บทที่ 18 พายุฝนทั่วทั้งเมือง (เรื่องไม่ดีที่รู้กันไปทั่ว)
บทที่ 18
พายุฝนทั่วทั้งเมือง (เรื่องไม่ดีที่รู้กันไปทั่ว)
ในตอนเช้ายามรุ่งสาง พ่อบ้านของกว๋อกงจิ่งหยางก็ได้วิ่งหน้าตาตื่นมาที่ห้องนอนของกว๋อกงจิ่งหยาง “นายท่านขอรับมีข่าวร้ายข่าวใหญ่มาแจ้งขอรับ!”
มีเสียงดังกุกกักๆขึ้นมาในห้องแล้วสักพักประตูก็ได้เปิดออกมา กว๋อกงจิ่งหยางได้ยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าที่ไม่ยินดี และสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น “ทำไมต้องวิ่งหน้าตาตื่นขนาดนั้นด้วย มีข่าวใหญ่อะไร?”
พ่อบ้านก็ได้รีบคุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าว “มีเด็กรับใช้ของเราไปพบแผ่นกระดาษมากมายในตอนเช้ามืด ซึ่งข้างในเขียนเอาไว้ว่า.....”
“แล้วมันยังไงต่อ?” กว๋อกงจิ่งหยางคิ้วขมวด เขานั้นไม่ชอบที่พ่อบ้านหยุดเล่ากลางคัน
แล้วพ่อบ้านก็ได้กัดฟันแน่นแล้วพูดออกมา “นายท่านขอรับ มันเป็นหนังสือขอถอนหมั้นที่เขียนโดยบุตรีคนที่สองของมหาเสนาบดีขอรับ”
“อะไรนะ? ไม่ใช่ว่าข้าฉีกแผ่นกระดาษนั่นทิ้งไปแล้วหรอกเรอะ?” กว๋อกงจิ่งหยางตกใจ แล้วสีหน้าของเขาก็ได้ดำมืดขึ้นมาทันทีแล้วกล่าวกับพ่อบ้าน “ไป ให้คนไปรวบรวมแผ่นกระดาษเหล่านั้นมาให้หมด”
พ่อบ้านก็ได้ขานรับคำสั่ง แล้วกว๋อกงจิ่งหยางก็ได้เหม่อมองฟ้าแล้วคิดว่ามันเป็นฝีมือของใครกันแน่นะ?
ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้มีแค่เพียงบ้านของกว๋อกงจิ่งหยางที่ได้รับแผ่นกระดาษเช่นนี้ แต่เกือบทุกตระกูลในเมืองหลวงที่ได้รับหนังสือขอถอนหมั้นนี้ ซึ่งเป็นฝีมือในการประสานงานของหน่วย“อัน”ที่อยู่ภายใต้การสั่งการขององค์ชายเย่
จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นและมีผู้คนเดินกันตามท้องถนนมากขึ้น ซึ่งพวกเขาต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ และต่างก็พากันมองไปที่บ้านของกว๋อกงจิ่งหย่างเป็นช่วงๆ
แม้แต่ในร้านน้ำชาเองก็ยังตามข่าวนี้ และยังมีนักเล่าเรื่องก็เริ่มเล่าเรื่องที่บุตรีคนที่สองของมหาเสนาบดี ที่ขอถอนหมั้นกับบุตรของกว๋อกงจิ่งหยางด้วยความโมโห
“ว่ากันว่าบุตรีคนที่สองของมหาเสนาบดีนั้นได้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นคนโสมมก็ได้กลายเป็นคนที่หยิ่งทะนงขึ้นมาและขอถอนหมั้นกับเฮอเหวินจาง ซึ่งยังมีความลับอีกมากมายในเรื่องนี้ ใครอยากฟังเพิ่มก็เชิญข้าไปเล่าได้เลย”
ซึ่งในบรรดาผู้ฟังนั้น มีหญิงสาวใส่ชุดสีม่วงที่กำลังฟังเรื่องนี้อย่างสนใจพลางลิ้มรสชาในมือของนาง ซึ่งหญิงสาวคนนี้ก็คือตัวเอกในข่าวนั้นหลินซีเหยียนนั่นเอง และผู้คนที่อยู่กับนางก็ย่อมเป็นเทียนเอ๋อกับจิ่งชุน
จิ่งชุนที่ได้ฟังเรื่องที่นักเล่าเรื่องเล่าเรื่องของคุณหนูของนางเองแล้วก็ทั้งหัวใจและสีหน้าก็โกรธจัดขึ้นมาทันที เรื่องเท็จเช่นนี้จะไม่ให้นางโมโหได้อย่างไร แต่พอนางจะเข้าไปด่านักเล่าเรื่องที่เล่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้ นางก็กลับถูกห้ามโดยหลินซีเหยียน
“อย่าไปขัดนักเล่าเรื่องเลย ข้าว่ามันก็สนุกดีออก” หลินซีเหยียนนั้นนั่งอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนเช้า และฟังนักเล่าเรื่องที่เล่าเรื่องละครรักจนเกือบจะจบแล้ว
“แม่นางหลิน นายท่านอาการทรุดหนักท่านช่วยรีบไปด้วย” เสียงของอันอี้ดังขึ้นมาจากด้านหลังของหลินซีเหยียน แล้วหลินซีเหยียนก็พลันนึกถึงงานหลักของนางออกได้
นางจึงได้รีบลุกขึ้นยืนแล้วแอบเสียดายนิดหน่อยในใจที่ไม่ได้ฟังเรื่องเล่านี้จนจบ
หลินซีเหยียนจึงได้รีบมุ่งหน้าไปที่พระราชวังรัตติกาลทันที ที่ด้านนอกของห้องนอนองค์ชายเย่นั้น นางก็พบหญิงสาวในชุดสีขาว ใบหน้าของนางนั้นซีดเซียวมาก แต่นางก็ยังคงจ้องมองไปในห้องนั้น
นางนั้นจำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นหญิงสาวคนนี้ในพระราชวังนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาทำความรู้จักกับนางแล้ว หลินซีเหยียนได้เข้าไปในห้องทันที
แสงในห้องนี้สลัวๆ แต่นางก็ยังพอมองเห็นคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอยู่ เมื่อนางเดินเข้าใกล้ๆก็เห็นสีหน้าของ เจียงหวายเย่ที่กำลังฝืนทนกับอาการเจ็บปวดอยู่ตรงหน้านาง
เจียงหวายเย่นั้นดวงตาปิดสนิท คิ้วยาวๆของเขาสั่นระรัว และหน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อ มีรอยเลือดที่อยู่ที่มุมปากเพราะว่ากัดริมฝีปากตัวเอง แสดงให้เห็นว่าเขานั้นอ่อนแอมาก
“ช่างเป็นคนที่ทนทายาดอะไรอย่างนี้!” หลินซีเหยียนก็ถอนหายใจแล้วหยิบเอาเข็มเงินออกมา แล้วเริ่มทำการรักษาพิษในร่างกายของเจียงหวายเย่
อาการของพิษแผ่ซ่านเช่นนี้ไม่ใช่อะไรที่ฝืนทนกันได้ง่ายๆ หลินซีเหยียนเดาว่าเขาคงจะต้องทนทรมานจนอาการหนักถึงได้ส่งคนออกไปตามหานาง หลังจากที่ทำการลดอาการของพิษเรียบร้อยแล้วเจียงหวายเย่ก็ได้หลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน
หลินซีเหยียนจึงได้เดินออกไปข้างนอกแล้วสั่ง “ไปเตรียมน้ำร้อนกับผ้าเช็ดตัวมาให้ด้วย”
อันอี้ก็ได้ไปจัดการเตรียมให้อย่างเชื่อฟังทันที ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังจะกลับเข้าไปในห้อง หญิงสาวในชุดสีขาวก็ได้รีบมาหาหลินซีเหยียนแล้วถาม “ท่านหมอหลิน อาการของลูกพี่ลูกน้องของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เสียงของหญิงสาวชุดขาวนั้นทั้งอ่อนโยนและไพเราะมาก
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวและมองไปที่คนที่น่าจะเป็นผู้หญิงของเจียงหวายเย่คนนี้ นางจึงได้หรี่สายตาของนางลง
“ไม่ทราบว่าถ้าเหลียนเอ๋อจะขอเข้าไปด้านในเพื่อไปขอดูจะได้ไหม?” ดวงตาที่งดงามของเหลียนเอ๋อนั้น ในเวลานี้เหมือนอยากที่จะร้องไห้ ทำให้ยากแก่การที่จะปฏิเสธ แต่ด้วยนิสัยที่หยิ่งทะนงขององค์ชายเย่แล้ว นางเกรงว่าเขาคงจะไม่อยากให้คนอื่นได้เห็นเขาในสภาพนี้แน่
“แม่นางเหลียนเอ๋อ ในเวลานี้องค์ชายกำลังเหนื่อยมาก ท่านควรจะรอให้องค์ชายฟื้นเสียก่อนค่อยเข้าไปนะเจ้าคะ” หลินซีเหยียนกล่าวในสิ่งที่นางคิดเอาไว้
ถึงแม้ว่านางจะตอบอย่างซื่อตรง แต่คนอื่นกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น
“ท่านหมอหลิน ท่านเป็นแค่หมอเท่านั้น แต่คุณหนูเป็นถึงญาติขององค์ชาย และเป็นเหมือนเจ้าของพระราชวังนี้ครึ่งหนึ่ง คุณหนูอุตส่าห์ขอท่านอย่างให้เกียรติ แต่ท่านกลับห้ามไม่ให้นางเข้าไปได้อย่างไร”
“หยวนเอ๋อเจ้าอย่าเสียมารยาท ที่ท่านหมอหลินกล่าวเพราะกลัวว่าข้าจะไปรบกวนการพักผ่อนขององค์ชาย” เหลียนเอ๋อดุสาวรับใช้ของนาง และจากนั้นก็กลับมายืนโดยไม่ได้กล่าวอะไร
ข้ารับใช้คนอื่นๆในพระราชวังต่างก็เริ่มแอบกล่าวโทษหลินซีเหยียน เป็นเพียงแค่คนนอกแต่กลับคิดหวงก้างองค์ชายและปฏิเสธที่จะให้คุณหนูเหลียนเข้าพบองค์ชาย
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เหลียนเอ๋อ และพบแววตาขบขันอยู่ในดวงตาของนาง ช่างเป็นผู้หญิงที่หน้าใส่ซื่อแต่ในใจกลับคิดคดอะไรเช่นนี้! ดูเหมือนว่าผู้หญิงขององค์ชายเย่คนนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“แม่นางหลินข้านำน้ำมาให้แล้ว” อันอี้ที่กลับมาถึง เหลียนเอ๋อก็ได้แอบมองไปที่เขาทันที
“เอามาให้ข้า ข้าจะเช็ดตัวให้องค์ชาย” หลินซีเหยียนยักคิ้วแล้วกล่าวเสียงดัง ราวกับเป็นการจงใจยั่วโมโหเหลียนเอ๋อ เหลียนเอ๋อจึงได้กัดริมฝีปากของนางอย่างเกรี้ยวกราด
อันอี้เองก็ตกใจมากที่เห็นว่าแม่นางหลินเป็นห่วงเป็นใยองค์ชายมากเช่นนี้ อุตส่าห์จะช่วยเช็ดตัวองค์ชายด้วยตัวเอง เขาจึงได้รีบมอบน้ำกับผ้าให้กับหลินซีเหยียนอย่างเชื่อฟัง
“ท่านหมอหลิน ถ้าท่านทำเช่นนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์ชายได้ ข้าคิดว่าควรจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณหนูเหลียนจะดีกว่า!” หยวนเอ๋อที่ทนไม่ไหวก็ได้เข้ามาขวางแล้วกล่าว
“หยวนเอ๋อ!” เหลียนเอ๋อตะโกนด้วยความโกรธ แต่ความเกลียดชังของผู้คนรอบตัวนางกลับมาลงที่หลินซีเหยียนมากขึ้นเรื่อยๆ
หลินซีเหยียนจึงได้ผงกหัว “มีเหตุผล ถ้าเช่นนั้นข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่าน”
ว่าแล้วนางก็ได้ส่งมอบอ่างน้ำให้เหลียนเอ๋อโดยไม่ลังเล เหลียนเอ๋อเองก็ตกใจเพราะคิดว่าหลินซีเหยียนจะไม่ยอมมอบให้
“ไม่ได้หรอกขอรับ องค์ชายนั้นไม่ยอมให้ผู้หญิงอื่นเข้าใกล้ แม่นางหลินเป็นข้อยกเว้นขอรับ”
หลินซีเหยียนก็โบกมือ “ไม่ต้องกังวลหรอกน่า องค์ชายกำลังหลับอยู่”
เหลียนเอ๋อรู้สึกดีใจมากนี่เป็นโอกาสที่นางจะได้ใกล้ชิดกับองค์ชายแล้ว ว่าแล้วนางก็วางอ่างน้ำลงใกล้ๆพลางคิด หมอหลินจะเป็นข้อยกเว้นจริงๆเหรอ?
“รีบไป!” หลินซีเหยียนก็ได้พูดเตือนนาง
เหลียนเอ๋อก็ผงกหัว นางคิดว่านางนั้นเป็นถึงนายหญิงของพระราชวังนี้ ถึงแม้องค์ชายเย่จะฟื้นขึ้นมา ก็ยังคงจะไว้หน้านางไว้บ้าง! จากนั้นเหลียนเอ๋อก็ได้เปิดประตูเข้ามาข้างใน
มันสายไปเสียแล้วที่จะห้ามนาง องค์ชายที่กำลังสลบอยู่กำลังถูกเนื้อต้องตัวโดยผู้หญิงอื่น เขาคิดที่จะตะโกนห้ามแต่ก็กลัวจะไปปลุกองค์ชายเข้า
เหลียนเอ๋อก็ได้เข้าใกล้องค์ชายมากขึ้นเรื่อยๆ และในขณะที่นางกำลังจะเช็ดตัวองค์ชายอยู่นั้นเอง องค์ชายเย่ก็ได้ลืมตาขึ้น จากนั้นโดยที่ไม่มองหน้าเหลียนเอ๋อเขาก็ได้พูดอย่างเย็นชา “ทุกคนออกไป หลินซีเหยียนอยู่ต่อ....”
เหลียนเอ๋อก็ได้มองไปที่องค์ชายเย่ แล้วสีหน้าของนางก็ซีดทันทีแล้วนางก็ได้พูดพร้อมกับฝืนยิ้ม “ท่านพี่พักผ่อนให้เพียงพอพวกเราจะออกไปเดี๋ยวนี้”