าซีดๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าได้ยินมาว่านางนั้นตายไปเมื่อสามปีก่อนแล้ว”
“นั่นสินะ บางทีอาจเป็นเพราะข้ากับนางเคยอยู่เรือนเดียวกัน เลยทำให้ข้านึกถึงนางก็ได้!” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยสีหน้านิ่งๆ
คำอธิบายนี้มีเหตุผลอยู่ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าแม่นมจางนั้นเป็นผู้ที่ดูแลเรือนเชียนเหยียน
“บางทีอาจเป็นเพราะแม่นมจางได้ทำอะไรร้ายๆกับเจ้าไว้มากมาย เลยทำให้เจ้านึกถึงนางก็ได้ แม่นางอวี้กล่าว
หลินซีเหยียนผงกหัว นางนั้นไม่คิดเล่าให้ฮูหยินอวี้ฟังว่าจริงๆแล้วแม่นมจางนั้นได้หลบหนีการตามล่าของฮูหยินอวี้แต่ก็ไม่ตาย และนางก็ได้บอกเรื่องทุกอย่างที่นางรู้ให้ฟัง
ซึ่งแม่นมจางได้เล่าว่า “จริงๆแล้วฮูหยินอวี้นั้นได้สั่งให้ข้าทำลายชีวิตของคุณหนูรอง แล้วนางก็จะส่งคุณหนูรองที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ขายให้กับหอนางโลม” แม่นมจางกล่าว
เมื่อนึกถึงเรื่องที่แม่นมจางกล่าวแล้ว สายตาของ หลินซีเหยียนก็ได้ดำมืดขึ้นมา
ท่านมหาเสนาบดีที่เห็นว่าบทสนทนานี้ค่อนข้างจะออกทะเลแล้ว เขาจึงได้ทำเป็นกระแอมเพื่อฮูหยินอวี้กลับเข้าเรื่อง
ฮูหยินอวี้ที่ได้ยินก็ได้มีแววตาคำนวณขึ้นมาในดวงตาของนาง นางได้จับตะเกียบแล้วคีบอาหารที่น่าอร่อยให้กับ หลินซีเหยียนแล้วจากนั้นก็กล่าวอย่างเป็นนัยๆ “ข้าอยากให้เจ้าช่วยยกโทษให้น้องชายของเจ้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันด้วย
หลินซีเหยียนที่ไม่ได้ขยับตะเกียบของนางเลยก็กล่าว “ข้าไม่คิดจะโทษเขาหรอก”
ฮูหยินอวี้ก็มีสายตาตื่นเต้นขึ้นมาแล้วกล่าว “ดีแล้ว”
แล้วสีหน้าที่บึ้งตึงของมหาเสนาบดีก็ได้ผ่อนคลายลงมา คำพูดเหล่านี้ทำให้เขาเมินเฉยต่อความหยาบคายของ หลินซีเหยียนเมื่อสักครู่ เขาลูบหนวดของเขาแล้วพูดด้วยเสียงที่ค่อยๆ “มันจะเป็นการดีกว่าหากว่าเข้าใจและให้อภัยกันได้ ในเมื่อเจ้าให้อภัยเฉิงอวี้แล้ว เราก็มาตกลงเรื่องของ 3,000 ตำลึงทองกันใหม่เถอะนะ!”
ที่แท้ก็จะหาเรื่องไม่จ่าย 3,000 ตำลึงทองนี่เอง หลินซีเหยียนหรี่สายตาของนางลง และยกมุมปากของนางเป็นรอยโค้งที่สวยงามขึ้นมา "แต่ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าข้าจะยกโทษให้หลินเฉิงอวี้”
มหาเสนาบดีหลินที่พยายามทำดีกับหลินซีเหยียน ก็ได้ตาเบิกกว้างขึ้นมาทันที หนวดของเขากระตุกขึ้นลงแล้วกล่าว “ลูกทรพี เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าเจ้าเองก็เป็นลูกของข้า ทำไมเจ้าถึงได้บังคับให้พ่อของเจ้าต้องเป็นหนี้เช่นนี้”
“ท่านมหาเสนาบดีก็กล่าวเกินไป ข้าไม่ได้บังคับท่านเสียหน่อย ข้าก็แค่ทำตามสัญญานี่ก็เท่านั้น” ในขณะที่ทุกคนกำลังมองมาที่นาง หลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอาเอกสารสัญญาที่มีลายมือของมหาเสนาบดีออกมา
ด้วยเอกสารที่อยู่ในมือของนาง ก็หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นอยู่ในสิทธิ์ของนาง แล้วมหาเสนาบดีหลินก็ได้มองเอกสารสัญญาที่อยู่ในมือของหลินซีเหยียน สีหน้าของเขาก็แดงราวกับโดนสีย้อมผ้า
“ท่านพ่ออย่าได้กลัวนางไป ข้าได้เชิญยอดฝีมือบางคนมาแล้ว ด้วยฝีมือของพวกเขาจะต้องลงโทษนางได้แน่นอน” หลินเฉิงอวี้ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าที่ชิงชัง วันนี้เขาต้องอับอายมามากพอแล้ว
หลินเฉิงอวี้ก็ได้ตบมือแล้วกล่าว “พี่น้องทั้งหลายออกมากันได้แล้ว!”
“แล้วก็พบชายร่างกายกำยำทรงพลังออกมา 5 คน พวกเขาเดินมาอย่างช้าๆและหนักแน่น แค่มองผ่านๆก็รู้ว่าพวกเขานั้นถูกฝึกมาอย่างดี
มหาเสนาบดีหลินที่ถูกหลินซีเหยียนเล่นงานมานักต่อนักก็คิดว่าในที่สุดเขาก็จะเอาคืนได้แล้ว สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความหวังขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะความจำสั้นเสียจริงๆเลยนะ” หลินซีเหยียนได้จับจ้องไปที่หลินเฉิงอวี้ราวกับไม่อยากพลาดสีหน้าของเขา
“หึ นังนี่ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของข้า” หลินเฉิงอวี้เดินเข้าไปหาทั้ง 5 คนนั้นแล้วชี้ไปที่หลินซีเหยียน แล้วทั้ง 5 คนก็ได้เข้าไปหาหลินซีเหยียนทันที
ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ก้าว หลินซีเหยียนก็มองจุดอ่อนของพวกเขาออกอย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าทั้ง 5 คนนี้จะพอมีพลังอยู่บ้าง แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ช้ามาก หลินซีเหยียนจึงสามารถหลบหลีกการโจมตีของทั้ง 5 คนได้อย่างง่ายดาย
“เฉิงอวี้ คนพวกนี้ที่เจ้าไปหามาจะพึ่งพาได้จริงๆเหรอ?” มหาเสนาบดีหลินถามหลินเฉิงอวี้ด้วยความกังวลเมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน
“ท่านพ่อวางใจได้ ข้าไปเจอทั้ง 5 คนนี้ที่สนามประลอง พวกเขาทุกคนสามารถสู้กับ 1 ต่อ 3 ได้อย่างสบายๆ” หลินเฉิงอวี้พูดอย่างมั่นใจ
แต่หลินซีเหยียนก็ได้หลบชายร่างใหญ่ทั้ง 5 ได้อย่างง่ายดาย โดยฟังการสนทนาของทั้งสองพ่อลูกไปด้วย แล้วนางก็ได้ยักคิ้วแล้วพูดเสียงดัง “นายน้อยสี่ดูเหมือนว่าเจ้าจะรีบทะนงตัวเร็วไปหน่อยนะ”
เมื่อหลินเฉิงอวี้ได้ยิน มีเพียงนางเท่านั้นที่เขาทนไม่ได้ และทำให้โมโหขึ้นมาอย่างมาก
“บัวแดง หน่อเขียว ทั้ง 5 คนนี้ข้าฝากให้เจ้าจัดการที” หลินซีเหยียนมองไปที่แขนเสื้อของนางแล้วพูดในใจ
จากนั้นก็มีดวงแสงสีขาวที่คนธรรมดามองไม่เห็นออกมาจากแขนเสื้อของนาง แล้วพวกเขาแต่ละตนก็ได้เลือกหนึ่งในนั้นแล้วปิดตาทันที แล้วคนที่ถูกเลือกโดยบัวแดงกับหน่อเขียวก็ได้หันกลับและต่อยกันเองอย่างคาดไม่ถึง
“น้องสอง, น้องห้า เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าทั้งสองคน?” พี่ใหญ่สุดของทั้ง 5 คนก็ได้ถามอย่างโมโหและหลบหมัดของน้องชายของพวกเขา
“พี่ใหญ่ หรือว่าพวกเขาต้องโดนผีเข้าสิงไปแล้ว?” แล้วน้องสามก็ได้พูดความคิดประหลาดๆออกมา
“เป็นไปไม่ได้ มันจะต้องเป็นฝีมือของนังปีศาจนั่นทำอะไรสักอย่างเป็นแน่” พี่ใหญ่กล่าวอย่างมั่นใจ
หลินซีเหยียนที่ยืนดูอยู่ห่างๆก็ได้ยักไหล่และคิดว่านางนั้นไม่ได้มีความสามารถมากถึงขนาดนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นฝีมือของบัวแดงและหน่อเขียว ทั้งสองตนนั้นสามารถทำให้ผู้คนเห็นภาพหลอนได้
“เอาล่ะ ปัญหาหนึ่งก็จัดการไปเรียบร้อยแล้ว พวกเราเองก็มาคุยกันสักหน่อยดีไหม?” หลินซีเหยียนมองไปที่มหาเสนาบดีหลินด้วยแววตาที่เย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ใช่ว่าเจ้าแค่อยากจะได้ 3,000 ตำลึงทองหรอกเหรอ?” มหาเสนาบดีหลินจ้องไปที่หลินซีเหยียนที่กำลังโกรธด้วยความกลัว
หลินซีเหยียนกะพริบตา “ในเมื่อท่านรู้อยู่แล้ว แล้วท่านมหาเสนาบดีหลินจะทำเช่นไร?”
“ท่านพี่จะให้ไปไม่ได้นะเจ้าคะ!” ฮูหยินอวี้ดึงแขนเสื้อของมหาเสนาบดีหลิน และเขย่าด้วยความกลัว
“3,000 ตำลึงทอง ต่อให้ขายจวนมหาเสนาบดีนี้ไปก็ยังไม่ได้เงินมากขนาดนั้นเลยนะ!”
มหาเสนาบดีหลินนั้นเดิมทีโมโหอยู่แล้ว แต่ในเวลานี้ ฮูหยินอวี้ก็ได้มาร้องห่มร้องไห้ ก็ได้ทำให้เขาโมโหขึ้นมากไปอีก จึงได้สะบัดแขนของเขา สะบัดฮูหยินอวี้ลงไปกองกับพื้นทันที “ก็ถ้าไม่ทำเช่นนี้ แล้วเจ้าจะทำอย่างไร?”
“ถ้าท่านพี่ยอมยกให้นางไป แล้วทรัพย์สินของหัวเยว่ แล้วทรัพย์สินของเฉิงอวี้ล่ะจะทำอย่างไร?” ฮูหยินอวี้ที่ไม่สนใจหน้าตัวเองอีกแล้ว ก็ได้ลงไปนั่งกับพื้นและร้องไห้เสียงดัง
แล้วมหาเสนาบดีหลินก็ได้เริ่มลังเลที่จะจ่ายเงินให้กับหลินซีเหยียน แล้วลูกคนอื่นๆของเขาล่ะจะทำอย่างไร?
“ซีเหยียน เจ้าก็เห็นแล้วว่าในบ้านมหาเสนาบดีแห่งนี้มีเงินไม่มากพอจะให้เจ้าหรอก” มหาเสนาบดีหลินก็ได้พูดออกมาอย่างถ่อมตัวอย่างหาได้ยาก แต่เขาก็ได้พูดคำที่ทำให้นางยากจะยอมรับได้ขึ้นมา “เจ้าช่วยคิดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างพี่น้องของเจ้าหน่อย ช่วยลืม3,000 ตำลึงทองนี้ไปได้ไหม?”
“ต้องเสียใจด้วย ข้านั้นไม่เคยได้รับความรักจากพ่อและแม่ของข้า ดังนั้นข้าไม่อยากได้รับความรักครึ่งๆกลางๆจากคุณหนูและนายน้อยหรอกนะ” หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวอย่างดื้อรั้นและไม่เปลี่ยนความคิดของนางง่ายๆ